บทที่ 159 เขาขี้โกง   1/    
已经是第一章了
บทที่ 159 เขาขี้โกง
บทที่ 159 เขาขี้โกง สุดท้ายเธอก็ไม่ขยับ รับปากเขาไปแล้ว แค่เขาคืนอิสระให้แก่เธอ เธอจะพาเด็กๆไปอุทยานธรณีวิทยาภูเขาไฟกับเขาหนึ่งครั้ง เธอมีแต่รับไปไม่มีเสีย ทำไมจะต้องไม่รับปากกัน เธอไม่ได้รู้สึกเสียใจภายหลัง แค่รู้สึกไม่คุ้นที่เด็กๆเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเช่นนี้ เธอไม่ได้พูดอะไร สายตาจ้องอยู่ที่ทิวทัศน์ข้างนอกกระจกรถเท่านั้น ต้นไม้ใบหญ้าต่างเขียวชอุ่ม เมืองดรัลไม่เคยมีหน้าหนาวอย่างแท้จริง นี่คือช่วงที่หนาวที่สุดของเมืองดรัลแล้ว เพียงแค่เสื้อสเวตเตอร์บางๆและเสื้อนอกอีกหนึ่งตัวก็กันหนาวได้แล้ว “หม่ามี๊ หนูไม่ใช่พลสังข์ เพ็ญนีติ์หรือคะ” “ใช่ค่ะ หนูก็ติณณา เพ็ญนีติ์ นะคะ” เธอส่ายหน้า “แด๊ดดี๊ของพวกหนูเปลี่ยนนามสกุลพวกเธอเป็นพลสังข์แล้วค่ะ ตอนนี้พวกหนูเป็นลูกของแด๊ดดี๊ ไม่ใช่ลูกของหม่ามี๊อีกแล้ว” เธอแค่งอนเท่านั้น แต่ที่เธอพูดนั้นก็คือความจริง ทะเบียนราษฎร์ของพวกเด็กๆนั้นไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเธอเลย แต่เธอ ก็เป็นแม่ที่ให้กำเนิดพวกเธอมา เลี้ยงพวกเธอจนโตมาอย่างยากลำบาก แต่ปุริมกลับมาขโมยเอามาใส่เป็นชื่อของเขาแทน เขามันขี้โกง และเธอก็ยอมไม่ได้จริงๆ “เพ็ญนีติ์ อย่าล้อลูกเล่นแบบนั้น คุณเปิดกล่องนั่นดูแล้วคุณจะรู้” ปุริมที่นั่งอยู่ที่นั่งคนขับพลางขับแล้วหันมากล่าวเสียงเบา “คะ” เธอขมวดคิ้ว สายตามองตามนิ้วของขอเขาที่ชี้ไปยังกล่องเล็กๆข้างๆคนขับ ในใจรู้สึกสับสนว่าควรจะเปิดมันดีไหม “เปิดดูเถอะ” สุดท้ายความอยากรู้อยากเห็นก็ทำให้เธอเอื้อมมือไปเปิดกล่องนั้น เมื่อมองเข้าไป ในกล่องที่ว่างนั้นมีสมุดสีแดงเล่มเล็กนอนอยู่ นั่นคือสำเนาทะเบียนบ้าน หยิบขึ้นมาอย่างช้าๆ แล้วค่อยๆเปิดมัน ทั้งสามหน้านั้นมีชื่อคนกำกับไว้หมด หน้าแรกเป็นชื่อเจ้าของบ้านนั่นคือเธอ ต่อมาคือส้ม และต่อด้วยอ้อย เมื่อไหร่กันที่เขาได้คืนเด็กๆมาให้กับเธอด้วย เงียบหน้ามองนิ่ง จ้องมองที่แผ่นหลังของเขา เธอรู้สึกถึงแค่หัวใจที่เต้นดังอยู่ในตอนนี้เท่านั้น เขาไม่เพียงแต่คืนอิสระให้แก่เธอ แต่ยังคืนเด็กๆมาให้เธอด้วยเช่นกัน ปุริม เขาหมายความว่าอย่างไรกัน “หม่ามี๊ นี่ชื่อของหนู” “ส่วนนี่ชื่อของหนู” เด็กทั้งสองปรี่มาข้างๆเธอ ช่วยเธอดูสมุดเล่มเล็กนี่ ค่อยๆปิดมัน ยิ่งเดาไม่ออกเขาไปใหญ่ปุริมนั้นหมายความว่าอย่างไรกัน แต่เดิม เธอรู้ว่าตัวเองในเวลานี้ต้องดีใจมากๆถึงจะถูก แต่ตอนนี้ใจของเธอกลับไม่รู้สึกยินดีแต่กลับรู้สึกกดดัน กล่าวกับเขาเบา: “ขอบคุณค่ะ” เขาไม่ได้พูดอะไร