บทที่10
บทที่10
“บวรพล”
“บวรพล!” เสียงเรียกยังคงดังอย่างต่อเนื่อง
สายตาของวรวรรณ เหมือนดั่งแสงดาวอันแพรวพราว ในสายตาเธอนอกจากบวรพลแล้วก็ลืมทุกคนไปหมด
“เธอจะไปไหน?” วรวรรณถามพลางดึงตัวบวรพลที่กำลังจะพุ่งตัวไปข้างหน้าไว้
“เธอจะไปไหน ครูสั่งให้เธอไปได้แล้วหรอ? ครูตอบตกลงแล้วรึยัง? รู้ไหม ครูกังวลมากนะ ถ้า ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะทำอย่างไร?”
ในช่วงเวลาสั้นๆไม่ถึงห้านาที วรวรรณกลับรู้สึกราวกับว่าตัวเองนั้นเพิ่งหลุดจากขุมนรกกลับมาสู้โลกมนุษย์เลย
“เกี่ยวอะไรกับคุณ ผมไม่ได้ให้คุณตามผมซักหน่อย” ทันใดนั้นบวรพลเงยหน้าขึ้นมา ในขณะเดียวกันนั้นสายตาของเขาก็ได้แสดงออกถึงความมั่นใจ
ท่ามกลางแสงไฟนั้นใบหน้าเล็กๆที่แสดงถึงความน่ารักน่าทะนุถนอม นั้นบุ้ยริมฝีปาก เห็นได้ชัดว่ายังคงมีความเป็นเด็กแสดงชัดออกมาอย่างเปิดเผย
เขาอ้าปากเหมือนต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง
แต่ว่าพอสบประสานตาคู่นั้นของวรวรรณเข้า คำพูด ที่จะพูดเหล่านั้นก็ถูกกลืนเข้าไปในทันที
“เธอทำให้ครูตกใจแทบแย่” วรวรรณนั่งยองๆลง หลังจากความโกรธนั้นมอดดับไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นวรวรรณกลับรู้สึกถึงการถูกเยียวยา
หลังจากนั้นมือสองข้างของวรวรรณก็วางลงบนหัวไหล่ของบวรพล การแสดงออกนั้นมันยิ่งแสดงออกถึงความว้าวุ่นใจของเธอ
“ครูตกใจจริงๆนะ ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นจะทำยังไง?”
รอบๆดวงตาของวรวรรณเริ่มเป็นสีแดงระเรื่อ ดวงตาและคิ้วนั้นราวกับว่าเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก
เธอย่อตัวมองเขาด้วยสายตาที่จดจ่อ ท่าทางแบบนั้นยิ่งเหมือนกับว่าโลกทั้งใบของเธอมีเพียงแค่บวรพล
แม้ว่ามันจะไม่ได้ห่างไกลมาก แต่ว่าตั้งแต่เล็กจนโตสุขภาพร่างกายของวรวรรณไม่ค่อยจะแข็งแรง คนอื่นๆสามารถทำอะไรได้เต็มร้อย ส่วนเธอหนะหรอทำได้คาบเส้นก็ถือว่าดีมากแล้วหละ
เท้าทั้งสองข้างก็สวมรองเท้าส้นสูง แต่ในใจรู้สึกขุ่นเขืองที่ในช่วงเวลาสั้นๆมันก็ทำให้เธอเดินกระย่องกระแย่งได้
“ครูตกใจแทบแย่” ดูเหมือนวรวรรณพูดกับตัวเองเสียมากกว่า เสียงนั้นเบาจนแทบไม่ได้ยิน
แต่ว่าในสายตากลับมีความรู้สึกที่ใจจดจ่ออย่างแปลกๆ
“คุณทำไรหน่ะ ผมก็ไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย” ในขณะที่พูดบวรพลก็ดึงแขนเสื้อของวรวรรณไว้
