บทที่6   1/    
已经是第一章了
บทที่6
บทที่6 ช่วงเวลาก่อนหน้านี้ วรวรรณไม่มีแม้เวลาจะไปชื่นชมความงามนั้น  เหตุผลก็ง่ายๆเลย งานรุมล้อม สำหรับวรวรรณการที่จะเก็บเงินได้ในรั้วมหาวิทยาลัยนั่นก็คือการทำงานพาร์ทไทม์์ ตอนปี1 ปี2 ก็อยากจะเล่นสนุกสนาน แต่ตอนนี้ปี3เข้าไปแล้ว วรวรรณจึงสำเหนียกตัวเองง่าควรจะยังไงก็ตัวเองดี ดังนั้นเธอจึงไปหางานทำเพื่อที่จะเก็บเงิน เธอก็ไม่ได้ว่าเธอจะมีความสามารถอะไรพอจะเป็นครูได้ เพียงหวังเพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์ก็เท่านั้น แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธอมีพรสวรรค์หรือว่าอะไรก็กลายเป็นว่าเด็กในคลาสตั้งใจฟังเธอ แล้วก็นับว่าเธอก็สอนได้ไม่เลวเลย และอีกอย่างเนื้อหาที่สอนมันก็ค่อนข้างง่ายๆสบายๆ แค่ไปเป็นติวเตอร์สอนการบ้านเด็กประถมสอง สอนวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ปกติก็ประมาณ4-6โมง เท่านั้น นอกจากวันแรกของสัปดาห์ที่ค่อนข้างจะไม่ราบรื่นซักเท่าไหร่ พอหลังจากวันนั้นก็ทำได้อยากคล่องดี แม้ว่าจะช้าไปบ้างแต่วรวรรณก็ทำให้มันอยู่ในความควบคุมของเธอได้ แต่จะมีเพียงสัปดาห์ล่าสุดที่วรวรรณเหมือนจะสูญเสียการควบคุมไป พูดกันตามจริงวรวรรณว่ามันสุดยอดมากๆเลยทีเดียว มันทำให้เธอโตขึ้นมากทีเดียว น้อยมากทีเดียวที่เธอจะวีนแตกหรือหัวร้อน เธอมักจะยิ้มให้กับทุกคน ตาที่โค้งมนดูราวกับพระจันทร์เสี้ยวในทุกๆครั้งที่ยิ้ม แม้แสงประกายวิบวับในแววตาของเธอ อาจจะพูดไม่ได้ว่าสวยงาม แต่มันก็ทำให้ผู้ที่พบเห็นรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก เวลาพูดกบเด็กๆเองแม้ว่าไม่สามารถพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนได้มากนัก เธอก็มักจะยิ้ม ยิ้มอย่างที่คนๆหนึ่งจะยิ้มให้กับใจของเพื่อนมนุษย์คนหนึ่ง เด็กนักเรียนของเธอเองก็ชอบเธอกันทั้งนั้น สัปดาห์ล่าสุดเธอยิ้มน้อยลงไปกว่าเดิม ในห้องเรียนของเธอมีเด็กมาใหม่หนึ่งคน เป็นเด็กป.2 ที่เครื่องหน้าดูดีมาก เอาจริงๆก็คือ วรวรรณเห็นครั้งแรกก็รู้สึกดีกับเด็กคนนี้ขึ้นมาเลนั่นแหล่ะ ก็นั่นแหล่ะเขาเป็นเด็กที่มีเสน่ห์น่าดึงดูด ทั้งใสซื่อบริสุทธิ์ พอเห็นครั้งแรก วรวรรณก็ถึงกับใจเต้นตุบๆ ดูดีมากเลยอ่ะ เมื่อเทียบกับคนโดยรอก็คือโดดเด่นขึ้นมาเลย ถ้ายิ้มอีกซักหน่อย คิดว่าคงจะยิ่งดูดีขึ้นไปมากโขทีเดียว อีกทั้งเขายังเป็นคนสุภาพนอบน้อม เมื่อเห็นวรวรรณ ก็ร้องขึ้นมาทันที “ครูจันทร์” แล้วก็ยิ้มตาปิด การกระทำแบบนั้นยิ่งทำให้เขาดูสุภาพและน่าดึงดูมากทีเดียว แถมชื่อก็ยังเป็นเอกลักษณ์เขาชื่อว่า บวรพล และวรวรรณก็ชอบเด็กคนนี้มากๆ เขาทั้งฉลาด คิดว่ามันอาจจะง่ายที่ต่อการรับมือ แต่ความชอบที่ว่านี้ก็อยู่ได้ไม่จีรัง เมื่อถึงเวลาที่จะต้องจัดการจริงๆกลับจัดการยากกว่าที่เธอคิด เขาไม่ยอมทำการบ้าน จะพูดให้ถูกก็คือไม่ทำอะไรเลย