ตอนที่ 213 จิตใจร้อนรุ่มกระสับกระส่าย   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 213 จิตใจร้อนรุ่มกระสับกระส่าย
ตอนที่ 213 จิตใจร้อนรุ่มกระสับกระส่าย สัมผัสที่นุ่มนวลได้นำรสชาติแปลกใหม่มาให้ผู้หญิง ปิดตาลง ปากของเขาล้วนแล้วแต่เป็นรสชาติของเธอ เขายังไม่ขยับ เธอก็ไม่กล้าขยับเช่นกัน เพียงเอนพิงต้นไม้ แต่ว่ามือเธอจับอยู่ที่เสื้อเขา เธอรู้สึกประหม่ามาก ปุริมยิ้ม มือที่จับเอวของเธอก็คลายลง หลังจากนั้นพูดว่า “เอาล่ะ ไปนอนเถอะ พรุ่งนี้เช้ายังต้องเดินทางต่อ” คำพูดของเขาเหมือนกับให้โทษ ทำให้เพ็ญนีติ์รู้สึกเหมือนกระต่ายที่ถูกปล่อยในตอนนี้ เธอก็เหมือนชะตาชีวิตของกระต่ายตัวนั้นที่ถูกเขากำจัดไป เสียงหัวใจก็ยังคงเต้นแรงอยู่ กลับไปถึงสถานที่ที่นอนก่อนหน้านี้ เธอนอนลงใหม่อีกครั้ง ลมหายใจสม่ำเสมอ แล้วก็หลับสนิทไป ตอนที่หลับตาในสมองก็ยังมีปุริมอยู่ในนั้นไม่จางหายไป เธอบอกว่าเธอชอบนภนต์ แต่ปุริมก็ยังดูปกติ ไม่พูดอะไรเลย เพียงแค่ให้เธอกลับมานอน คิดไปต่างๆนาๆ เธอก็นอนไม่หลับอีกครั้ง เสียงที่พลิกไปพลิกมาอาจจะทำให้เขารู้สึกได้ เขาจึงมานั่งข้างเธอเงียบๆ เนิ่นนานก็ไม่พูดอะไร กลับไม่คิดอะไรเลย ลมหายใจของเขาทำให้เพ็ญนีติ์นอนหลับโดยไม่รู้สึกตัว คืนนั้นเธอฝันว่าเจอกระต่ายตัวหนึ่ง จริงๆแล้วกระต่ายตัวนั้นเป็นนางฟ้า เป็นมาแต่แรกแล้ว ตอนที่เธอตื่นขึ้นมา ฉารายังคงนอนอยู่ จู๋ตลุกขึ้นมาเปลี่ยนเวรยามกับปุริมแล้ว และปุริมก็นอนอยู่ข้างเธอ มือข้างหนึ่งก็มากอดเอวเธอไว้ ใจจริงก็อยากจะปลุกเขา แต่คิดว่าเขาคงนอนดึก จู๋ตมาแทนเขาแล้วเขาก็คงเพิ่งจะได้นอน เธอจึงไม่ปลุกเขาดีกว่า อากาศในยามเช้าดูสดชื่นเหมือนกับหยดน้ำ น้ำค้างที่หยดลงบนปลายหญ้าเหมือนกับภาพวาดที่ขยับได้ ช่างสวยงามอะไรเช่นนี้ เพ็ญนีติ์ค่อยๆเอามือเขาออกจากเอวอย่างระวัง ดูเหมือนเขาจะหลับลึกมาก แต่ตาคู่นั้นราวกับจะเปิดขึ้นมาทำให้เธอต้องเกร็งตลอดเวลา ในที่สุด แขนเขาก็ออกไปจากตัวเธอแล้ว เพียงครู่เดียวในใจก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก เธอลุกขึ้นเบาๆแล้วเดินไปทางสถานที่ที่เจอกระต่ายตัวนั้นเมื่อคืน เดินไปสิบกว่าก้าว หญ้าก็ยังเขียวชอุ่ม ต้นไม้ก็ยังคงเขียวขจี ทั้งหมดดูกลมกลืนกันมาก แต่กระต่ายตัวนั้นไม่อยู่แล้ว มันตายแล้วเหรอ ต้องตายแล้วแน่ๆเลย เธอเห็นเงาเล็กๆกระโดดมา หลังจากนั้นของที่เขาเขวี้ยงออกไปก็ตกอยู่บนพื้นหญ้า ทันใดนั้นเสียงกรอบแกรบก็หยุดลง แต่ตอนที่เธอยืนอยู่ตรงนั้นในตอนเช้า กลับไม่เจออะไรเลย