ตอนที่ 96 ยั่วยุ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 96 ยั่วยุ
ตอนที่ 96 ยั่วยุ ความจริงแล้ว เธออยากจะมาขัดขวางความสุขของพวกเขาจริงๆ และเป็นเพราะที่จรีภรณ์มาปรากฏตัวในวันนี้ ทำให้ทุกคนรู้สึกตกใจอีกทั้งเป็นกังวลเป็นอย่างมาก และยิ่งจะกลัวว่าเธอจะพูดอะไรออกมาแล้วเป็นการทำลายงานในวันนี้ลง ต่างฝ่ายจึงมีการคิดแผนการไว้ในใจ แต่มีเพียงนวิยาที่ราวกับเป็นเหมือนลำโพงที่ยืนตะโกนเสียงดังอยู่ตรงนั้น ทำเอานพนาไม่กล้าแม้แต่จะโมโหออกมาให้เห็น จะกลัวก็แต่นวิยาที่จะทำให้เธอระเบิดออกมาโดยที่ไม่ทันได้ระวัง แต่ยังโชคดีที่จรีภรณ์หันหลังกลับขึ้นไปทางด้านบนเสียก่อน เมื่อกลับมายังบ้านตระกูลเทพนอก เธอเตรียมตัวไว้เรียบร้อยแล้ว การกลับมาของเธอครั้งนี้เธอตั้งใจจะมาก่อกวนทำให้พวกเขาวุ่นวาย และกลับมาเอาของที่เป็นของเธอคืน เธอสาบาน ว่าจะไม่มีวันให้หนูดีจะต้องมาลำบากกับเธออีก และจะไม่ให้หนูดีได้รับการโดนทำร้ายแม้แต่นิดเดียว ดังนั้นเธอจะไม่ทรมานตัวเองอีก เธอจะแย่ง จะช่วงชิง ให้พวกคนที่ทำร้ายเธอได้ชดใช้กับสิ่งที่ทำไว้กับเธอ คิดได้ดังนั้นภายในใจของเธอราวกับมีไฟลุกขึ้นมาแทบจะทันที เธอนึกถึงนวิยา ตอนที่นวิยาเห็นเธอนั้น เขาตกใจเป็นอย่างมาก แม้กระทั่งจะไล่เธอให้ออกไปจากบ้าน หึหึ เขาคงจะคิดไม่ถึงสินะ เมื่อรู้สถานะที่แท้จริงของเธอแล้วเขาคงจะตกใจน่าดู แต่ไม่เป็นอะไรหรอก ต่อไปยังมีเรื่องให้ตกใจอีกเยอะแยะเลย นี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้นเอง เช้ารุ่งขึ้น จรีภรณ์ตื่นขึ้นมาแต่เช้า รอจนกระทั่งลงมายังด้านล่าง เธอเห็นตรีภพกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ ส่วนนพนาก็กำลังวุ่นอยู่กับการทำอาหารเช้า “เป็นอย่างไรบ้างลูก เมื่อคืนนอนหลับสบายไหม?” ตรีภพเมื่อเห็นจรีภรณ์เดินลงมาจึงรีบวางหนังสือพิมพ์ในมือลงแล้วเอ่ยถามเธออย่างเป็นห่วง “ดีค่ะ นานแล้วที่ไม่ได้นอนเตียงใหญ่ๆแบบนี้ สบายเสียจริงๆ” จรีภรณ์มองไปยังขอบตาคล้ำๆของเขาทั้งสองคน ในใจกำลังหัวเราะ พลางตั้งใจทำเป็นบิดขี้เกียจให้เขาได้เห็น ตรีภพได้ยินลูกสาวกล่าวดังนั้น รู้สึกมือไม้เริ่มอ่อนลง ในใจก็รู้สึกเจ็บปวด ลูกสาวของเธอคงจะลำบากมามากจริงๆ ตอนนี้จึงดูพอใจได้อย่างง่ายดาย คิดได้ดังนั้น เขาก็เริ่มโทษตัวเองขึ้นมาอีก หากไม่ใช่เพราะเขา จรีภรณ์จะไม่ต้องไปเจอกับความลำบากขนาดนั้น แล้วก็โยงต่อไปหานวิยา ต้องโทษผู้หญิงคนนั้น ความร้ายกาจที่เธอมีต่อจรีภรณ์ในตอนนั้น แล้วยังมาบีบบังคับให้จรีภรณ์ออกจากบ้านมาด้วยตัวเปล่า ช่างโหดร้ายเสียจริงๆ แถมยังมีจิรภาสนั่นอีก