แม้แต่วงสนทนาของเหล่าเด็กอายุเท่ากันเขาก็ไม่เข้าไปร่วม เพียงแต่นั่งอยู่กับที่ของตัวเองเท่านั้น “บวรพล ทำการบ้านนี่ เธอส่งอะไรมาเนี่ยฮะ ” วรวรรณขึ้นเสียงอย่างไม่รู้ตัว ด้านบวรพลก็เงยหน้าขึ้นมองวรวรรณ สายตาที่มองมานั้น ไม่เหมือนสายตาของเด็กอายุเท่านี้เลยจริงๆ ดวงตานิลดำนั้นมีแววแข็งกร้าวของความเย็นชา เขาจิ้ปาก อย่างก้าวร้าว “เปล่า” เขาตอบแค่เพียงประโยคเดียว ในระหว่างที่พูดก็เมินหน้าหนีไป นั่นทำให้วรวรรณตกใจเล็กน้อย “จะไม่มีได้ยังไง ถ้าการบ้านโรงเรียนเสร็จแล้ว งั้นทำแบบฝึกหัดกันป่ะ” หลังจากที่เธอตกใจไปแล้วเธอก็พูดสมทบขึ้นมาอีก ทั้งยังแอบขึ้นเสียงเล็กน้อย ครั้งนี้เขาเงยหน้าขึ้นมา เจ้าเด็กคนนี้ ูดีจริงๆเลย ภายใต้ใบหน้าที่กระทบแสงไฟห้อง สายตาของบวรพลแข็งกร้าวมองตอบา ดวงตาที่สุกสกาวราวลูกแก้ว ทั้งยังหมดจดคมสวยนั่น “ไม่อยากเขียน” เขาตอบนิ่งๆ พอพูดจบก็หันหน้าหนีไปอีกครั้ง แล้วฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะ ทำให้คนที่ยืนอยู่ตัวแข็งทื่อไปในทันที รอบข้างเงียบสงัดไป ไม่มีการพูดอะไรกันขึ้นมาอีก เธอยืนอยู่ตรงที่เดิม แต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป ค่อยๆถอนหายใจออกมาอย่างช้าๆ เธอบีบมือสองข้างแน่นๆก่อนจะค่อยๆคลายมันออก เธอยืดขึ้นเต็มตัว เพื่อที่จะติวเด็กคนอื่นๆ จนกระทั่งภายในห้องนอกจากบวรพลแล้วก็ไม่มีใครอีก “บวรพล”วรวรรณเรียกเสียงต่ำและอ่อนโยนในประสาทหูของผู้ฟัง เจ้าก้อนที่ฟุบอยู่ที่โต๊ะก็ไม่แม้จะขยับตัว “หลับไปแล้วหรอ?” วรวรรณยกมือขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ จับไปยังตัวของวรพลอย่างเบามือ “ตื่นได้แล้ว” วรวรรณพูดในเสียงที่ดังขึ้นมาอีก สายตาเธอแน่วแน่เด็ดขาด “บวรพล” “ลุกขึ้น” ดวงตาเธอเป็นประกายเล็กน้อย ใบหน้าที่เรื่อแดงอยู่แล้ว ยิ่งเมื่อครู่ก็ยิ่งแดงเข้าไปใหญ่ ทำงานพาร์ทไทม์มานมนาน เธอไม่เคยใช้อารมณ์กับเด็กเลย แต่ว่าครั้งนี้มัน... ใบหน้าของวรวรรณแดงขึ้นมากอย่างชัดเจน ดวงตาเธอเบิกกว้าง เต็มไปด้วยความไม่พอใจ วรวรรณเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ;ว่ามันเป็นเพราะมันมืดแล้วและเธอหิวขึ้นมา หรือว่าเป็นเพราะทัศนคติของบวรพลกันแน่ วรวรรณอยู่ก็รู้สึกเกรี้ยวโกรธขึ้นมา เอาเข้าจริงพอหลังจากนี้ผ่านไปแล้วมองย้อนกลับมา วรวรรณก็รู้สึกว่าตัวเองชั่งไร้เหตุผลเสียจริง แต่ว่า มันเป็นเพราะคนๆนี้เลยที่ทำให้เธอยากต่อการควบคุมอารมณ์ ส่วนบวรพลนั้น เขาเพียงแต่เงยหน้าขึ้นมา เพียงเสี้ยววิ แล้วเขาก็กระดกยกริมฝีปากขึ้นข้างหนึ่ง “ผม-ไม่-มีการ-บ้าน” เขาพูดเน้นประโยคนั้นทีละประโยค เขาพูดประโยคนั้นคำต่อคำ อย่างชัดเจน ตอนนั้นเองที่เป็นจุดตัดสุดของอารมณ์เดือด เหมือนกับน้ำที่เดือดปุดอย่างไรอย่างนั้น ตอนนี้จากจุดเดือดธรรมดามันกำลังดิ่งไปถึงจุดระเบิด เครื่องนี้เธอโกรธหน้าดำหน้าแดงจริงๆ
已经是最新一章了
加载中