สายตาของเขาแสดงออกถึงความผิดชอบชั่วดีอย่างชัดเจน ภายใต้ดวงไฟที่ส่องสว่างนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ยังเหมือนกับการแสดงออกของหมาป่าตัวน้อยๆ ทันใดนั้นก็อ่อนระทวยขึ้นมา
“ผมไม่ได้เป็นอะไรหรอกน่า” พูดจบบวรพลก็เงยหน้าขึ้นมา เสียงของเธอมันบางและนุ่มนวล
“ไม่เป็นอะไรก็ดี ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”วรวรรณพยักหน้า เธอกลืนน้ำลายอึกนึง แล้วเงยหน้าขึ้นมองไปที่บวรพล ก็อดไม่ได้ที่จะแสดงออกถึงความรักที่ละเมียดละไมผ่านทางสายตา”
“บวรพล”
การแสดงออกของวรวรรณมันดูว้าวุ่น ตอนนี้เธอได้ยินว่ามีคนกำลังเรียกเด็กผู้ชายคนนี้อยู่
ทันใดนั้นเธอหันไปมอง
ไม่ทันได้ตั้งตัวแต่หันแรงไปหน่อย รองเท้าส้นสูงที่ตอนแรกวรวรรณก็ใส่อย่างอยากลำบากอยู่แล้วนั้น ดันพลิก
ทันใดนั้นตัวทั้งตัวก็เซไปข้างหนึ่ง โชคดีที่คว้ามือบวรพลที่เดินตามกันมาติดๆอย่างไม่ยอมปล่อย
ฝั่งนึงตัวใหญ่อีกฝั่งนึงตัวเล็ก มันดูสลับๆกัน แต่ก็ต่างล้มลงไปทั้งคู่
“เจ็บจัง” ใบหน้าของวรวรรณบูดบึ้ง
เธอสะอึกสะอื้นโดยไม่รู้ตัว
แต่ว่ายังลืมตาทั้งสองข้างอยู่ หลังจากนั้นก็เห็นเด็กผู้ชายข้างหน้า เพราะรับตัวเองไว้ตัวทั้งตัวจึงนอนทับบนเด็กผู้ชายคนนั้นอยู่ที่พื้น จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ลุกขึ้นหนี
“บวรพลไม่เป็นไรใช่ไหม”
รูม่านตาของวรวรรณขยาย เธอก็ไม่ได้คิดถึงตัวเอง รีบดึงบวรพลขึ้นมา ในสายตานั้นเต็มไปด้วยความห่วงใย
“ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร” พูดซ้ำไปซ้ำมา
เสียงหนึ่งกังวลกว่าอีกเสียงหนึ่ง
“คุณยืนขึ้นแล้วจะลงมานั่งกองที่พื้นอีกทำไม” ท่ามกลางเสียงของชายหนุ่มนั้น ไม่ทันได้คาดคิด ว่าจะทำให้เกิดความเงียบสงบแพร่กระจายขึ้น
วรวรรณแค่รู้สึกว่า ตรงหน้าของเธอมีรองเท้าผู้ใบคู่หนึ่งสีขาวสะอาดสะอ้าน
“ไม่เป็นไรหรอก” เสียงนั้นพูดตามมาอย่างนุ่มนวล
วรวรรณเพียงแค่รู้ว่าตรงหน้าของตนเองนั้นมือคู่หนึ่ง
มือนั้นขาวกระจ่างใสเรียวยาว เหมือนดังหยกสีขาวชั้นดี
“ยืนไหวไหม?” วรวรรณพูด ด้วยดวงตาที่แสนอบอุ่น
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ร่างกายยังคงสวมชุดนักเรียนอยู่ เพียงแต่มุมปากนั้นกระตุกยิ้มขึ้นเล็กน้อย มันทำให้เห็นความแตกต่างเล็กน้อย
วรวรรณชะงักกึก
อ่อนโยนและสง่างามอะไรขนาดนี้นะ
ทันทีที่เด็กหนุ่มคนปรากฎตัวขึ้น วรวรรณรู้สึกว่าตัวเองนั้นหนะแทบจะไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย