บทที่3
บทที่3
เหตุการณ์บนรถบัสที่เกิดขึ้นนั้น หลังจากที่วรวรรณกลับมาถึงห้องนอนของเธอแล้ว เธอก็ไม่ได้บอกใครถึงเรื่องราวก่อนหน้า
พูดกันตามจริง วรวรรณที่อยู่ในห้องพักตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าทำไม เธอถึงรู้สึกแปลกๆ สาวสาวในห้องพักนี้ไม่มีใครมีแฟน ตอนนี้ก็ปีสามแล้ว พูดกันตามจริง ความรักซักหนึ่งครั้งก็ยังไม่มี
ทุกวันนี้ก็คร่ำครวญอยากจะมีแฟน แต่ก็นะ ก็พูดไปงั้นแหล่ะ แต่ไม่เอาตัวเองออกไปข้างนอกบ้างวันๆก็หมกอยู่แต่ในหอ
เลื่อนWeibo ซื้อของในTaobao
แล้วยิ่งเรียนคณะศิลปศาสตร์ภาษาอังกฤษ ทุกวันนี้ที่พอจะเข้าถึงได้ก็มีแต่ผุ้หญิงทั้งนั้นแหล่ะ
อีกอย่าง คุณๆรู้กันมั้ยว่า ผู้ชายที่เรียนศิลป์อิ้งอ่ะ เป็น…..
เพราะอย่างนั้น ไม่ว่าใครก็ตาม ขอเพียงคนนั้นคนนึง แค่เพียงลมพัดผ่านในหญ้าให้สั่นไหวก็คงจะทำให้ทั้งห้องนอนไม่เงียบเหงาอีกต่อไป
ถ้าเป็นแบบนั้น ก็คงจะดีมากทีเดียวหล่ะ
แต่ว่ามันก็เป็นเพียงอุบัติเหตุเรื่องหนึ่งก็เท่านั้น
วรวรรณเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะเกิดอาการอ่อนไหวขึ้นอีกครั้ง
เพียงแต่ว่า เขาก็แค่หนุ่มหล่อคนนึง ถ้าจะให้พูดถึงเขาก็คงต้องใช้เวลาใคร่ครวญพักนึงเชียวหล่ะ
อีกอย่างแม้แต่ชื่อของเขาเธอยังจำไม่ได้เสียด้วยซ้ำ
ดังนั้นอีเรื่องที่ผ่านมานั่นก็ทำได้แค่ลืมๆมันไป
แต่ก็นั่นอีกแหล่ะ ไม่รู้ว่าทำไม คืนนั้นที่วรวรรณนอนบนเตียงกลับนอนไม่ค่อยหลับ
ก็ชัดๆอยู่ว่าเธอหน่ะเหนื่อยอ่อนเพลียตั้งขนาดนี้แล้ว แต่ว่าไม่รู้อีกแหล่ะว่าทำไม พอเธอปิดเปลือกตาลงปุ๊ป ก็จะย้อนกลับไปเห็นใบหน้าที่หล่อจนแทบจะเป็นลม ได้ยินแม้กระทั่งเสียงหัวเราะของเขา
วรวรรณพลิกตัวไปอีกข้างหนึ่ง บอกกับตัวเอง ว่าไม่ให้คิดเรื่องนี้อีก แต่ยิ่งพูดกับตัวเองแบบนั้นก็ราวกับว่าหัวสมองก็ยิ่งคิดเข้าไปอีก ไม่อาจจะสลัดออกจากหัวได้เลย เธอหันหน้าไปมา เสียงนั่นราวกับทะลุเข้ามาฝังไว้ในหัวของเธอเอง
คำพูดที่เหมือนหยอกล้อนั้น มันแสดงออกถึงความซุกซนอย่างเปิดเผยของเขา แล้วยิ่งการกระทำนั้นเกิดจากเด็กน้อยอย่างเขา “ย่างนี้น่าจะแดงเพราะเขินแหงๆ แต่ก็ไม่ได้เขินมากเท่าไหร่”
น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้น ดูไร้กังวลและอบอุ่น
ที่ดูราวกับว่าสามารถทะลุเข้ามาข้างในหัวใจคนได้อย่างง่ายดาย
วรวรรณหันหน้าไปมอง ในความมืดมิดนั้น รู้ทั้งรู้แหล่ะว่าตัวเองจะมองอะไรไม่เห็นเลย
เพียงแค่รู้สึกเหมือนตัวเธอเองโดนเผาไหม้ไปทั้งตัว
วรวรรณเอามือมาจับที่ใบหน้าของเธอเอง มันร้อนมาก
มันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเธอกันแน่นะ?
