บทที่ 176 คุณไม่ต้องยุ่ง   1/    
已经是第一章了
บทที่ 176 คุณไม่ต้องยุ่ง
บทที่ 176 คุณไม่ต้องยุ่ง เธอยิ้มรับก่อนจะเดินเข้าไป บางทีเพราะเป็นเวลาทำงาน ดังนั้นห้องโถงใหญ่จึงไม่มีแขกคนอื่น ทั้งห้องโถงนั้นมีแต่ความเงียบ แต่มองไปแล้วทุกคนคงกำลังยุ่งอยู่ จ้องที่คอมพิวเตอร์แบบว่างตา เธอรู้สึกแปลกใจ ทำไม ทำงานกันถึงไม่ได้ใช้โทรศัพท์กันเลย ยืนอยู่ข้างหลังของพนักงานคนหนึ่ง มองเขาที่กำลังตอบกับอีเมล ได้ครับ พรุ่งนี้จะส่งของ ขอให้รอรับด้วยครับ แต่เดิมก็ใช้อีเมลทั้งหมด ที่นี่คือการทำงานโดยไม่ใช้เสียง “คุณผู้หญิงคะ คุณต้องการอะไรหรือไม่คะ” ถามอย่างใส่ใจ ชายหนุ่มที่กำลังขยับเมาส์อยู่เงยหน้ามองมาที่เธอ เพ็ญนีติ์รู้สึกผิดนิดหน่อย ก่อนจะกล่าว: “ค่ะ ฉันมาทำงาน” “มาใหม่หรือครับ” ชายหนุ่มคนหนึ่งตรงเข้ามาด้วยความสนใจ สายตาที่จดจ้องเธอนั้นดูสำรวจอยู่ในที “ค่ะ” “แผนกไหนหรือคะ” ใจคิดหนัก เธอกล่าว: “เลขาของผู้จัดการค่ะ” ทันใดนั้นเธอไม่ได้อยากให้ใครมารู้ตำแหน่งที่แท้จริงของเธอ แบบนี้มันสะดวกในการมาดูแลกิจการแทนนภนต์ชั่วคราวมากกว่าไม่ใช่หรือ “คุณผู้หญิงคะ ผู้จัดการของพวกเราไม่ค่อยอยู่ คุณ...” เธอยิ้มพลางเดินเข้าไป “ขอโทษค่ะ ฉันรายงานตัวไปแล้ว” กล่าวจบ เดินเข้าไปหาพนักงานหญิงต้อนรับและพลางโทรหานภนต์ไปด้วย “สวัสดีค่ะ ให้ฉันเป็นเลขาของคุณชั่วคราวจะดีกว่า แบบนี้จะทำงานได้สะดวกกว่านะคะ” “เพ็ญนีติ์ จะเป็นแบบนั้นได้อย่างไร” ฉันบอกว่าได้ก็ต้องได้ค่ะ เช่นนั้นทีหลังฉันไม่มาแล้วนะคะ” เธอข่มขู่เขา “ได้ครับ ส่งโทรศัพท์ให้ไรยาที ผมจะคุยกับเขา ให้เธอพาคุณไปที่ออฟฟิศ” และเพ็ญนีติ์ก็ได้เป็นเลขาคนหนึ่งของบริษัทเพ็ญภนต์การขายส่งไม้แปรรูป ถึงแม้จะได้ชื่อมา แต่ก็ไม่ได้ทำงานอะไรจริงๆ แต่เมื่อพนักงานต้อนรับพาเธอมายังออฟฟิศของตัวเอง เธอก็ตกใจกลัว “ไรยา คุณไม่ได้เข้าใจผิดใช่ไหมคะ นี่คือออฟฟิศของฉันหรือคะ” รู้สึกว่าใหญ่ไปหน่อย “ไม่ผิดค่ะ ผู้จัดการบอกเอง ว่าห้องนี้คือออฟฟิศของคุณค่ะ ฉันจะไปเอาเครื่องใช้ในออฟฟิศมาให้นะคะ หากต้องการอะไรก็มาบอกฉันได้เลยค่ะ” เมื่อได้รับสายจากนภนต์ ไรยาก็ตกใจกลัว พนักงานหลายคนในบริษัทไม่เคยได้รับสายส่วนตัวจากผู้จัดการเพื่อรับสั่งงานใดๆมาก่อน แต่คุณผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้คงดูเบาไม่ได้เลย ดูจากการที่เธอและผู้จัดการคุยโทรศัพท์กันก็รู้ มันเหมือนกับคนที่เป็นแฟนกันมาหลายปี ไม่รู้ว่ามีความสัมพันธ์เช่นไรเหมือนกัน แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่พนักงานต้อนรับอย่างเธอจะมารับรู้ “ขอบคุณค่ะ” เพ็ญนีติ์นั่งลงบนเก้าอี้เลื่อนหนัง ออฟฟิศนี้สวยมาก มีความเป็นผู้หญิงอยู่เต็มเปี่ยม ข้างนอกหน้าต่างนั้นก็คือสวนดอกไม้ มองเห็นได้ชัดเจน นี่คือออฟฟิศที่นภนต์เตรียมไว้ให้แก่เธอ บอกให้มาดูแลแทนเขาชั่วคราวเท่านั้น แต่เพ็ญนีติ์เริ่มทำงานโดยเร็ว อย่างน้อยเธอก็ต้องเข้าใจก่อนว่าบริษัททำอะไร จากที่ไม่เคยทำงานที่บริษัทใหญ่เช่นนี้มาก่อนตอนที่มาเผชิญหน้ากับตรงนี้เธอรู้สึกตื่นเต้นตลอดเวลา พูดตามจริงเธอรู้สึกชอบงานแบบนี้ ถึงแม้จะไม่ได้เงินเดือนแต่ก็ชอบมัน ถือเป็นการฝึกตัวเองไปในตัว ยุ่งมาทั้งวัน ทั้งหมดคือการอ่านเอกสารของบริษัท เธอต้องการอะไร พนักงานต้อนรับหญิงข้างหน้านั้นก็จะหามาให้เธอ เชื่อจนหมดใจ ทำให้เธอไม่มีเวลาว่างมาดูร้านค้าออนไลน์ของตัวเองสักนิด ดูไปแล้วเธอคงต้องกลับไปทำโอทีในเย็นนี้ อ่านอย่างตั้งใจ ทันใดนั้นในออฟฟิศก็มีเสียงลมหายใจขึ้นมาอีกหนึ่ง และอยู่ที่ข้างหลังเธอ มองเงาที่ขยับอยู่บนโต๊ะนั้นโดยไม่ส่งเสียงใดๆ หลังจากนั้นเธอก็ลุกขึ้นยืนแล้วหันหลังทันควัน “นภนต์คะ คุณจะทำอะไรหรือ” เขาสะดุ้งตกใจ “เพ็ญนีติ์ ไม่คิดว่าคุณจะน่ากลัวขนาดนี้” เธอหัวเราะ “ทำไมถึงไม่ทักกันก่อนที่จะมาคะ” “รับคุณเลิกงาน แล้วจะไปหาอ้อยและส้ม รวมทั้งไปบ้านเล็กของคุณ แล้วก็เลี้ยงอาหารเย็นผมด้วยครับ” “ได้ค่ะ” เมื่อนึกถึงวันที่เขาช่วยตามหาเด็กๆของเธออยู่ทั้งวันทั้งคืนเธอก็รู้สึกผิดขึ้นมา “ไปกันเถอะค่ะ พวกเราไปซื้อของกันก่อน แล้วค่อยไปรับพวกเด็กๆกันค่ะ” “ครับ ไปกัน คุณเลขาของผู้จัดการ” ได้ยินเขาล้อตำแหน่งของเธอ เธอก็หัวเราะร่า หยิบสมุดบนโต๊ะเคาะที่หน้าผากของเขาหนึ่งที “นภนต์ คุณในตอนนี้ประชดประชันคนอื่นได้แล้วหรือคะ แต่ก่อนคุณไม่ได้เป็นเช่นนี้เลย บอกมา ไปเรียนกับใครมาคะ” “ฮ่าฮ่า” เขาหัวเราะ “ไม่บอกคุณหรอกครับ” กล่าวจบ มือใหญ่ก็ยื่นมากุมมือของเธอ ไม่ได้สนว่าเธอจะยอมไหม เขาก็ลากเธอออกมาจากออฟฟิศแล้ว “ช่วงนี้ผมค่อนข้างยุ่ง แต่หากผ่านสองเดือนนี้ไปก็ยุ่งแล้วครับ เมื่อถึงเวลา ผู้จัดการแบบผมก็จะกลับมาอีกครั้งครับ” “ยุ่งกับธุรกิจอะไรหรือคะ แนะนำให้ฉันได้หรือไม่คะ เพื่อจะเพิ่มรายได้ให้กับฉันอีกนิดหน่อย” “เพ็ญนีติ์ คุณดูแลบริษัทเพ็ญภนต์การขายส่งไม้แปรรูปก็ดีแล้ว นี่ก็ได้รายรับมามากโขอยู่นะครับ” “จริงหรือคะ” “จริงครับ” เธอเองก็คิดเช่นนั้น เธอได้ดูสมุดบัญชีของบริษัทการขายส่งไม้แปรรูปแล้ว คำนวณกำไรไว้เท่าไหร่ก็ได้มาเท่านั้น “ได้ค่ะ เช่นนั้นฉันจะอยู่ที่นี่ แล้วค่อยๆขโมยธุรกิจของคุณมา” “ได้สิครับ แม้แต่ชื่อยังเป็นของคุณเลย” “นภนต์ คุณได้คำนวณไว้แล้วสินะคะ คุณตั้งใจใส่ชื่อฉันลงไปเพื่อรู้สึกผิดที่จะขโมยธุรกิจของคุณใช่ไหมคะ” “ฮ่าฮ่า เป็นเช่นนั้นครับ” เขาหัวเราะ ฟันขาวสะอาดนั้นได้โชว์ออกมา สดชื่นราวกับสายลมของฤดูใบไม้ผลิ นานมากแล้ว นี่คือท่าทางที่ผ่อนคลายที่สุดของนภนต์ที่เธอได้เห็นเมื่อนานมาแล้ว “เก็บเงินมาได้หรือคะ” “ไม่ใช่ครับ แค่คิดว่าอีกสองเดือนให้หลังก็จะไม่ยุ่งมากเท่าไหร่่แล้ว ก็เลยรู้สึกดีใจครับ” แต่เดิมก็คือเรื่องนี้เอง “ไม่ต้องบอกฉันว่าคุณจะต้องยุ่งไปอีกสองเดือนหรอกค่ะ สบายใจได้ จากพรุ่งนี้เป็นต้นไปฉันไม่ให้คุณมาหาฉันแล้วค่ะ ฉันเองก็จะไม่ไปหาคุณเช่นกัน ไม่เช่นนั้นสิ่งที่คุณเตือนไว้ก็ไม่มีค่าสิคะ” เธอหยอกล้อเขา แต่เขาก็ไม่ได้ส่งเสียงค้านอะไรมา เพียงแค่กุมมือฉันแล้วเดินออกจากบริษัทมา ไม่ได้สนสายตาของพนักงานที่มองมาที่เขาที่กำลังขึ้นรถอย่างสนใจเลยแม้แต่น้อย เมื่อนั่งเข้าที่ มือของก็ขยับพวงมาลัยออกตัวรถด้วยความเร็วที่คงที่ “เพ็ญนีติ์ครับ สองเดือนให้หลังนี้หากไม่ยุ่ง ผมอยากไปเที่ยวแบบผ่อนคลายกับคุณและพวกเด็กๆครับ” “ได้สิคะ เมื่อถึงเวลา อย่ามาบอกกับฉันว่าอ้อยและส้มทรมานคุณก็แล้วกันค่ะ” “ไม่มีทางครับ เด็กสองคนนั้นน่ารักจะตาย ผมชอบนะครับ” น่าเสียดายที่ไม่ใช่เขา เธอมองใบหน้าด้านข้างของเขาด้วยความสับสน คำพูดที่เขาพูดมาในวันนี้ฟังดูแปลกๆ ทำให้เธอเดาอะไรไม่ออกเลย “ไปกันเถอะค่ะ หากไปช้า