บทที่ 173 แล้วเจอกันตอนค่ำ
1/
บทที่ 173 แล้วเจอกันตอนค่ำ
หลงรักสามีจอมปลอม
(
)
已经是第一章了
บทที่ 173 แล้วเจอกันตอนค่ำ
บทที่ 173 แล้วเจอกันตอนค่ำ “ฮ่าฮ่า ยังมีใครอีกหรือ” “ยังมี... ยังมี...” ยังคงนึกไม่ออก แต่ทันใดนั้นเธอก็กล่าวขึ้นมา: “ยังมีเพ็ญภัทร์” เผลอพลั้งปากออกไป ประโยคหลังนั้นทำให้ร่างกายของเขาชะงักนิ่งไปทันที ใบหน้านิ่งขรึมลงไปหลายส่วน แล้วเขาก็ปล่อยเธอออกมา หลังจากนั้นก็นอนบนหมอนน้ำนิ่งๆโดยที่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ และไม่แม้แต่จะโดนตัวเธออีก ความเงียบในตอนนี้ทำให้เพ็ญนีติ์รู้สึกไม่คุ้นชิน ทั้งร่างเริ่มโอนอ่อนราวกับน้ำนี่ ใช้แรงอย่างมากเพื่อย้ายตัวเองและหมอนน้ำให้ไกลจากเขา เธอออกห่างมาแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้เข้ามาใกล้เธอ ยังคงนอนอยู่ตรงนั้นไม่ได้ขยับสักนิด แต่เธอยังไม่ง่วง ใบหูและความรู้สึกยังคงที่ผู้ชายข้างๆกาย มันเหมือนกับว่าเขาจะกอดรั้งเธอเข้าไปในอ้อมกอดของเขาได้ตลอดเวลา ยิ่งคิดแบบนี้ ก็ยิ่งตื่นตระหนก แต่อย่างยาวนาน รอบข้างต่างเงียบลงไปหมด เด็กๆต่างหลับสนิทไปแล้ว ตอนนี้ใจของเพ็ญนีติ์จึงได้ผ่อนคลายลงไปบ้าง ใจของเขา สุดท้ายก็ใจนั้นก็ยังไปลบภาพของเพ็ญภัทร์ไป เธอรู้แล้ว ภายหลังหากต้องการให้เขาได้สติ แค่พูดชื่อเพ็ญภัทร์ออกไปก็ได้แล้ว แต่ ตอนนี้ที่เธอมีสภาพเช่นนี้ น้ำที่อยู่รอบข้างก็กระเพื่อมขึ้นมา ปุริม เขา... เขาดันขยับเข้ามาข้างกายเธอ ขณะที่เธอกำลังตื่นตระหนก เขาก็ล้มตัวนอนข้างเธอ “อย่ากลัว ผมไม่ทำอะไรคุณหรอกครับ” “ค่ะ” เสียงของเธอเบาราวกับเสียงยุง ใจที่ตื่นตระหนกค่อยๆกลับมาเป็นปรกติ ความเงียบนั้นได้กลับมาอีกครั้ง แต่เพียงแค่ชั่วระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น เขาก็กล่าวขึ้นมาอีกครั้ง “เพ็ญนีติ์ ผมเพิ่งไปคิดถึงหลายๆเรื่อง ผมคิด เพ็ญภัทร์สำหรับผมนั้นได้หายไปแล้ว ผมกับเขาไม่มีอะไรต่อกันแล้วจริงๆ นอกจากคำอวยพรแล้วสิ่งที่ผมจะให้เธอได้ก็มีแค่คำอวยพร สำหรับผู้หญิงคนอื่นๆ ผมนั้นไม่เคยรักพวกเธอเลย ดังนั้นที่คุณพูดมามันก็เท่านั้น ผมไม่ได้รู้สึกอะไรเลย” เธอหมดคำจะพูดจริงๆ แล้วเธอล่ะ เธอเป็นอะไรสำหรับเขากัน “ตอนที่ได้ยินคุณพูดถึงเพ็ญภัทร์ครั้งแรก ผมเหมือนได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นเร็วขึ้นมา แต่โดยเร็วใจของผมก็กลับมาเต้นเป็นปรกติ เวลานั้นเป็นสิ่งที่ดีจริงๆ เพ็ญนีติ์ ผมนั้นไม่รู้มาตลอดว่ารู้สึกอย่างไรกับคุณ แต่ผมรู้แล้ว ตลอดหกปีและอีกหกเดือนที่ผ่านมา วันที่คุณไม่อยู่ ผมคิดถึงคุณ...” น้ำเสียงของเขานั้นช้าแต่ชัดเจนทุกคำ “นอกจากเพ็ญภัทร์ คุณเป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้ผมรู้สึกนึกถึงขึ้นมา...” เธอสั่นไปทั้งตัว นี่เหมือนเป็นครั้งแรกที่เขาพูดถึงเธอเช่นนี้ แต่เธอนั้นไม่ชินจริงๆ จนถึงขั้นกลัว เขากำลังจีบเธออยู่หรือ ห้ามใจเต้น ห้ามใจเต้นเด็ดขาด เธอปล่อยวางเรื่องของเขาไปตั้งนานแล้ว จบแล้วก็คือจบ เขาไม่ใช่ว่าคืนของของเธอมาแล้วหรือ เธอคิดว่า คืนเด็กๆและความสุขมาให้แก่เธอ เขาก็จะละมือจากเธอไป ไม่ใช่แบบนั้นหรือ “เพ็ญนีติ์ คุณให้ลูกสาวแก่ผมมาสองคน นั่นทำให้ผู้ชายที่กลัวการมีครอบครัวแบบผมได้รู้ซึ้งถึงความสุขของการเป็นพ่อคนสักที ผมได้เห็นว่าคุณอบรมพวกเธอได้ดีขนาดไหน และผมยังได้เห็นแผลเป็นที่ไม่มีทางหายบนหน้าท้องของคุณด้วย...” เสียงของเขายิ่งพูดก็ยิ่งเบา “เพ็ญนีติ์ ผมเป็นหนีคุณอยู่เยอะมาก ดังนั้นผมจึงกลับไปยังตอนที่ดีรู้จักกับเพ็ญนีติ์ที่ได้รู้จักในคราแรกอีกครั้ง หลังจากนั้นให้พวกเราได้เริ่มต้นกันอีกครั้ง เริ่มจากความรัก จนถึง...” เธอรู้สึกเจ็บไปทั่วจมูก เจตนาของเขาทำให้เธอรู้สึกใจอ่อน กัดริมฝีปากปากไว้ เธอยังคงไม่พูดอะไรออกไป “จนถึงทำให้ผมรักคุณ และได้สวมแหวนให้นิ้วของคุณ ผมคิดจริงๆว่านั้นคือกระบวนการที่จำเป็น ให้มันเหมือนกับชายหญิงทุกคู่ที่ต้องผ่านความสุข ความทุกข์ และความทรมานมาด้วยกัน บางทีเพราะได้ผ่านอะไรมาด้วยกันถึงได้รู้ถึงความงดงามนั้น และได้รับรู้ถึงความหวงแหนช่วงเวลาของอนาคตที่ยังมาไม่ถึง” เธอนั้นสงสัยจุดประสงค์ของเขาที่ทำทุกอย่างให้แก่เธอ ตอนนี้ถึงได้รู้ถึงใจจริงของเขา เขาทำเพื่อสิ่งนี้ เขาทำเพื่อให้ทุกอย่างนั้นกลับไปยังจุดเริ่มต้น เริ่มต้นจากความรัก แต่เธอจะทำได้จริงๆหรือ เธอยังไม่ได้เตรียมใจเลย เขานั้นเป็นถ้วยที่เธอไม่มีทางได้มาโดยตลอด