บทที่4
บทที่4
ผ่านไปจนสัปดาห์ต่อมา วรวรรณก็ยังคงนอนไม่หลับ
ก็เห็นได้ชัดอยู่ว่าวันทั้งวันเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ไม่อยากจะลุกออกจากเตียงเลยทีเดียว แต่ว่า พอตกกลางคืนเข้า นอนลงบนเตียง ตาก็ปิดลงแล้วแท้ๆ แต่หัวสมองกลับไปคิดถึงเงาของคนในวันนั้น
พูดกันตามจริง นี่ก็ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้วนะ แต่รูปร่างลักษณะของชายคนนั้นก็ยังคงตราตรึงไม่เลือนราง
แต่ว่ามีบางอย่างที่น่าสนใจอยู่ “คงเป็นหญิงสาวที่ขี้อายแต่ไม่ได้ก็ไม่ได้มากมาย ”
ทุกครั้งที่วรวรรณหลับไป เสียงนั่นก็ไม่รู้ลอยมาจากที่ไหน
ให้ตายเถอะ
วรวรรณสบถอย่างหัวเสีย
เธอพลิกตัวไปมา รู้สึกอึดอัดไปหมดทั้งตัว
คงไม่ใช่เป็นเพราะ สุดหล่อนั่นหรอกใช่มั้ย?
ทำไมนะ….
ทำไมถึงลืมไม่ได้ซักที?
“จันทร์ สัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดอะไรขึ้นหรอ
วรวรรณมองไปด้วยแววตาไร้อารมณ์ ปรากฏเป็นถุงใต้ตาขนาดใหญ่ใต้ดวงตาไร้แววนั่น ดวงตาเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
“ฉัน….” วรวรรณกัดปากอย่างไม่ตั้งใจ สีหน้าของเธอมากไปด้วยความอึดอัด
“ฉันนอนไม่หลับ” วรวรรณถอนหายใจ ใบหน้าเรียวสวยราวดอกไม้สดนั้น ซีดเซียวด้วยความนอนไม่พอทำให้ใบหน้าดูไร้สีสันไป
“เหย นี่มันแปลกมากเลยนจันทร์ คนที่ไม่ค่อยเที่ยว ห้าทุ่มนอนอย่างเธอ ทำไม จะนอนไม่หลับไปได้”สวรสที่ยืนถือแปรงสีฟันอยู่ เบิกตากว้างอย่างสงสัยแปรงสี
หล่อนมองวรวรรณ แม้ว่าจะยิ้มอย่างอ่อนโยนก็ตาม แต่แววตาเต็มไปด้วยเลศนัย
“คงไม่ใช่ว่ามีความรักหรอกใช่มั้ยหล่ะ ที่เธอไปทำงานเก็บเงินนั่น ได้ยินว่าเจอหนุ่มหล่อนี่นา” สวรสเย้าแหย่
ตาของหล่อนสว่างวิบวับ มือถือแปรงสีฟันไว้ ก็แทนที่จะไปแปรง แต่กลับเดินมาหาวรวรรณ
“ไร้สาระน่า เขาเป็นรุ่นน้องฉัน และอีกอย่างก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันเลยด้วย”
วรวรรณโบกมือไป ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแสงแดดหรืออะไร เธอรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาซะเฉยๆ
เธอมองตัวเองในกระจก ก็พบว่าใบหน้ารูปไข่ของเธอเรื่อแดงขึ้นอีกแล้ว
วรวรรณเดิมทีเป็นคนผิวขาว พอหน้าเรื่อแดงขึ้นมา ทำให้ผิวผุดผ่องสีราวกับดอกท้อยามเดือนสาม
“โอ้ว เขินหล่ะสิ รุ่นน้องแล้วยังไงหล่ะ มันก็นับว่าเป็นโอกาสมั้ย”
สวรสทำหน้าล้อเลียนหยอกล้อ เธอเอาแปรงสีฟันโยนขึ้นบนฟ้าอย่างนึกสนุก
“อ่ะจ้าๆ แปรงฟันไปเถอะเธอหน่ะ ไร้สาระจริงๆ”
วรวรรณก้มหัวลงแล้วเอามือวักน้ำเย็นล้างหน้า เพื่อที่จะดีบอุณหภูมิที่ร้อนอยู่บนใบหน้า และดูเหมือนมันจะค่อยๆลดลงหลังจากที่เธอทำแบบนั้น