ตั้งใจขับรถไปอุทยานธรณีวิทยาภูเขาไฟ บรรยากาศอึดอัดทำให้เด็กๆพิงเบาะรถและหลับไปในที่สุด ลมหายใจสม่ำเสมอและกลิ่นหอมของเด็กๆเด็กที่อบอวลในรถทำให้เพ็ญนีติ์กึ่งหลับกึ่งตื่น เมื่อวานไม่ได้นอนเต็มอิ่มเลย เธอยังคงง่วงอยู่ หลับตาลง แต่เดิมเพียงแค่ต้องการพักสายตาเท่านั้น แต่ไม่คิดว่าเธอจะหลับลงไปเลย ความจริงเมืองดรัลนั้นอยู่ห่างไม่ไกลจากอุทยานธรณีวิทยาภูเขาไฟ เพียงแค่ขับรถหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น กำลังนอนหลับได้ที่ ร่างกายก็ถูกสะกิดเบาๆ “เพ็ญนีติ์ตื่น ถึงแล้ว” “อ่า...” เธอค่อยๆมตาขึ้นมา สติยังไม่กลับมาทั้งหมด รู้สึกมึนงงไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน “ถึงแล้ว เป็นโรงแรมเดียวกับครั้งก่อน” เสียงเข้มของปุริมดังขึ้นมาข้างๆหูของเธอ “พรึบ” นั่งหลังตรง ถึงได้รู้ว่ารถนั้นจอดแล้ว ตึกที่สวยงามข้างนอกนั้นคือโรงแรมเดียวกันกับที่เธอมาพักครั้งก่อนตอนมาที่อุทยานธรณีวิทยาภูเขาไฟนี่ “ทำไมถึงเร็วจังคะ” เธอยังไม่รู้ว่าตัวเองนั้นได้หลับไป “ผมอุ้มเด็กๆ ส่วนคุณถือของ พวกเราเข้าไปกัน” เขาหัวเราะน้อยๆ เสียงที่อ่อนโยนแบบนั้นดูไม่เหมือนเขาสักนิด ใบหน้ายิ้มเช่นนั้น ทำให้เพ็ญนีติ์รู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน สองมือจึงหยิบของขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว เด็กน้อยทั้งสอง เขาอุ้มขึ้นมาหนึ่งคน แต่พอจะอุ้มขึ้นมาอีกคนก็รู้สึกว่ามันช่างลำบาก เพ็ญนีติ์เห็นท่าทางที่ลำบากของเขาก็อดจะกล่าวขึ้นมาไม่ได้: “กลางวันแล้ว ปลุกพวกเธอขึ้นมาเถอะค่ะ” “อย่า ให้พวกเธอนอนไปเถอะ เมื่อวานคงไม่ได้นอนกันสักเท่าไหร่” เมื่อได้ยินเช่นนี้ เธอรู้สึกว่ามันไม่ถูก ไม่ถูกจริงๆ เมื่อคืนวานตอนเธอไปเอาสัญญาที่วิลล่าเด็กๆทั้งสองก็ยังหลับอยู่นี่ “คุณรู้ได้อย่างไรกันว่าพวกเธอไม่ได้นอน” อุ้มเด็กทั้งสองคน แต่เขายังเดินได้อย่างมั่นคง หากไม่ใช่ว่าเธอเดินอยู่ข้างหลังเขา เขาคงเดินไปไวว่านี้ เมื่อได้ยินเธอกล่าวเช่นนั้น เขาที่อุ้มเด็กทั้งสองอยู่ก็หันหลังมา แล้วกล่าวเสียงเบา: “คุณลองเดาดู” “คิกคิก” เธอหัวเราะ ท่าทางเขาเช่นนั้นมันน่าขันเสียจริง เหมือนกับว่ามันเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่มาก “มีอะไรให้ต้องเดากัน คุณคงโทรคุยกับพวกเธอแน่ๆ” ไม่อย่างนั้นตั้งแต่บนรถนั้นเด็กๆและเขาต่างอยู่ในสายตาของเธอตลอด แต่ก็ไม่ได้เห็นท่าทางสุมหัวอะไรของพวกเขาเลย “ฮ่าฮ่า” เขาหัวเราะเสียงเบา ตัวคนนั้นเดินไปถึงเคาน์เตอร์ของฟร้อนท์โรงแรมแล้ว มองภาพแผ่นหลังของเขาที่อุ้มเด็กทั้งสองอยู่ เธอก็รู้สึกขึ้นมาว่าเขาและเด็กๆที่อยู่ด้วยกันนั้นดูสามัคคีกันดี เหมือนกับว่าเขาอุ้มเด็กๆอย่างนี้มาหลายครั้งแล้ว เมื่อถึงฟร้อนท์ก็รับการ์ดประตูมา แต่เดิมเขาได้จองไว้สองห้องก่อนแล้ว “เพ็ญนีติ์ คุณถือการ์ดไว้ พวกเราจะขึ้นลิฟต์ไปกัน” “ค่ะ” เธอถือของไปเท่านั้น เด็กสองคนนั้นยังนอนอยู่เลย เมื่ออยู่ในลิฟต์ อ้อยและส้มในที่สุดก็มีท่าทางตื่นขึ้นมา บิดตัวแล้วขยี้ตาน้อยอยู่ในอ้อมกอดของปุริม อ้อยลืมตาขึ้นมาก่อน เห็นปุริมก่อนคนแรก “แด๊ดดี๊ ถึงไหนแล้วคะ” “ถึงโรงแรมแล้วครับ เดี๋ยวก็ถึงห้องพักแล้ว” “แด๊ดดี๊บอกไว้ว่าจะพาพวกหนูไปว่ายน้ำ แล้วบอกว่าจะไม่หนาวด้วย” เมื่อได้นอนหลับ ก็ลืมเรื่องที่ไม่มีความสุขบนรถนั้นไปทันที อ้อยนึกถึงแต่เรื่องที่เธอสนใจเท่านั้น “ครับ ไปเปลี่ยนชุดทานข้าวก่อนค่อยว่ากัน” รีบปล่อยมือวางอ้อยลงอย่างไว เมื่อลิฟต์หยุดลง ส้มเองก็ตื่นขึ้นมา ส้มดีดดิ้นลงมาจากตัวของปุริม ตาโตคู่สวยนั้นมองมาที่ตัวของเพ็ญนีติ์ “แด๊ดดี๊ หม่ามี๊ถือของเยอะมากเลยค่ะ ดูหนักมากเลย แด๊ดดี๊ช่วยหม่ามี๊ถือหน่อยสิค่ะ” ปุริมยิ้มแล้วยื่นมือมา “ให้ผมเถอะ” เพ็ญนีติ์ไม่เกรงใจ ส่งของทั้งหมดไปไว้ในมือเขาทันที เหมือนกลัวว่าจะไม่ทันการเอา ให้มือของเขานั้นถือของที่หนักๆไปทั้งหมด อีกนิดของก็จะตกลงในลิฟต์แล้ว แต่โชคดีที่ปุริมไวเอาเรื่อง ยื่นมือออกไปเล็กน้อย ของจึงไม่ตกในลิฟต์ แต่กระเป๋าของเด็กน้อยทั้งสองกลับตกไปแทน “ตึง” และของชิ้นเล็กๆก็ตกออกมา นั่นคือของเพ็ญนีติ์ แว่นตาเล็กๆหนึ่งอัน หวีอันเล็ก และมีลิปสติกอีกด้วย รวมทั้งยังมี... ผ้าอนามัยที่ยังไม่ได้ใช้ เธอแค่กลัวว่าประจำเดือนมันจะมากะทันหัน ดังนั้นจึงเตรียมมาเผื่อ แต่แค่ผ้าอนามัยแผ่นเดียวเท่านั้น ก็ทำให้ใบหน้าของเพ็ญนีติ์แดงก่ำ รีบย่อตัวลงเก็บ แต่ก็ไปแตะเข้ากับมือของปุริม มือที่ใหญ่และร้อนคู่หนึ่ง แว่นตา หวีและลิปสติกห่างจากเธอไปไกล แต่ว่าผ้าอนามัยมันดันอยู่ในมือของเขา เขาหยิบมันอย่างเป็นธรรมชาติมาก แล้วเก็บมันลงไปในกระเป๋าต่อหน้าต่อตาของเธอ ทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างหน้าตาเฉย “หม่ามี๊ แด๊ดดี๊ พวกเราอยู่ห้องไหนกันหรือคะ” อ้อยและส้มแค่ตื่นขึ้นมาก็เริ่มกระโดดโลดเต้นทันที พลังเยอะจริงๆ เพ็ญนีติ์ไม่ได้พูดอะไร รีบแย่งกระเป๋าในมือเขามาอย่างรวดเร็ว “ให้ฉันค่ะ” เขายืนขึ้น เขาเดินไปยังข้างในสุดของทางเดิน: “1202และ1203ครับ ใครหาเจอก่อนจะได้รางวัลด้วย” อ้อยและส้มตาโตก่อนจะรีบวิ่งไปหาเลขห้องพัก แล้วก็ลืมปุริมกับเพ็ญนีติ์ไปโดยเร็ว เขาปล่อยมือจากกระเป๋าใบนั้น นั่นทำให้เธอโดนกระชากเข้าไปใกล้ตัวเขา กลิ่นหอมในอากาศผสมไปกับกลิ่นกายของชายหนุ่ม นั่นทำให้เธอตัวสั่นเล็กน้อย เสียงของเขานั้นลอยตามลมมา “อย่าได้เอามาหลอกผมอีก” เพียงไม่กี่คำ แต่ทำให้เธอนึกไปถึงครั้งแรกของเธอกับเขาขึ้นมาทันที คืนนั้น เธอให้เขาคิดว่ารอยเลือดนั้นคือเลือดประจำเดือนของเธอ ทำให้เขาคิดว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นในคืนนั้น แต่ว่าในคืนนั้น ทำให้เธอมีเด็กน้อยทั้งสองอย่างอ้อยและส้ม ชะงักเท้า เธอหยุดลงข้างหลังของเขา ความจริงประจำเดือนของเธอนั้นไม่มา “เป็นอะไรทำไมไม่พูด” ความจริงการเดินบนพื้นพรมนั้นทำให้ไม่มีเสียงฝีเท้า แต่เขาก็ยังรู้ว่าเธอหยุดเดิน ใบหน้าของเธอแดงวาบ เธอรู้สึกว่าคำถามส่วนตัวแบบนี้เขาไม่ควรเอามาถามตรงทางเดินเช่นนี้ แต่เขาก็ยังถามออกมา และถามอย่างเป็นธรรมชาติเสียด้วย เหมือนกับว่าเป็นเรื่องที่เขาสมควรจะต้องรู้ แย้มยิ้มออกมา “ปุริมคะ ตอนนี้ฉันไม่ใช่ภรรยาของคุณ และไม่ได้เพื่อนร่วมธุรกิจของคุณด้วย พวกเรานั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกัน” เขาใส่ใจมากเกินไปแล้ว เขาก้าวเท้า ในตอนนี้ที่เธอมองแผ่นหลังของเขาอย่างนิ่ง เสียงที่น่าดึงดูดของเขาตอบกลับมาอีกครั้ง “เพ็ญนีติ์ พวกเรามาเริ่มต้นกันใหม่เถอะ...” กล่าวจบ เขารีบเดินตามอ้อยและส้มไป เหลือเพียงเธอที่ยืนอยู่โดยที่ในมือถือกระเป๋าที่ใส่ผ้าอนามัยห่อเล็กๆไว้อยู่ด้วย ลืมว่าจะต้องเอาไปด้วย เขาบอก: เพ็ญนีติ์ พวกเรามาเริ่มต้นกันใหม่เถอะ เริ่มต้นจากตอนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันมาก่อนน่ะหรือ ใจเต้น และเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ไมได้ เธอทำไม่ได้ ปุริม ในใจของเขามีเพียงเพ็ญภัทร์ เพียงได้พบกับเพ็ญภัทร์ สติทั้งหมดของเขาก็จะกลายเป็นศูนย์ทันที ใจของชายหนุ่มเพียงดวงเดียวนั้นได้ยกให้แก่ผู้หญิงอีกคนไปแล้ว เธอจะเอาไปทำไม “แด๊ดดี๊ หนูเจอห้องแล้วค่ะ นี่ห้อง1202 ค่ะ” ส้มชี้ไปที่เลขห้องด้วยความตื่นเต้น “แด๊ดดี๊บอกว่ามีรางวัลด้วย” “มีครับ” คนร่างสูงย่อตัวลงไปหอมที่ใบหน้าของส้มหนึ่งที “แด๊ดดี๊ หนูด้วยค่ะ” อ้อยเองก็ไม่ลืมที่จะเข้าไปร่วมลงด้วย แล้วให้ปุริมหอมที่หน้าของเธออีกหนึ่งที แต่ว่าในมือของเขานั้นไม่มีการ์ด ถึงแล้วจึงไม่ได้เปิดประตู ถือกระเป๋าหันหลังมา “เพ็ญนีติ์ การ์ดล่ะ” เพ็ญนีติ์ถึงได้รีบเดินเข้าไป เห็นว่าสองมือของเขานั้นมีของเต็มไปหมดจึงได้หยิบการ์ดมาช่วยเปิดประตู สองห้องนั้นเหมือนกัน “หม่ามี๊ หนูกับอ้อยนอนห้องนี้นะคะ” ส้มชี้ไปที่หนึ่งในห้องพักนั้นแล้วกล่าว “ค่ะ หม่ามี๊อยู่กับพวกหนู” “นั่น...” ส้มดูสับสน เหมือนมีอะไรที่อยากจะพูดออกมา
已经是最新一章了
加载中