อ้อยและส้มกลัวการที่ทั้งโรงเรียนเหลือกันแค่สองคนที่สุดแล้วค่ะ” เสียงของเธอยังไม่ทันกล่าวจบ เขาก็รีบออกรถทันที ขับไปชานเมืองราวกับบิน ดอกไม้ที่เบ่งบาน กับช่วงเวลายามเย็น ทิวทัศน์ข้างนอกรถนั่นราวกับความฝัน ใจที่ช่วงหลายวันนี้โดนปุริมกระทำจนตึงเครียดก็ได้ผ่อนคลายลงไปกับช่วงเวลานี้ บางครั้งการปล่อยมือกันก็คือความสุขอย่างหนึ่ง แต่ที่ยากที่สุดคือปล่อยมือจากกันไปแล้วแต่ก็ยังคงต้องมาพัวพันกันอยู่ “นภนต์คะ ผลดากลับมาหรือยังคะ” “กลับมาแล้วครับ” “คุณกับเธอ...” “เพ็ญนีติ์ ผมให้เธอเป็นได้แค่น้องสาวเท่านั้น เป็นมาตลอดตั้งแต่เล็กจนโต” เขาพูดแทรกเพื่อหยุดในสิ่งที่เธอต้องการจะพูด ไม่ยอมให้เธอได้พูดต่อ “นภนต์คะ ฉันไม่ได้จะบอกให้คุณแต่งงานกับเธอ ฉันจะบอกว่าคุณกับเธอจะเป็นเช่นนี้ไปตลอดไม่ได้ บางที คุณลองแนะนำแฟนให้เธอสักคน ไม่แน่ในสักวันเธออาจจะได้เจอเนื้อคู่ของเธอจริงๆก็ได้ ถึงตอนนั้นเธอคงได้พบเจอความสุขของตัวเอง” คนบางคนก็ต้องมีคนนำทางจริงๆ “แนะนำแล้วครับ เธอก็ไม่สนสักคน เฮ้อ รอให้เรื่องยุ่งๆของผมเสร็จเสียก่อนแล้วค่อยคุยกันอีกครั้ง” ในรถเงียบลงอีกครั้ง เธอมองแผ่นหลังของเขาอย่างเงียบๆ ทันใดนั้นก็นึกขึ้นมา หากเธอเลือกเขาตั้งแต่แรก เช่นนั้นเรื่องของเธอกับปุริมก็จะไม่เกิดขึ้นใช่หรือไม่นะ คงใช่ เพราะความงดงามพวกนั้นได้ถูกจำรูญทำลายไปจนหมดแล้ว ผู้ชายคนนั้น ตั้งตั้งที่นั่งด้วยกันที่ทะเลคราวนั้นก็ไม่ได้เจอกับเขาอีกเลย ที่อุทยานธรณีวิทยาภูเขาไฟ เขาไม่แม้แต่จะบอกลาเธอด้วยซ้ำ เรื่องของญาณินท์นั้นไม่รู้ว่าจริงหรือปลอมเหมือนกัน แต่เพราะแบบนี้ ดังนั้นเธอจึงได้ไปรับไปส่งเด็กๆด้วยตัวเอง และได้บอกให้คนที่โรงเรียนอนุบาลช่วยสอดส่องอ้อยและส้มให้ด้วย มองไปก็จะถึงชานเมืองแล้ว ไปข้างหน้าอีกหน่อยก็ถึงโรงเรียนอนุบาลของเด็กๆแล้ว ชายหนุ่มขับรถไปพลางหันมาถามเธอ: “เพ็ญนีติ์ ครั้งหน้าถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นช่วยบอกผมด้วยนะครับ” ในใจเธอรู้สึกรน เธอรู้เขาหมายถึงเรื่องที่เขาคอยพะวงเธอตลอดเวลาครึ่งปีที่เธอพาเด็กๆหายไป “ขอโทษค่ะ ฉันแค่กลัว...” “คุณมีเบอร์โทรศัพท์ของผม ทีหลังก็คอยติดต่อผมโดยตลอดด้วย” เธอพยักหน้า