ตอนที่ 3 แสร้งเป็นโง่   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 3 แสร้งเป็นโง่
ตอนที่ 3 แสร้งเป็นโง่ “เจ้าคือเซี่ยอีอีงั้นหรอ?” เหว่ยหมิงจ้องไปที่หน้าของนาง แต่ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่านางคือผู้หญิงคนนั้น เขาจำได้แค่ว่านางมีดวงตาที่เปล่งประกายคู่หนึ่ง แต่คนตรงหน้ากลับ ...... “องค์ชายสี่ ท่านมาหาข้าแล้ว!” เซี่ยอีอีมองเขาแบบบ้าๆบอๆอยู่ค่อนวัน แล้วก็พุ่งตัวเข้าไปใส่เหว่ยหมิง มือทั้งสองโอบที่เอวของเขา นางบ้านี่ถูกไหม ในเมื่อบ้าแล้วจะทำอะไรก็คงไม่เป็นอะไรจริงไหม? ยังไงซะเรื่องที่สนิทชิดเชื้อกว่านี้เมื่อกี้ก็ทำไปแล้ว ตอนนี้ก็แค่กอดเอว ไม่ทำให้เนื้อหนังหลุดหรอกเนอะ เพราะแค่อยากจะปิดบังเรื่องเลือดที่ออก ยังมีอะไรที่นางทำไม่ได้อีกงั้นหรอ? เหว่ยหมิงตัวแข็งไปทั้งตัว ไม่ทันได้รู้สึกถึงความคุ้นเคยนี้ ก็ได้ยินนางเรียกตัวเขาว่าเหว่ยเฉิน เขาใช้มือในการดึงมือเล็กๆคู่นั้น แล้วสบัดนางไปที่เตียง จ้องนางด้วยสีหน้าท่าทางเกรี้ยวกราด “ใครอนุญาตให้เจ้าแตะต้องตัวข้า?” เซี่ยอีอีถูกเขาสบัดจนศีรษะชนเข้า นางกัดฟัน ในใจรู้สึกไม่พอใจมาก พิเศษอะไรนักหนา นิสัยแย่ขนาดนี้ นางอยากจะถูกตัวใครก็จะทำ จำเป็นต้องให้ใครมาอนุญาตหรือไง? เมื่อกี้หากรอจนเขาอนุญาต ไม่แน่พวกเขาทั้งคู่อาจจะจบกันแล้วก็ได้ เซี่ยอีอีเพิ่งจะลุกขึ้นมาจากเตียง ก็เห็นเซี่ยเหวียนฉี เฉินซื่อ กับพี่น้องกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาด้านใน นางข่มความโกรธเอาไว้ในใจ เม้มปาก แล้วกอดตัวเองนั่งอยู่บนเตียงด้วยความหวาดกลัว น้ำตาไหลลงมาราวกับน้ำตก ปากก็บ่นไม่เป็นภาษาไม่รู้ว่าพูดอะไรอยู่ เมื่อเห็นนางเป็นแบบนั้น เหว่ยหมิงรำคาญเลยหันหลังไป กำลังจะเดินไป เหว่ยเฉินก็เดินขึ้นหน้ามา “ท่านพี่ทำไมจะไปแล้วล่ะ? ไม่ตรวจสอบหาคนที่ลอบทำร้ายท่านแล้วหรอ?” ถึงแม้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่จะเกิดที่บ้านตระกูลเซี่ย แต่ว่าเหว่ยหมิงก็ไม่ได้ไม่สงสัยในตัวของเหว่ยเฉิน เพียงแต่ว่าเขาไม่เข้าใจว่า หากเป็นเขาจริง เป้าหมายของเขาคืออะไร ไม่ได้จะเอาชีวิตเขา เพียงแต่ต้องการให้เขาถูกพิษแล้วส่งผู้หญิงมาให้เขาหนึ่งคน เขาทำอะไรให้วุ่นวายแบบนี้แค่เพื่อหยั่งเชิงดูว่าเขาจะถูกเนื้อต้องตัวผู้หญิงหรือไม่งั้นหรอ? “ยังไงซะคุณหนูเซี่ยก็เป็นคนของน้องสี่ ในฐานะพี่ชายก็ต้องไว้หน้าบ้าง” เหว่ยหมิงรู้ดีว่าสิ่งที่เหว่ยเฉิงหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงมากที่สุด ก็คือคุณหนูสี่คนบ้าของบ้านตระกูลเซี่ย แต่ว่าหากว่าเขาไม่แตะไปยังเส้นตายของตัวเขา เขาก็คงไม่ใช้เรื่องนี้มาเหน็บแนมเขาอย่างนี้หรอกจริงไหม? ในตอนนี้เรื่องที่เขาถูกลอบทำร้ายไม่พบตัวผู้บ่งการ เขากลับโดดออกมาพูดในเวลาแบบนี้ เท่ากับว่ากำลังหาเรื่องให้กับตัวเองชัดๆ เมื่อเห็นเหว่ยเฉินสีหน้าเริ่มเปลี่ยนไป เหว่ยหมิงก็เปลี่ยนการมองไปทางอื่น “ขุนเซี่ย ข้าถูกลอบทำร้ายในจวนของเจ้า ข้าให้เวลาเจ้าสามวันหาตัวคนร้ายออกมาให้ได้ ไม่งั้น เจ้ารู้ใช่ไหมว่าข้าจะทำยังไง” “เอ่อ ......” เซี่ยเหวียนฉีสีหน้าลำบากใจ ไม่กล้ารับปาก แต่ยิ่งไม่กล้าไม่รับปาก สามวัน ต่อให้สามสิบวันก็ไม่แน่ว่าจะหาเจอไหม! ในตอนนี้เอง คุณหนูรองแห่งบ้านตระกูลเซี่ยวี่เสวียน นางเดินไปที่ข้างเตียงแล้วกวักมือเรียกเซี่ยอีอีมา “อีอี มาหาพี่มา” น้ำเสียงอันอ่อนโยน ใครได้ยินก็คงรู้สึกว่านางจะต้องเป็นพี่สาวที่รักน้องมากๆคนหนึ่ง เซี่ยอีอีมองไปที่นาง แล้วก็มองไปที่ตงวี่ที่ยืนอยู่ไกลๆ เมื่อเห็นหน้าตงวี่ที่เป็นกังวล นางก็รู้ทันทีว่า ‘พี่สาวที่ดี’ ที่เปลือกนอกอ่อนโยนคนนี้จะต้องไม่เป็นอย่างที่คิดแน่ๆ เซี่ยวี่เสวียนเห็นนางยังคงหลบอยู่บนเตียงไม่ยอมออกมา ก็เลยหันหน้าไปมองสาวใช้ สาวใช้ก็เลยยกเอาของว่างที่อยู่บนโต๊ะที่ข้างเตียง เซี่ยวี่เสวียนหยิบขึ้นมาชิ้นหนึ่ง แล้วก็พูดกล่อมว่า: “อีอีเด็กดี มากินขนมมา” เมื่อเห็นขนมในมือของเซี่ยวี่เสวียน สายตาของเซี่ยอีอีเยาะหยัน อารมณ์ในดวงตานั้นเซี่ยวี่เสวียนไม่เห็น นางโน้มตัวเล็กๆของนางขยับเข้าไปใกล้ ยื่นมือมาหยิบขนมในมือของเซี่ยวี่เสวียน เซี่ยวี่เสวียนยื่นขนมให้กับนาง แล้วก็จับแขนอีกข้างของนางเอาไว้ เซี่ยอีอียัดขนมเข้าปากไปหมด แล้วพูดจาอุบอิบว่า: “ท่านพี่จะทำอะไร?” เซี่ยวี่เสวียนค่อยๆดึงแขนเสื้อของนางขึ้น สายตาที่อ่อนโยนหายไป สิ่งที่มาแทนที่ในพริบตาก็คือความรังเกียจ ทันใดนั้นเอง เซี่ยวี่เสวียนก็พูดด้วยความตกใจว่า: “แต้มพรหมจรรย์ของน้องหายไป” เสียงดังเพียงพริบตาเดียวทำให้เกิดเสียงซุบซิบขึ้นมา เหว่ยหมิงหันกลับมาด้วยความฉงน มองไปที่เซี่ยอีอีที่ท่าทางบ้าบอ เห็นนางที่เอาแต่ห่วงของกินที่อยู่ในมือ ท่าทางที่ปัญญาอ่อนแบบนั้น ราวกับไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น ตงวี่เห็นดังนั้น ก็กังวลขึ้นมา นางอยู่ข้างกายนางตลอดทั้งวัน แต่แต้มพรหมจรรย์กลับหายไป? นางไม่รู้เลยว่าเซี่ยวี่เสวียนทำอะไรนาง แต่กลับรู้ว่า