ตอนที่ 6 เพื่อนไม่ดี   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 6 เพื่อนไม่ดี
ตอนที่ 6 เพื่อนไม่ดี เมื่อเห็นดังนั้น เหว่ยหมิงค่อยๆขมวดคิ้วลง แล้วยื่นมือออกไปอยากจะเช็ดน้ำตาให้เด็กผู้หญิง แต่กลับถูกเด็กผู้ชายปัดมือทิ้งไป “เจ้าอย่ามาแตะต้องน้องสาวข้า” จริงๆเหว่ยหมิงไม่เคยรับมือกับเด็กมาก่อน แต่พอต้องรับมือกลับมีถึงสองคน แถมคนหนึ่งอ่อนคนหนึ่งแข็ง จึงยากที่จะรับมือ “น้องสาวของเจ้าร้องไห้แล้ว เจ้าไม่เห็นหรือไง?” สีหน้าของเด็กผู้ชายจริงจัง คิ้วขมวดเข้าหากัน การเผชิญหน้ากับเหว่ยหมิงเป็นอะไรที่เขารำคาญ “เจ้าไม่ต้องมายุ่ง สรุปแล้วเจ้าอยู่ห่างๆน้องสาวข้าเอาไว้ก็พอ” พูดจบ ก็หันหลังจูงเด็กผู้หญิงวิ่งจากไป เหว่ยหมิงนั่งยองๆอยู่ที่เดิม มองดูเด็กน้อยสองคนจนเงาเด็กๆหายไป แล้วบ่นว่า: “เด็กตัวแค่นี้ ทำไมถึงได้มาวิ่งเล่นอยู่ในตลาดแบบนี้เองล่ะ ไม่รู้ว่าพ่อแม่ของพวกเขาคิดอะไรกันอยู่” เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยทั้งสองหายไปแล้ว ตงหมิงที่ยืนอยู่ข้างเหว่ยหมิงก็พูดว่า: “ท่านอ๋อง ท่านไม่ต้องไปห่วงพ่อแม่ของพวกเขาดีกว่า ท่านเดินทางมาก็หลายวันแล้ว ควรไปพักผ่อน” เมื่อได้ยินดังนั้น เหว่ยหมิงถอนหายใจเบาๆ แล้วก็พยักหน้า “ช่างเถอะ เรากลับกันเถอะ!” ............ “เซี่ยวี่ซื่อ เจ้าขโมยของอีกแล้วนะ ระวังเถอะข้าจะกลับไปฟ้องคุณแม่” หนุ่มน้อยลากสาวน้อยไปยังศาลเจ้าร้างที่ไม่มีคน สะบัดมือออก แล้วก็ต่อว่า เซี่ยวี่ซื่อหลบสายตาของเขา แล้วเม้มปากควักห่อผ้าสีฟ้าเทาออกมาจากหน้าอก แล้วก็เปิดห่อผ้าออกดู เงยหน้ายิ้มแล้วบอกกับเด็กผู้ชายว่า: “เงินพวกนี้พอที่จะให้เราไปกินข้าวที่หอฮว๋าเหวียนได้ เซี่ยเฉินวี่ ข้าเลี้ยงเจ้าเอง ไปไหม?” เซี่ยเฉินวี่สีหน้าท่าทางเหมือนเดิม หันหัวมา แล้วพูดว่า: “ไม่ไป ข้าไม่ใช้เงินที่เจ้าขโมยมาหรอกนะ!” เซี่ยวี่ซื่อเก็บห่อผ้ายัดใส่หน้าอก เชิดใส่ และพูดแบบไม่ใยดีว่า: “ทำการใหญ่จะต้องไม่สนใจเล็กน้อยแบบนี้ ไม่เหมือนเจ้ากระย่องกระแหยง ไม่เห็นเหมือนผู้ชายเลย” เซี่ยเฉินวี่ได้ยินดังนั้นไม่พอใจมาก “เจ้าว่าใครไม่เหมือนผู้ชาย? เจ้าอย่าลืม ครั้งที่แล้วเจ้าถูกคุณแม่ทำโทษ ข้านี่แหละที่ช่วยเจ้า” เรื่องที่ไม่สำคัญแบบนี้เซี่ยวี่ซื่อจำไม่ได้ นางกลับหลังหันแล้วก็เดินไป ท่าทางดูมั่นใจผยองไม่มีความอ่อนข้อน่าสงสารเลยสักนิดเดียว? เซี่ยเฉินวี่เห็นแบบนี้ก็โกรธจนเนื้อเต้น “เซี่ยวี่ซื่อ เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ เจ้าจะไปไหน?” พูดแล้ว ฝีเท้าที่รีบร้อนตามไป ...... ------------ ต้นหลิวเดือนหก เสียงแมลงร้องขาน สายลมพัดผ่าน ช่วงกลางวันที่แสงอาทิตย์ร้อนแผดเผา ใต้ศาลาสีขาวติดกับสระบัว ผู้หญิงนางหนึ่งพิงอยู่บนเก้าอี้ไม้ไผ่ ดอกหลิวสยายลงมาแต่ก็ไม่สามารถบิดบังใบหน้าของนางได้ ท่าทางการนั่งทำให้เสื้อผ้าปลิวไสว มือเล็กๆพาดอยู่บนหน้าท้อง ทั่งขาวและเรียวยาว นิ้วมืออันเล็กเรียวแลดูอ่อนนุ่ม ห่างไปไม่ไกล เงาเล็กๆสองเงาผลุบๆโผล่ๆ เห็นเหมือนมีคนกำลังหลับอยู่บนเก้าอี้ ทั้งสองก็เลยไปอย่างวางใจ แต่คนที่หลับอยู่กลับเอ่ยปากพูดขึ้นมา ...... “ท่องแมลงพิษมาคนละสิบชื่อ ห้ามซ้ำกัน หากพูดได้ถูกต้องจะปล่อยพวกเจ้าไป” ได้ยินดังนั้น เด็กน้อยทั้งสองก็มองหน้ากัน แล้วก็เขยิบออกมาจากด้านหลัง หันมายืนอยู่ตรงศาลา เซี่ยวี่ซื่อสวมเสื้อผ้าหลัวจื่อซาสีม่วงทั้งตัว เส้นด้ายราคาแพงเช่นนี้ก็เหมือนกับศาลาหยกแห่งนี้ นางกำลังจะเอ่ยปากพูด ก็ถูกเซี่ยเฉินวี่ยื่นมือมา มองนางแล้วส่ายหน้า เซี่ยเฉินวี่มองไปยังคนที่นอนอยู่บนเก้าอี้ ใบหน้าสดใสเรียวเล็ก “ท่านแม่ หากเราพูดได้คนละสิบชื่อท่านก็ปล่อยเราไป หากเราพูดได้คนละยี่สิบชื่อ ท่านก็พาเราไปเที่ยวได้หรือเปล่า?” เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยวี่ซื่อก็ยิ้มมุมปาก มองไปที่พี่ชายแล้วยักคิ้วให้ เหมือนกำลังจะบอกเขาว่าข้อเสนอของเขานั้นดีมาก “ก็ได้ ท่องมา!” เสียงที่เรียบง่ายฟังไม่ออกว่าอารมณ์ไหน มีเพียงเสียงที่บ่งบอกถึงความขี้เกียจ เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยเฉินวี่เอ่ยปาก รอยยิ้มปรากฏออกมาจากสายตาของเขา แล้วก็เริ่มท่อง “กุ่นกู่ จินกู่ อิ่นกู่ ......” เซี่ยเฉินวี่ท่องจบ เซี่ยวี่ซื่อก็ทำหน้าทำตาหน้าสงสัยแล้วกัดริมฝีปากล่าง สีหน้าท่าทางที่น่าสงสารนั้นใครเห็นใครก็สงสาร ถึงอย่างนั้น คนที่นอนอยู่บนเก้าอี้ก็ไม่ได้สนใจ นางพูดโดยไม่ได้ลืมตาว่า: “เซี่ยวี่ซื่อ ไม่ต้องมาแกล้งทำตัวน่าสงสาร เซี่ยเฉินวี่ท่องจบแล้ว ถึงตาเจ้าแล้ว” เซี่ยวี่ซื่อทำปากคว่ำ เหมือนกับกำลังต่อว่าแม่ของตัวเองไม่เอ็นดูลูกสาวสุดที่รักคนนี้เอาซะเลย แล้วจึงเริ่มเอ่ยปาก เสียงนุ่มๆนิ่มๆ ทำให้คนฟังรู้สึกสบายๆ “หวานหลางกู่ เทียวเซิงกู่ สือโถวกู่ ......” เมื่อสิ้นเสียงลง คนที่นอนอยู่บนเก้าอี้ก็กระตุกปากยิ้ม ขนตาราวกับกางปีก ดวงตากลมโตก็ปรากฏออกมา “ทำไมถึงหนีเรียน?” เซี่ยอีอีใช้หางตามองไปที่เจ้าเด็กน้อยสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ สายตาที่เกียจคร้านค่อยๆเปลี่ยนเป็นจริงจัง “เพราะว่าอาจารย์สอนน่าเบื่อมาก เรื่องพวกนี้เราทำได้นานแล้ว” เซี่ยเฉินวี่สีหน้าจริงจัง “ท่านแม่ ซื่อเอ๋อไม่อยากไปเรียนแล้ว” เซี่ยวี่ซื่อทำปากจู๋ น้ำเสียงอ่อนนุ่มผสมปนเปกับเสียงอ้อน เซี่ยอีอีถอนหายใจอย่างหมดปัญญา ลุกขึ้น แล้วดึงพวกเขาสองคนมาตรงหน้าของตัวเอง “ซื่อเอ๋อ วี่เอ๋อ แม่ให้พวกเจ้าไปเรียนหนังสือ ไม่ใช่ว่าอยากจะให้พวกเจ้าไปเรียนแล้วได้อะไรกลับมา แม่รู้ว่าพวกเจ้าฉลาด แต่ว่าเด็กฉลาดก็ต้องเรียนรู้จะคบเพื่อนยังไง ไหนพวกเจ้าบอกมาสิ นานขนาดนี้แล้ว พวกเจ้ามีเพื่อนแล้วกี่คน?” เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยวี่ซื่อก็เหลือบไปมองพี่ชายตัวเอง ปัญหายากแบบนี้นางไม่อยากมีส่วนร่วม “ท่านแม่ ในห้องเรียนมีแต่เด็กเล็กๆ ข้าไม่อยากเป็นเพื่อนกับพวกเขา อีกอย่าง ข้ากับซื่อเอ๋อก็มีเพื่อนอยู่แล้ว” เห็นเซี่ยเฉินวี่มีสีหน้าจริงจัง เซี่ยอีอีก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ใช่ พวกเจ้ามีเพื่อน แล้วเพื่อนของพวกเจ้าก็มีควาสามารถมากๆด้วย สามคนโฉดแห่งอีหลิงคูเป็นเพื่อนของพวกเจ้า โจรสลัดที่มีชื่อเสียงก็เป็นเพื่อนของพวกเจ้า แล้วก็ยังมีคนประหลาดจากทั่วทุกทิศเป็นเพื่อนของพวกเจ้า ขอถามท่านเด็กน้อยทั้งสองหน่อยว่า ในบรรดาเพื่อนของพวกเจ้าเนี้ย มีคนไหนไหมที่ทำอะไรที่สุจริต? มีคนไหนที่อายุน้อยลงมาหน่อยไหม?” เซี่ยเฉินวี่ได้ยินดังนั้นสีหน้าเรียบเฉย แล้วก็พูดว่า: “เพื่อนไม่แบ่งดีชั่ว ไม่แยกอายุมากน้อย เพื่อนของวี่เอ๋อเป็นเพื่อนตายทั้งนั้น ช่วยข้าบุกน้ำลุยไฟได้ ท่านแม่แบ่งแยกเช่นนี้ ไม่ยุติธรรมกับพวกเขาเลย แล้วก็ดูถูกหนูด้วย” เห็นเขาเถียงด้วยสีหน้าที่จริงจัง เซี่ยอีอีคิ้วขมวด แล้วก็กลับไปนอนที่เก้าอี้ไม้ไผ่เหมือนเดิม แล้วพูดว่า: “เจ้าอย่าเข้าใจผิดนะ ข้าไม่ได้มอคติอะไรกับเพื่อนของเจ้า ข้าแค่อยากให้เจ้าคบเพื่อนปกติอย่างคนอื่นเขาบ้าง พวกเจ้าสองคนอายุรวมกันยังไม่ถึงสิบขวบเลย ทำไมถึงคบเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเจ้าบ้างไม่ได้หรอ?”
已经是最新一章了
加载中