แล้วไม่ได้พูดอะไรอีก หน้าประตูโรงเรียนอนุบาล อ้อยและส้มเมื่อเห็นนภนต์ก็รีบตะโกนเจี๊ยวจ๊าวบอกให้เขาอุ้มหน่อย ตั้งแต่เล็กเขาก็ได้อุ้มพวกเธออยู่บ่อยๆ อุ้มจนชินไปเสียแล้ว อุ้มขึ้นรถ แล้วก็อุ้มไปในบ้านด้วย หนึ่งห้องนอนหนึ่งห้องครัว เป็นที่ที่เรียบง่ายมาก เมื่อคืนวานยังคิดว่าปุริมจะรังเกียจที่นี่ อยู่เพียงครู่ก็จะรีบไป แต่เขากลับอยู่ที่นี่ทั้งคืน ตอนนี้พอเป็นนภนต์ เขาก็ชอบความสงบของที่นี่ ”เพ็ญนีติ์ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคุณถึงไมอยากย้ายออก ที่นี่อยู่ใกล้กับสวนดอกไม้ ตอนที่ขับรถก็ได้กลิ่นดอกไม้อยู่ตลอด” “ฮะฮะ ใช่แล้วค่ะ” “แต่ที่นี่ก็ยังห่างจากบริษัทมากอยู่ดี ผมยังคงแนะนำว่าคุณควรย้ายนะครับ” “ผ่านไปกี่วันแล้วค่อยกลับมาคุยกันเถอะค่ะ ฉันชินกับที่นี่แล้วจริงๆ” เข้าครัวไปเพื่อทำกับข้าว เมื่อก่อนตอนที่อยู่ร้านค้าเล็กๆนั้น นภนต์เองก็มาทานข้าวด้วยกันบ่อยๆ ดังนั้นการทานข้าวกับเขาจึงเป็นไปโดยธรรมชาติมาก ทานข้าวเสร็จและกล่อมเด็กๆจนหลับไปแล้ว เธอจึงเปิดประตูเพื่อส่งเขา ยังคงเป็นคืนที่มีดวงจันทร์ สาดส่องมาที่พวกเขาที่เดินตามเดินตามหลังกันออกจากบ้านราวกับอยู่ในความฝัน เขาดันประตูใหญ่ แล้วหันหน้ากลับมา: “กลับเข้าไปเถอะ ฝันดีครับ” “ฝันดีค่ะ” เธอกล่าวเสียงเบา มองแผ่นหลังของเขาที่ตรงขึ้นรถไป หลังจากนั้นก็ขับออกไป ค่อยๆหันหลังกลับ แล้วหาวออกมาหนึ่งครั้ง ผละมือที่ปิดปากออก ที่ประตูบ้านมีเงาของร่างหนึ่งอยู่ “เพ็ญนีติ์ ทำไมคุณถึงยังติดต่อกับเขากัน” ชายหนุ่มที่มีกลิ่นเหล้า มันทำให้ร่างกายของเธออดที่จะสั่นไม่ได้จริงๆ เงยหน้าขึ้น เธอสบกับดวงตาคู่นั้นของปุริมที่ดูท่าจะเมาได้ที่แล้ว มันเต็มไปด้วยความโกรธ และยังดูเมามาก ดูเข้มข้นจนยากที่จะเข้าใจ เธอเอียงตัว ต้องการที่จะผ่านตัวเขาไป ไม่รู้จริงๆว่าเขามาตั้งแต่เมื่อไหร่ เหมือนกับที่ไม่มีใครรู้ว่าเข้ามาในสวนบ้านได้อย่างไร เธอเองก็ไม่รู้ว่ามาอยู่หน้าบ้านเธอได้อย่างไรเช่นกัน “อย่าเพิ่งไป คุณบอกมา ทำไมคุณถึงยังติดต่อกับเขากัน” เธอคิ้วขมวดยามจ้องตากับเขา “ปุริม คุณกับฉัน เราไม่ได้แต่งงานกัน ฉันจะติดต่อกับใคร คุณไม่ต้องมายุ่ง”
已经是最新一章了
加载中