ของเล่นอะไรนั่น หากไม่เป็นเพราะชญาภายืนกรานว่าจะแต่งงานกับเขาล่ะก็ เขาไม่มีทางที่จะยกลูกสาวให้เขาอีกแน่ๆ ชญาภาเองก็เช่นกัน ผู้ชายดีๆทำไมถึงไม่รู้จักหา จะเอาแต่ผู้ชายคนนี้ ทั้งยังเป็นอดีตสามีของจรีภรณ์เสียอีก ยังจะทำให้จรีภรณ์รับไม่ได้อีกหรืออย่างไร? ตรีภพที่นั่งอยู่ตรงนั้นคนเดียว มีสีหน้าที่เริ่มจะเข้มลงเรื่อยๆ นพนาที่กำลังทำอาหารเช้าอยู่นั้น มองมายังท่าทางของตรีภพ ยิ่งรู้สึกร้อนรนในใจ รู้ว่านี่เป็นสิ่งที่จรีภรณ์เจตนา แต่ก็พูดอะไรออกมาไม่ได้ ในเมื่อตอนนี้ตรีภพคงจะกำลังคิดถึงเรื่องราวเมื่อก่อนอยู่ เธอรู้สึกไม่พอใจ แต่ก็เอ่ยทักทายขึ้นเพื่อให้มาทานอาหารเช้า และในขณะนั้นที่ชญาภากำลังเดินลงมาจากข้างบน หลังจากเอ่ยทักทายตรีภพด้วยรอยยิ้มแล้วนั้น จึงเดินผ่านไป โดยไม่คุยกับจรีภรณ์เลยแม้แต่ประโยคเดียว ตรีภพจ้องมองไปยังเธอ รู้สึกวูบๆในใจ นพนาเห็นท่าไม่ดี จึงรีบแสแสร้างทำเป็นตำหนิชญาภาทันที “ทำไมไม่ทักทายพี่เขาหน่อยล่ะ เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับล่ะสิ ดูเหนื่อยๆ” เมื่อพูดจบก็หัวเราะให้กับจรีภรณ์ แม้ว่าเธอมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าแต่ในใจกลับรู้สึกร้อนรนยิ่งนัก ชญาภาหันมามองสายตาเย็นชาของตรีภพ ยังไม่เข้าใจว่าเรื่องอะไร แต่ก็มีปฏิกิริยาตอบกลับมาทันที “พี่คะ อยู่ที่นี่รู้สึกชินหรือยังหรือคะ? เมื่อคืนนอนหลับไหม?” จรีภรณ์มองกลับมายังชญาภาและนพนาด้วยความเย้ยหยัน เมื่อครู่การกระทำเล็กๆของทั้งสองคนนั้นเธอเองเข้าใจดี แค่นี้ก็จะทำให้สถานการณ์วุ่นวายแล้วหรือ? ไม่เป็นไร ต่อไปเรื่องเช่นนี้ยังคงจะมีให้เห็นอีกเยอะ เธอจึงเอ่ยตอบกลับไปอย่างไม่ไว้หน้า “ใครเป็นพี่ของคุณ? ลูกสาวของเมียน้อยเหมาะสมที่จะเรียกฉันว่าพี่อย่างนั้นหรือ?” “ฉัน...” “แล้วอีกอย่าง ที่นี่เป็นบ้านของฉัน คุณคิดว่าฉันจะคุ้นเคยกับมันไหม?” จรีภรณ์พูดต่อ แต่สายตายิ่งเพิ่มทวีความเยาะเย้ยมากขึ้น ชญาภาจึงได้แต่กัดริมฝีปากตัวเองอยู่เช่นนั้นโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา และก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ดูแล้ว เธอเองก็คาดไม่ถึงเลยว่าจรีภรณ์จะกล้าพูดแบบนี้ออกมาต่อหน้าทุกคนเช่นนี้ ในใจอยากจะด่ากลับไปเสียด้วยซ้ำ แต่จากสายตาที่มองมาของตรีภพ เธอจึงไม่ได้พูดอะไรออกไปอีก “ใช่แล้วลูก ต่อไปที่นี่คือบ้านของลูก” ตรีภพเอ่ยแทรกขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่คำพูดของชญาภาเขาเองได้ยินดังนั้นก็รู้สึกไม่พอใจเช่นกัน สถานการณ์ตอนนี้ค่อนข้างจะกระอักกระอ่วน