เรื่องพัวพันมาถึงนางแน่นอน เซี่ยอีอีกินของว่างชิ้นสุดท้ายในจาน แล้วก็เช็ดมือไปบนเสื้อผ้า เงยหน้าขึ้นมามองทุกคนแบบบ้าๆบอๆ แล้วก็บ่นๆว่า:“แต้มพรหมจรรย์คืออะไร? กินได้ไหม?” พูดแล้วก็ยกแขนเสื้ออีกข้างหนึ่งขึ้นมา ผิวขาวอวบอิ่มราวกับหิมะ จุดแต้มสีแดงสะดุดตา เซี่ยอีอีกางแขนออกไป เป็นมุมที่สามารถทำให้ทุกคนเห็นแต้มพรหมจรรย์ที่ยืนยันความบริสุทธิ์ของเธอได้ ถึงแม้ว่าเซี่ยอีอีจะไม่รู้ว่าก่อนที่เธอจะมายังโลกแห่งนี้ เจ้าของเดิมของร่างนี้จะเจออะไรมาบ้าง แต่ในเมื่อให้นางกินยากำหนัดเข้าไป แล้วก็วางยาประเภทเดียวกันให้กับอ๋องหยง นั่นก็แสดงว่ามีคนตั้งใจจะทำร้ายนาง เมื่อฟังเรื่องจากตงวี่แล้ว เธอก็พุ่งเป้าไปที่องค์ชายสี่ ในเมื่อเขาไม่ชอบนาง แต่สิ่งที่เธอคิดไม่ถึงก็คือ เขามีผู้ช่วยด้วย พี่สาวของตัวเองกับคู่หมั้นร่วมมือกันคิดจะทำลายความบริสุทธิ์ของนาง ส่วนจะเป็นเพราะอะไร ยังคิดไม่ได้ ยังดีที่ไอคิวสองร้อยสามสิบของตัวเธอนั้นตามเธอมายังโลกนี้ด้วย ดังนั้นตอนที่ตงวี่ถ่วงเวลาที่นอกประตู เธอก็ได้ใช้เข็มจิ้มไปที่จุด แล้วใช้เลือดของตัวเองทำของปลอมขึ้นมา ทันใดนั้นเอง เซี่ยอีอีก็ลุกจากเตียง เธอเลียนแบบเซี่ยวี่เสวียนดึงแขนของนางไว้ แต่ว่า เปลี่ยนจากการดึงแขนเป็นการกระชาก ยังไงซะเธอก็เป็นคนบ้านี่จริงไหม? หากทำแบบเซี่ยวี่เสวียนค่อยๆทำ มันก็จะดูไม่บ้าเนอะ? เซี่ยอีอีใช้แรงมือเยอะมาก เซี่ยวี่เสวียนแทบจะสลัดทิ้งไม่ได้ เซี่ยวี่เสวียนไม่รู้เลยว่าเธอจะทำแบบนี้ ยังไม่ทัยจะได้ตกใจ ก็ได้ยินเสียง ‘แควก’ ผ้าซับในก็พลอยขาดไปกับแขนเสื้อด้วย เห็นแขนทั้งสองข้างที่ไม่มีร่องรอยอะไรเลย เซี่ยอีอีก็แอบยิ้มมุมปาก ที่แท้คนที่มั่วมีอะไรกับคนอื่นเป็นนาง น่าขันจริงๆ ตัวเองเป็นผู้หญิงหยำฉา แต่กลับวิ่งมาใส่ร้ายเธอ “ฮ่าฮ่า แต้มพรหมจรรย์ของท่านพี่หายไปแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า แต้มพรหมจรรย์ของท่านพี่หายไปแล้ว” เซี่ยอีอียืนอยู่บนพื้น แล้วตบมือหัวเราะ คำพูดของคนบ้าปกติแล้วไม่มีคนเชื่อหรอก แต่ว่าแขนเสื้อทั้งสองข้างของเซี่ยวี่เสวียนถูกเซี่ยอีอีดึงขาดไปแล้ว บวกกับการปิดแขนของนาง มันยิ่งหมัดตัว เฉินซื่อเห็นดังนั้นก็ตกใจ รีบเดินเข้าไปดึงแขนนางออก เมื่อเห็นแขนของนางไม่มีร่องรอยอะไรเลย นางตกใจจนพูดอะไรไม่ออกอยู่นานมาก ‘เพี๊ยะ’ พริบตาเดียวก็มีมือตกลงมาอย่างรวดเร็ว รอยแดงนิ้วมือทั้งห้าปรากฏอยู่บนใบหน้าของเซี่ยวี่เสวียน “เจ้า ขายหน้าไหม?”
已经是最新一章了
加载中