พระเจ้าเขาอายุน้อยกว่าฉันอีกนะ
หรือมันจะเป็นเพราะว่า เธอขาดผู้ชาย?
หัวใจของเธอตะโกนออกมาอย่างไม่รู้ตัว ร่างกายร้อนผ่าวไปทั้งร่าง และก็ยิ่งมากขึ้นมากขึ้นไปอีก
สุดท้ายแล้ววรวรรณยังสรุปกับตัวเองไม่ได้ว่าเธอจะนอนหลับลงได้ยังไง
ตื่นขึ้นในวันถัดมา ตื่นมาพร้อมกับถุงใต้ตาอันเบ้อเร่อ กับความรู้สึกไม่สดชื่นขั้นสุด วรวรรณหาวขึ้นมาหนึ่งหวอด มองตัวเองในกระจกแล้วก็ถอนหายใจขึ้นมาอีกครั้ง
“จันทร์ เมื่อคืนเธอทำอะไรหน่ะ ?” สวรสพูดทักขึ้นมา
“ฉันกลับจากเที่ยวก็เห็นเธอนอนพลิกไปพลิกมาเป็นอะไรรึเปล่า?”
“ฉัน…..” วรวรรณกลอกตาหลุกหลิก ตัวทั้งตัวเหมือนจะไม่มีแรง
“นอนไม่ค่อยหลับอ่ะ” แต่ก่อนวรวรรณชื่อวรรษมน แต่พ่อกับแม่คิดว่าชื่อนี้มันทั้งเรียบง่ายไม่โดดเด่น เลยเรียกเป็นวรวรรณและเป็นเพราะว่าตอนที่เธอเกิดมานั้น พระจันทร์ก็ดู สวยงามกระจ่างฟ้า
ชื่อเล่นของวรวรรณก็เลยเป็นจันทร์นั่นเอง
“มีความรักหรือไงฮะ?” สวรสเย้า
“พูดไร้สาระอะไรหน่ะ?” วรวรรณพูดโดยไม่หันหน้าไป แล้วหยิบผ้าขนหนูขึ้นมา
“ไร้สาระอย่างนั้นหรอ ดูเธอสิ ผิดกับสิ่งที่พูดเลย พูดแล้วก็หน้าแดง เธอจะไม่มีแฟนได้ยังไง” สวรสพูดแนมอิจฉา
เธอส่ายหน้า ก่อนจะหันหน้าไปหากระจก มองตัวเอง
ใบหน้าของวรวรรณอยู่ใต้ผ้าขนหนู
หน้ารูปไข่นั้น ดูน่ารักอ่อนโยน แต่ภายใต้ผ้าขนหนูที่เย็นๆนั่น ความร้อนผ่าวก็ยังไม่จางหายไป
ยังไงก็ไม่ยอมรับ เธอส่ายหน้า แต่แค่พูดถึงขึ้นมา สมองของเธอก็ย้อนกลับไปหาชายหนุ่มหล่อคนนั้นขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
เพียงเท่านั้นรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นมาเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว
ให้ตายเถอะ คนๆนี้ยังไม่หายออกไปจากหัวของเธอซักที
วรวรรณก็ถอนหายใจออกมาโดยไม่รู้ตัว
ใบหน้าที่ร้อนผ่าวอยู่นั่น ก็ยังไม่หายไป