บทที่5
บทที่5
วรวรรณรู้จักรุ่นน้องคนนี้ ถ้าพูดกันตามจริงก็คือเราสองคนเคยบังเอิญเจอกันมาก่อนนั่นแหล่ะ
แล้วด้วยนิสัยของตัววรวรรณเองเธอค่อนข้างจะเป็นคนน่าเบื่อทีเดียวสำหรับคนทั่วไป แต่กับเพื่อนหรือคนที่คุ้นเคยเท่านั้นที่เธอจะพูดเล่นพูดหัวด้วย
แต่ว่าไม่ว่าใครเพียงได้พบในครั้งแรกก็จะรู้สึกทั้งสะดุดตาและเงียบขรึม
เธอนั่งเงียบๆอยู่ตรงนั้น ขนตายาวงอนนั่น ยาวแทงทะลุเข้าไปในใจของผู้พบเห็นได้เลยทีเดียว
ดูเป็นหญิงสาวที่สำรวมนอบน้อมมาก
แม้ว่าในความเป็นจริงความหงิมๆของเธอนี้ ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ**
แม้ว่าจะได้พบและพูดคุยกับชายหนุ่มเพียงไม่กี่ประโยคก็จะทำให้หน้าจะที่ขาวใส กลายเป็นเรื่อแดงเป็นลูกตำลึงขึ้นมาได้ง่ายๆ
อย่างที่สวรสพูดนั่นแหล่ะว่าวรวรรณหน่ะบอบบางเกินไป บางทีก็มากเกินไปแค่คุยกับเพศตรงข้ามหน่อย อาการก็เริ่มออก หัวใจเต้นแรกหน้าแดงทุกทีไปอีก นั่นมันจะทำให้รู้สึกเงอะๆงะๆและน่าอึดอัดใจไป
แต่ก็นะ สิ่งที่สวรสพูดกับวรวรรณก็เป็นความจริงทั้งนั้นนั่นแหล่ะ
ดูเหมือนจะระแวดระวังตัวก็ผู้ชายแม้กระทั่งที่เป็นน้องเป็นนุ่ง ถ้ามีเด็กๆผู้ชายอะไรแบบนี้มาจริงๆหล่ะก็สวรสลุกพรวดขึ้นมาเต้นยินดีก่อนใคร
แต่ก็นะ นี่ก็ปีสามเข้าไปแล้ว มันจะเป็นไปได้ยังไง เพื่อนผู้ชายซักคนเธอก็ยังไม่มี
พวกเธอเป็นรูมเมทกัน4 คน รูปร่างหน้าตาก็แตกต่างกันไปคนละทิศละทาง มองเข้ามาก็ดูเหมือนดอกไม้ต่างชนิดกัน ซึ่งก็มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง สิ่งที่เหมือนกันนั่นก็คือทั้งสี่คนก็อยู่ปีสามด้วยกันทั้งหมด ซ้ำแล้วก็ต่างไม่มีผู้เป็นของตัวเองด้วยกันทั้งสี่ด้วย
พูดตามจริง นี่นับว่าแปลกมากๆทีเดียว
แม้ว่าอาจพูดได้ว่า คณะที่เธอเรียนมันขาดแคลนผู้ชาย
แต่ ห้องข้างๆแถวนี้ ชั้นปีเดียวกันด้วยแท้ๆ ก็เปลี่ยนแฟนเป็นผู้กันไม่ซ้ำหน้าเลยทีเดียว
เอาจริงห้องของพวกเธอนี่มันโคตรจะแปลก
และนั่นเองคือเหตุผลที่ว่าแค่เพียงวรวรรณของพวกเธอเอ่ยชื่อผู้ชายขึ้นมานั่นหมายความว่าไม่ธรรมดาซะแล้ว
แล้วรุ่นน้องนั่นก็คงจะไม่ได้มีอะไรกับวรวรรณหรอก อย่างมากสุดก็แค่เพียงก้มศีรษะให้กันก็เท่านั้น
ที่ถูกพูดขึ้นมาเนี่ย พูดตามจริงๆมันก็ทำให้จิตใจของวรวรรณรู้สึกแปลกๆขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผลเหมือนกันนะ
บางครั้งมองไปเห็นรุ่นน้องคนนั้นเข้าก็ทำให้เธอตื่นตระหนกขึ้นมาซะเฉยๆ
รุ่นน้องคนนี้ชื่อ ปรพล วรวรรณสนใจเขา ไม่ได้เป็นเพราะอย่างอื่น แต่เป็นเพราะสายตาของเธอเอกที่มองเขาว่าเป็นคนที่มีเอกลักษณ์น่าสนใจ
และเอกลักษณ์ที่น่าสนใจนี้ มันก็ยากเกินจะอธิบาย เอาเป็นว่าเวลาที่ตัวของเขาต้องแสงอยู่กลางแดดจ้า วรวรรณก็รู้สึกว่าแดดนั้นมันดูสดชื่นสดใสขึ้นมา
แค่เพียงปรพลเด็กหนุ่มคนนี้นั่งอยู่เงียบๆ ก็เปล่งประกายเสน่ห์เหลือล้นเกินจะบรรยายงามสุดประดุจรูปปั้นหล่อ
วรวรรณเองถึงแม้จะเป็นคนไม่ชอบพูด แต่เรื่องความงามนั้น เธอชอบที่จะเสาะแสวงหา
ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ก็จะชอบแสวงหาความสวยงามด้วยสัญชาตญาณของตนกันทั้งนั้น
แน่นอนหล่ะ การวิ่งไล่ชนิดนี้นั้นมันเป็นเบสิก และน่าชื่นชมจะตายไป
และนี่ก็เป็นสิ่งที่วรวรรณรู้สึกเสมอมา แต่ว่าหากทำตามความรู้สึกแบบนี้บ่อยๆ มันก็อาจทำให้สูญเสียโอกาสที่จะเห็นถึงหัวใจของตัวเองจริงๆ
เปรียบได้กับว่า ภายในหัวใจของเราเองนี้ ถูกปกปิดคลุมเอาไว้ ไม่มีใครมาเลือกเฟ้น รอคอยโอกาสที่จะมีมือหนึ่งที่ยกเปิดมันขึ้นมา และหลังจากกนั้น
ก็นั่นแหล่ะ
และโอกาสนั้น ก็ใกล้จะมาถึงแล้วหล่ะ