“อย่าไปพูดถึงเลย รุ่นน้องแล้วไง ดูหน้าเธอสิ ทั้งนุ่มทั้งเนียนรับกับวัย18ปี ผิวพรรณก็อ่อนนุ่ม ยิ่งไปกว่านั้น เดี๋ยวนี้เขาไม่นิยมความสัมพันธ์พี่ชายน้องสาวแล้วนา”
สวรสพูดอย่างอารมณ์ดี ทุกวันของเธอจะชอบเล่นLOL แต่เมื่อถึงเวลาที่ควรเรียนเธอก็เมเนจมันได้ดี
และนี่พอวรวรรณทำตัวไม่ชัดเจนขึ้นมา นั่นทำให้สวรสก็เกิดความสงสัย
“จันทร์ เธอหวั่นไหวนี่นา” ขณะที่พูดสวรสก็ยกมุมปากขึ้นข้างหนึ่ง
“สวรส” วรวรรณทักท้วงขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“รุ่นน้องหน่ะนะ ต้องคว้าเอาไว้ให้ดี ถ้าไม่ตอนนี้แล้วจะตอนไหน ไม่ได้หาง่ายๆนะ เคยได้ยินว่า ว่ารุ่นน้องคนนี้หล่อมากนะ”
“สวรส” วรวรรณท้วงเสียงสูงขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
เธอยังยืนอยู่ตรงที่เดิม กระทืบเท้าไปมา สองตาเบิกกว้างปลักเปลือก
ใบหน้าที่เริ่มจะเย็นขึ้นในเมื่อกี้ กลับกลายแป็นสีแดงขึ้นมาอีกอย่างเห็นได้ชัด
มันแดงจนกลายเป็นลูกตำลึงทีเดียว ทำให้หน้าผ่องและดูน่าดึงดูด
“โอ้ จันทร์ของเรา มีคนมาจีบนะ” คนพูดคืออรกชที่อยู่ในห้องด้วยเหมือนกัน
เธอพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เรียบแบบไม่มีโทน
แต่ว่าพออรกชเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาของเธอก็ส่อประกายแน่วแน่จริงจังอย่างชัดเจน
แววตาแบบนั้น ทำให้วรวรรณที่หน้าแดงเป็นลูกตำลึงอยู่แล้วก็ยิ่งแดงเข้าไปอีกจนแทบจะเป็นลูกระเบิด
“ไอยู๋ นี่แดงจนจะกายเป็นอะไรไปแล้วเนี่ย ได้ยินว่า“รุ่นน้องคนนี้หล่อเหลาเอาการทีเดียว จันทร์ของพวกเรา นี่โชคดีมากๆเลยอ่ะ แค่ออกไปทำงานเก็บเงิน ก็ดันเจอหนุ่มหล่อเข้า ดูฉันสิ ทำไมไม่เห็นจะเจอบ้างเลย? ”
ดูๆแล้ว ยิ่งคุยยิ่งแย่เข้าไปใหญ่
“พูดไร้สาระอะไรกันเล่า ” วรวรรณกระทืบเท้าไปมาอย่างไม่รู้ตัว
เธอหันหน้าไปอีกด้านหนึ่ง
จริงๆแล้วตัวเธอสูง160เซนเข้าไปแล้ว แต่ดูอย่างนี้ก็ดูเธอเด็กไปเลยทีเดียว
วรวรรณกระพริบตาปริบๆ แล้วนั่งลงตามเดิม ใบหน้าสีชมพูอ่อนนั่นก็ยังคงอยู่ให้เป็นหลักฐานอย่างชัดเจนอยู่
“ไอ๋ จันทร์หน้าแดงใหญ่แล้ว คนแก่อย่างพวกเรา จะทำยังไงกันดีน้า”
สวรสเดินตรงไปยังอ่าน้ำแล้วบ้วนน้ำออก
เธอทำท่าทางอย่างกับยายแก่บ้วนหมากอย่างไรอย่างนั้น
“อะไรเล่า?” เสียงนั่นดูไร้เรี่ยวแรง
บางทียิ่งปฎิเสธไปก็ซ้ำแต่จะยิ่งเหมือนรู้สึก เรื่องนี้ก็กลายเป็นว่าเธอยอบรับไปเลยซะอย่างนั้น
รุ่นน้องอะไรเล่า
วรวรรณกัดริมฝีปาก เธอเองก็ไม่รู้เหมือนดันว่าทำไมหน้าเธอถึงไม่ยอมหายแองซะที
ไม่ใช่ซะหน่อย....
ก็เห็นชัดอยู่ว่าเธอหน่ะ….
แต่ว่า ถ้าจะให้คัดค้านไป ก็ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงพูดมันออกไปไม่ได้
บางคนนะมีใบหน้าบางแบบนี้นี่มันก็เหมือนฟ้ากลั่นแกล้งจริงๆ พูดจริงๆเลยนะ มันช่างโชคร้ายมากๆเลย