ทำให้เธอนั้นไม่เคยคิดถึงมันมาก่อน ตอนนี้ก็เช่นกัน เจ็บจมูกไปหมด จนหายใจไม่ออก เขาต้องการทำให้เธออึดอัดใจเล่นหรืออย่างไรนะ “เพ็ญนีติ์ รับปากกับผมนะครับ เป็นแฟนกับผมได้ไหมครับ” เขาปรี่เข้ามา ใบหน้าของเขานั้นสะท้อนอยู่ในตาของเธอ “ผมอยากมอบมันให้คุณ มอบบ้านที่สมบูรณ์แบบให้กับลูกๆ รอผมนะครับ รอคุณและผมเริ่มออกเดินไปจนรู้จักกับความรักและแต่งงานไปด้วยกัน นะครับ” สายตาของเขาจับจ้องมาที่เธอ ริมฝีปากเผยอเล็กน้อย ในใจเริ่มตื่นตระหนกขึ้นมา เธอควรพูดว่า ‘ตกลงค่ะ’ ควรจะพูดว่า ‘ตกลงค่ะ’ จริงๆ เพราะที่เขาพูดมาก็ไม่ผิด เพียงแค่พวกเธออยู่ด้วยกัน เด็กๆก็จะมีความสุขอย่างแท้จริง เด็กๆต้องการให้มีแด๊ดดี๊และมีหม่ามี๊เพื่อเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ แต่ว่า... “ปุริมคะ ฉัน...” นิ้วมือแตะที่ริมฝีปากของเธอ เพื่อให้เธอหยุดพูด “อย่าเพิ่งรีบปฏิเสธผม ผมจะให้ว่าคุณได้ไตร่ตรอง เพ็ญนีติ์ อย่าทำให้ผมผิดหวังได้ไหมครับ” ท่ามกลางหมอกในตอนนี้ เขาเหมือนกับเด็กโค่งที่กลัวการปฏิเสธ ท่าทางดูกระวนกระวาย เขาเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ นั่นคือเพราะเธอหรือ เธอเองก็ไม่รู้ แต่ในใจกลับกระซิบบอกกับเธอ หากเป็นไปได้เธอก็อยากใช้ชีวิตนี้ไปกับเขา บางทีเป็นเพราะใช้และเป็นเพราะร่างกายด้วยเช่นกัน เพียงแค่ปมในใจของเขานั้นได้รับการแก้ไขแล้วจริงๆหรือ ค่อยๆหลับตาลง ท้ายที่สุดก็ยังคงไร้หนทางที่จะตอบรับคำขอของเขา มีเพียงหนึ่งสิ่งที่เธอรู้ แต่เธอเป็นเพียงเพ็ญนีติ์ และไม่ใช่ใครอื่น... ท่ามกลางหมอกนี้ คำพูดนั้นช่างเหมือนกับความฝัน มันเหมือนกระจายไปมาอยู่ในหัวของเธอ ลอยอยู่ช้าๆ ไม่เคยหายไป ค่อยๆย้อมเข้ามาในหัวใจของเธอ หากเป็นเช่นนี้ไปจนแก่ก็คงเป็นไปไม่ได้ แต่ปุริม เธอเคยพูดไปแล้ว พวกเขาเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น... วันนี้คือวันที่แปด รถพาเธอและเด็กๆมาถึงเมืองดรัล เป็นตอนเช้าตรู่เก้านาฬิกาพอดี เมื่อคืนที่โรงแรมนั้นต้องเข้านอนเร็ว ดังนั้น จึงต้องตื่นเช้า ปุริมเองก็เตรียมตัวพร้อมก่อนเวลาแล้ว เพราะวันนี้เป็นวันเริ่มงานวันแรกของปีใหม่ เขาจะประมาทไม่ได้เด็ดขาด