นพนาไอกระแอมออกมาหนึ่งครั้ง แล้วจึงหัวเราะออกมา “คุณคะ ลูกพูดไปไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้น ลูกไม่ได้หมายความแบบนั้นหรอกค่ะ” “แล้วหมายความว่าอย่างไรกัน?” ตรีภพขมวดคิ้วพลางถามกลับ “ลูกก็แค่เป็นห่วงที่จรีภรณ์เปลี่ยนสภาพแวดล้อมแบบนี้ ก็กลัวว่าเธอจะนอนไม่หลับ จึงถามด้วยความเป็นห่วงไปแบบนั้น” นพนามองลูกสาวตัวเองแล้วอธิบายขึ้น ตรีภพมีท่าทีไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ พลางหันกลับไปคุยกับจรีภรณ์“มาทานอาหารเช้าก่อนเถอะลูก” เมื่อพูดจบก็ลุกขึ้นมา ใบหน้าของนพนายังคงมีรอยยิ้มปรากฏอยู่ แล้วเอ่ยพูดกับจรีภรณ์ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไม่รู้ว่าหนูชอบทานอะไร เลยทำมาทั้งหมดนี่เลย ลองชิมดูนะจ๊ะ” “ค่ะ” เธอตอบรับไปอย่างไม่ใส่ใจอะไร มองไปยังอาหารเช้าที่วางอยู่เต็มโต๊ะนั่น แล้วคีบเกี๊ยวขึ้นมาใส่ปากไปหนึ่งชิ้น ตรีภพมองอาหารเช้าเหล่านี้ด้วยสีหน้าที่ดีขึ้น ตอบรับนพนาด้วยความพอใจ ว่าต้องลำบากเธอเสียแล้ว ระหว่างทานข้าวกันนั้น บรรยากาศแปลกไปเป็นอย่างมาก ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลยสักประโยคเดียว แม้แต่ตรีภพเองก็เอาแต่ทานของตัวเอง อาหารมื้อเช้าดีๆกลับแปลกไปกว่าเดิมมากเมื่อมีจรีภรณ์เข้ามาร่วมโต๊ะด้วย หลังจากที่จรีภรณ์ทานเสร็จแล้วนั้น หยับกระดาษทิชชูขึ้นมาเช็ดปากแล้วจึงเดินขึ้นด้านบนไป ตรีภพเองรีบเดินตามเธอเข้าไปในห้อง ดูเหมือนกับว่ามีเรื่องจะคุยกับเธอ หลังจากรอให้พวกเขาเดินขึ้นไปด้านบนกันแล้วนั้น ชญาภาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยความโมโหพลางเอ่ยขึ้น “แม่ ดูนังผู้หญิงเลวคนนั้นมันด่าเราสิ หนูโมโหจริงๆนะ” “แกจะโมโหให้มันได้อะไรขึ้นมา? แกไม่เห็นที่ตาแก่นั่นหรืออย่างไร?” นพนาเองก็รู้สึกโมโหมากเช่นกัน ผู้หญิงคนนั้นกล้าด่าเธอว่าเป็นเมียน้อยต่อหน้าลูกสาว และที่สำคัญตรีภพก็ไม่แย้งเลยสักนิด ยอมให้มันพูดแบบนั้นได้อย่างไร “นี่แค่วันแรกเองนะมันยังเป็นแบบนี้เลย ถ้าเป็นแบบนี้ทุกวัน แล้วพวกเราจะอยู่ที่นี่ต่อไปได้อย่างไรกัน?”ชญาภาแค่คิดว่าจะต้องทนอยู่ในบ้านหลังเดียวกันกับจรีภรณ์เช่นนี้ต่อไป เธอก็รู้สึกอึดอัดจะแย่แล้ว “อย่างนี้ก็ดีน่ะสิ ให้มันก่อกวนไป ยิ่งทำให้วุ่นวายยิ่งดี” นพนาหลับตาลง ราวกับกำลังคิดแผนอะไรอยู่ “แม่หมายความว่าอะไร?” “หมายความว่าอะไรน่ะหรือ?” นพนามองตะเกียบในมือ “แกรอดูแล้วกัน ถ้ามันทำให้พวกเราอยู่ไม่ได้ แม่ก็จะทำให้มันอยู่ไม่ได้เหมือนกัน” ชญาภามองท่าทางมารดาของตัวเอง รู้ว่ามารดากำลังคิดแผนการจัดการกับจรีภรณ์ ในใจรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาในทันที เมื่อนึกถึงเมื่อวานที่จรีภรณ์เห็นเธออยู่กับจิรภาสแล้วนั้น รู้สึกสะใจขึ้นมา แม้พ่อจะเอนเอียงไปทางจรีภรณ์แล้วอย่างไรกันล่ะ เธอไม่ได้สนใจคนเป็นพ่ออยู่แล้วว่าจะเป็นอย่างไร เพียงแค่ต้องการใช้สถานะของเขาเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ตัวเองต้องการแค่นั้นก็พอ ส่วนเรื่องอื่น เธอก็ไม่ได้สนใจมาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว อนาคตเธอต่างหากที่จะได้เป็นคุณนายตระกูลแก้วใส ส่วนผู้หญิงคนนั้นก็เป็นเพียงแค่อดีตเท่านั้น รอหลังจากเธอแต่งงานกับจิรภาสก่อน เธอจะไม่มีทางโง่เหมือนกับจรีภรณ์แน่ เธอจะทำให้ทรัพย์สมบัติทั้งหมดตระกูลแก้วใสมาอยู่ในมือของเธอ หากเป็นเช่นนั้น แม้ว่าจิรภาสอยากไปจากเธออย่างไร เขาก็จะต้องครุ่นคิดพิจารณาอย่างหนัก ส่วนยัยแก่นวิยานั่น เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เธอจึงหัวเราะออกมา หากเขากล้าทำกับเธอเหมือนกับที่ทำกับจรีภรณ์ล่ะก็ เธอเองก็ไม่ใช่คนอ่อนแอ หากเป็นเช่นนั้นเธอจะก็ตอบโต้กลับไปโดยจะไม่ลังเลเลยสักนิด จะไม่ยอมอดทนเพื่อจิรภาสอยู่อย่างนั้นเป็นแน่ ชญาภาวาดฝันไว้ในใจ แต่กลับไม่รู้เลย ว่าสิ่งที่เธอคิดวาดฝันเอาไว้นั้นจะเป็นเพียงแค่ฝันกลางวันเท่านั้น หลังจากที่จรีภรณ์เดินขึ้นมายังด้านบนแล้ว ตรีภพจึงตามขึ้นมาด้วย ผ่านไปสักพัก ตรีภพจึงเดินไปเคาะประตูห้องจรีภรณ์ “มีอะไรหรือคะ?” จรีภรณ์เปิดประตูห้องแล้วเอ่ยถาม “จรีภรณ์ลูก” ตรีภพมองท่าทางระแวดระวังตัวของลูกสาวตัวเอง ราวกับไม่รู้จะทำอย่างไร แต่คำพูดที่พูดออกมากลับมีความอบอุ่นเป็นอย่างมาก ทั้งยังแฝงไปด้วยการขอร้อง “ให้พ่อเข้าไปหน่อยนะลูก พอมีเรื่องจะคุยด้วย” “ท่านนายกมีอะไรจะคุยกับฉันหรือคะ?” จรีภรณ์หัวเราะอย่างเย็นชาพลางมองไปยังตรีภพ แล้วเปิดประตูให้เขาเข้ามาในห้อง “พ่อรู้ว่าลูกผ่านความยากลำบากมามาก พ่อเองก็รู้สึกแย่”พอตรีภพเดินเข้ามาในห้องเขาก็เริ่มต้นสานสัมพันธ์กับลูกสาวตัวเอง ท่าทางเจ็บปวดแบบนั้นมองไปยังคนเป็นลูก โดยเฉพาะวันนี้ได้ยินเธอพูดออกมาเช่นนั้น ในใจยิ่งรู้สึกถึงรสชาติของชีวิตเธอมากยิ่งขึ้นไปอีก แต่จรีภรณ์กลับรู้สึกว่าเห็นแบบนี้จนชินตาไปเสียแล้ว มองเขากลับอย่างประชดประชัน “ท่านนายกไม่เป็นไรใช่ไหมคะ? คุณมาพูดแบบนี้ในตอนนี้ ไม่คิดว่ามันจะสายไปหน่อยหรือคะ?” “พ่อรู้ เพราะฉะนั้นพ่ออยากจะชดเชยทุกอย่างให้กับลูก”เขาเอ่ยพูดด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้น พลางยื่นมือส่งบัตรธนาคารให้กับเธอใบหนึ่ง
已经是最新一章了
加载中