รถไม่ได้มาหยุดจอดที่ไหนอื่น นั่นคือข้างหน้าวิลล่าของตระกูลพลสังข์ แต่เธอได้บอกไปแล้ว ว่าเธอจะกลับไปที่พักของเธอ ที่นั่นมีงานของเธออยู่ แล้วก็ยังมีความฝันของเธอด้วย แต่ปุริมนั้นไม่ได้สนเธอเลย ดันมาส่งเธอและเด็กๆที่หน้าประตูใหญ่ของวิลล่านี่ “เพ็ญนีติ์ ผมต้องไปทำงาน คุณพาเด็กๆเข้าไปก่อน ป้าเหมียวได้ทำอาหารเช้าไว้เรียบร้อยแล้ว มีโจ๊กที่อ้อยและส้มชอบด้วย” เธอยิ้มแล้วพยักหน้า แสดงออกดั่งเช่นลมที่กำลังสงบ แต่ในใจนั้นกลับนึกถึงคำพูดของเขาทุกคำที่พูดกับเธอเมื่อวานตอนที่อยู่ในห้องสปา พวกนั้นทำได้เพียงจดจำไว้เพราะเมื่อนึกถึงขึ้นมา เธอยังจำเรื่องอื่นๆได้อีกมากมาย ที่เขาไม่เคยเชื่อเธอ ที่เขาทำอย่างเพื่อเธอเหตุเพราะเพ็ญภัทร์บอก ไม่ใช่ว่าเธอเคือง แต่เรื่องบางเรื่อง มันฝังลึกลงไปในใจแล้ว มันจึงยากที่จะเปลี่ยน พยักหน้าแสดงว่าเธอรับฟัง แต่ไม่ได้แสดงว่าเธอจะรับปาก “เช่นนั้นผมไปบริษัทก่อน วันนี้ตอนเที่ยงมีประชุมพอดี” เธอยังคงพยักหน้า แต่เด็กๆกลับโบกมือให้กับเขาแล้วกล่าว: “แด๊ดดี๊ ไว้เจอกันค่ะ” “ไว้เจอกันครับ เป็นเด็กดีกันนะ อย่าทำให้หม่ามี๊โกรธด้วย” “รู้แล้วค่ะ” ปุริมกลับหัวรถแล้วรีบจากไปอย่างรวดเร็ว มองรถของเขาที่ค่อยๆหายไปจากสายตาของเธอ เพ็ญนีติ์ไม่ได้กุมมือของเด็กๆแล้วเดินกลับหลัง แต่กลับก้าวไปข้างหน้าแทน “ไปกัน พวกเรากลับบ้านกันค่ะ” “หม่ามี๊ ไม่ใช่ว่าต้องไปที่วิลล่าหรือคะ” แด๊ดดี๊เพิ่งจะบอกเอง แล้วยังบอกอีกว่าให้ป้าเหมียวเตรียมโจ๊กไว้ให้พวกเธอแล้วด้วย “ไม่แล้วค่ะ พวกเรากลับบ้านของพวกเรากันดีกว่า พวกหนูไปอยากอยู่หม่ามี๊แล้วหรือคะ” สีหน้าของส้มเปลี่ยนไปเล็กน้อย “แต่ว่า ถ้ากลับไปก็จะไม่ได้อยู่กับแด๊ดดี๊นะคะ หม่ามี๊กับแด๊ดดี๊ไม่ใช่ว่าคืนดีกันแล้วหรือคะ” มีความกังวลใจเล็กน้อย เด็กๆเริ่มกระวนกระวายใจกันแล้ว เธอแย้มยิ้มอ่อนโยน “แบบนี้ดีกว่า เย็นนี้หม่ามี๊ให้แด๊ดดี๊มาทานข้าวที่บ้านของพวกเรากันดีไหมคะ” “จริงหรือคะ” เขย่ามือของเธอไปมา อ้อยกำลังรอให้เธอยืนยัน “จริงคะ เดี๋ยวหม่ามี๊ทำกับข้าวเองเลย ทำของชอบของพวกหนูแบบเป็ดตุ๋น และปลาย่างน้ำแดง แล้วก็หมูผัดเปรี้ยวหวานดีไหมคะ” “ดีค่ะๆ แค่เย็นนี้แด๊ดดี๊มา ทานอะไรก็ดีทั้งนั้นค่ะ” “ไปกันเถอะ หม่ามี๊จะพาพวกหนูไปซื้อของด้วยกัน” เมื่อซื้อของเสร็จเธอเองก็ต้องเริ่มทำงานเช่นกัน ขี้เกียจมานาน ควรต้องกระตุ้นตัวเองแล้ว พาเด็กๆเดินไปตามเส้นถนนสำหรับคนเดิน บริเวณรอบด้านของวิลล่าตระกูลพลสังข์นั้นเรียกรถได้ยากมาก คนที่อยู่บริเวณนี้ส่วนใหญ่ต่างก็มีรถส่วนตัวกันทั้งนั้น ดังนั้นรถแท็กซี่จึงไม่ค่อยขับมาแถวนี้กัน เดินมานานจนผ่านถนนมาเส้นหนึ่งก็สามารถเรียกรถแท็กซี่ได้แล้ว พาเด็กๆกระโดดขึ้นรถมา เดินมานั้นช่างเหนื่อยจริงๆ ยังดีที่อากาศไม่ได้ร้อนได้หนาวเกินไป บอกสถานที่ไปแล้ว อ้อยและส้มต่างนั่งมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเงียบๆ ไม่ส่งเสียงใดๆเหมือนกับกำลังคิดถึงปุริมกันอยู่ แต่ เธอในตอนนี้นั้นได้ให้ปุริมเป็นแค่เพื่อนคนหนึ่งแล้วจริงๆ เพื่อนก็คือเพื่อน ตอนนี้เธอยังหาวิธีที่จะเดินไปพร้อมกับเขาไม่ได้ อย่างไรเธอก็แต่งแบ่งปันเด็กๆให้แก่เขา เพราะเด็กๆเองก็ต้องการเขา เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นนั้นได้ทำลายความเงียบของในรถไป เหลือบมองลงไป เธอเดาได้ถูก เป็นเบอร์โทรศัพท์ของปุริม เมื่อรับสาย เสียงของเขาก็แผดดังขึ้นมา “เพ็ญนีติ์ คุณทำผมต้องใจแค่ตาย คุณกับเด็กๆอยู่ที่ไหนกัน ป้าเหมียวบอกตอนนี้พวกคุณไม่ได้เข้าไปในวิลล่า” ถอนหายใจหนักๆออกมา สิ่งที่ต้องเกิดมันก็ต้องเกิด เธอต้องเผชิญหน้ากับมัน “ปุริมคะ ฉันพาเด็กๆกลับมาบ้านแล้วค่ะ ค่ำนี้ คุณมาทานข้าวด้วยกันนะคะ...” ปลายสายนั้นเงียบไป ได้ยินเสียงลมหายใจเบาๆของเขาผ่านมา รอคอยอย่างเงียบๆ เธอไม่อยากให้มันเปลี่ยนไปเพราะอะไรทั้งนั้น อย่างเนิ่นนาน น้ำเสียงของชายหนุ่มก็กลับมา “ได้ครับ ประมาณหนึ่งทุ่มผมจะไปถึง” เธอแย้มยิ้ม “โอเคค่ะ แล้วเจอกันตอนค่ำค่ะ” สุดท้ายก็ถอยมาหนึ่งก้าว หากไม่ใช่เพราะอ้อยและส้ม บางที สายใยคงได้ถูกตัดขาดไปแล้ว เธอเพียงแค่กลัวว่าเด็กๆจะไม่สบายใจ ดังนั้นเธอคงต้องยอมให้ตัวตนของเขาเข้ามาในชีวิตของเธอ อัพเดทครั้งหน้า วันที่19 พ.ย. 2019 จะมาในเร็วๆนี้ โปรดอดใจรอก่อน
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 173 แล้วเจอกันตอนค่ำ
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A