เธอมองดูต้นไม้ที่เธอพิงเมื่อคืน รสสัมผัสของเขาที่ผ่านไปยังริมฝีปากและฟันอย่างแผ่วเบา เธอสับสนมากในตอนนี้ บางครั้งก็ไม่เข้าใจหัวใจตัวเอง ด้านหลังก็มีเสียงจู๋ตพูดมาว่า “เพ็ญนีติ์ เราต้องออกเดินทางกันแล้ว” “อา...” เธอหันหลังเดินกลับไป โดยไม่รู้ว่าจู๋ตเดินมาใกล้ตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่ “ใช่แล้ว ฉันต้องเตรียมตัว” พูดเสร็จเธอก็รีบเดินหนีไปเหมือนเด็กทำผิดมา เธอกลัวที่จะเห็นสายตาของจู๋ต ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเขาอาจจะได้ยิน แต่เขาแค่ไม่พูดออกมา “เดี๋ยวก่อน....” จู๋ตกลับเรียกเธอไว้ เพ็ญนีติ์หันไปเผชิญกับจู๋ต เสียงที่เรียกเธอแบบนี้ “ถึงอูข่านแล้ว คุณจะโน้มน้าวพี่ชายยังไง” ใช่แล้ว สองวันนี้เธอก็คิดมาตลอดว่าเธอจะให้เขาได้ขายยาเสพติดให้กับคนอื่นต่อไปหรือจะยังไงดี เกือบแล้ว เธอไม่มีหนทางอื่นแล้ว จู๋ตถามความเห็น “ฉัน.....ฉันไม่รู้” ที่ให้นภนต์ทำผิดเธอก็ไม่ได้ยินยอมเลย มันหนักหนาสาหัสมาก ที่ประเทศ z ต้องจับตัวไปคงเพื่อรอเขา นี่คือข้อสันนิษฐาน กลับไปนึกถึงใบหน้าเขาที่ใส่แว่นตา มันดูอ่อนโยนและดูภูมิฐานมาก ผู้ชายที่ตรงไปตรงมา เขามีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดมานานชนาดนี้ได้ยังไง บางครั้งก็คิดว่ายังรู้สึกเหมือนฝันที่ไม่ใช่ความจริง แต่เธอมาถึงที่นี่แล้วไม่ใช่เหรอ ระยะทางจากที่นี่ถึงนภนต์ก็ใกล้มากแล้ว แต่ยิ่งใกล้ ปัญหาก็หนักขึ้นตามมา เธอต้องแก้มัดเสียก่อน ทำไมทุกอย่างมันดูยากที่จะแก้ไขขนาดนี้ “ปุริมไปรู้จักนภนต์ก็เพื่อเขาเหรอ” จู๋ตพูด “ไม่รู้สิ เขาไม่ยอมพูดออกมา แม้ว่าจะเป็นคุณเขาก็ไม่ยอมพูดออกมาอยู่ดี ถ้าไม่ใช่คุณที่ต้องถามเอง ผมก็ไม่สามารถ......” “จู๋ต คุณรู้ว่าปุริมมาได้ยังไงใช่ไหม บินมาเหรอ” เธออยากจะถามปุริมมาตลอด เพียงแค่ไม่อยากพูดกับเขาเท่านั้นเอง คำถามนี้กวนใจเธอมานานแล้ว จู๋ตจะต้องรู้แน่นอน “อืม เขาโดดร่มมา” พระเจ้า เขาจะเอาของพวกนั้นมาจากไหน “ใช่ณัฏฐพลใช่ไหม” ครู่เดียวเพ็ญนีติ์ก็นึกถึงณัฏฐพล ณัฏฐพลคนนั้นที่มาช่วยเขาแน่นอน “เพ็ญนีติ์ คุณประเมินปุริมต่ำไป เขาไม่ง่ายอย่างที่คุณคิด” บิน โดดร่ม ยังมีนาฬิกาพิเศษอันนั้นที่ปุริมหยิบให้จู๋ตก่อนหน้านี้อีก ตัวเขามีอุปกรณ์ติดตัวมาเยอะ งั้นเธอก็ไม่กล้าจินตนาการต่อเลย ของพวกนี้คนธรรมดาคงจะใช้ไม่ได้แน่ๆ ในสมองกลับไปนึกถึงคำพูดที่จู๋ตเคยพูดไว้ว่า “คุณประเมินปุริมต่ำไป เขาไม่ได้ง่ายอย่างที่คุณคิด” ปุริมเป็นใคร เขาเป็นใครกันแน่ จู๋ตพูดเสร็จก็หันหลังเดินกลับไป เพ็ญนีติ์มองหลังของเขา เธอรู้ว่าบางทีปุริมสามารถช่วยนภนต์ได้ แต่นภนต์จะยอมเหรอ วิธีนั้นไม่แน่นอนเลย ปีนั้นเพื่อต้องการเงินของปุริม เขาถึงอยู่ได้มาจนถึงทุกวันนี้ แต่เส้นทางที่ในตอนนั้นมันไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว แถมยังยากที่จะเดินไปอีกด้วย แสงอาทิตย์ในรุ่งเช้าส่องผ่านกิ่งก้านของหญ้า ตอนที่เธอเดินกลับไป ปุริมก็ตื่นขึ้นมาแล้ว บิดตัวขี้เกียจ เขาเหมือนเสือดาวตัวหนึ่งที่ดูสง่างามแต่กลับให้ความรู้สึกที่อันตรายมาก กล้ามเนื้อแขนของเขาทำให้เธอรู้สึกว่าถ้าไปสะกิดหรือกระตุ้นเขาขึ้นมา เขาก็จะกลับมาหาเหยื่อได้ตลอดเวลา และไม่ปล่อยให้หลุดมือไปอีก จริงๆแล้วเธอไม่เข้าใจเขาเลยสักนิด ไม่เลย “เพ็ญนีติ์ รีบมากินอาหารเร็ว อ่ะนี่ของคุณ” เสบียงอาหารนี้มีแค่ยูนนานที่เดียวที่มี ตอนที่กินครั้งแรกเธอรู้สึกว่ารสชาติอร่อยมาก แต่เธอกินมาหลายวันแล้ว ของที่เคยกินอร่อยก็ไม่อร่อยอีกแล้ว ยื่นมือไปรับ “ขอบคุณนะ” แต่เธอจำเป็นต้องกิน เพราะกินแล้วจะได้มีแรงเดินทางไปอูข่านต่อได้ สถานที่ลึกลับแห่งนั้นเป็นสถานที่ที่ผู้คนต่างก็กลัว ว่ากันว่ามีต้นฝิ่นอยู่ทุกที่ ดอกของต้นฝิ่นสวยงามมาก คนที่เสพฝิ่นเข้าไปจะมึนเมา และเป็นแหล่งกำเนิดของความชั่วร้าย ยื่นมือสัมผัสสายลมที่กำลังพัดผ่าน พัดผ่านปลายนิ้วจนมากระทบกับหน้าอก ชายเสื้อเธอพริ้วไหวดั่งกำลังเต้นรำ ดอกไม้ที่สวยงามเช่นนั้นช่างยั่วยวนเหลือเกิน แต่ถ้าดอกนั่นได้หายไปจากโลกนี้จริงๆ จะมีคนโหยหาความสวยงามของดอกนั่นกันเยอะไหม “เพ็ญนีติ์ กำลังคิดอะไรอยู่เหรอ” ผู้หญิงที่นอนหลับสนิทสวยงามดั่งดอกไม้ จิตใจของฉาราในวันนี้มีความสุขมาก ได้มีโอกาสคุยกับเธอ ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้มีเจตนาจะเป็นศัตรูกับเธอ “ฉารา ได้ยินว่าตระกูลศาสตร์พงษ์ที่อยู่ที่นั่นไม่ได้ร่ำรวย ใช่ไหม” “ใช่ คนที่เคยไปบ้านเกิดของพวกเราต่างก็พูดแบบนี้ อาหารและที่พักก็ล้าหลังมาก ไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมตระกูลศาสตร์พงษ์ถึงต้องปลูกของพวกนี้ ถ้าไม่มีของพวกนี้ ตอนนี้พวกเราก็ไม่ต้องได้รับโทษในครั้งนี้หรอก” ทุกอย่างในภูเขาใหญ่แห่งนี้ต่างถูกปิดกั้นหมด ดังนั้นคนเหล่านี้จะไม่รู้ว่าโลกภายนอกนั้นยังมีสิ่งสวยงามอีกมาก แต่เธอก็ไม่ใช่นางฟ้า เธอก็ไม่สามารถช่วยคนที่อาศัยอยู่ในน้ำลึกขึ้นได้ พวกเขาทำให้คนทิ้งเรื่องราวเอาไว้ แต่กลับได้กินอาหารที่ไม่ดี ได้ใส่เสื้อผ้าที่ไม่ดี รถก็เริ่มวิ่งอีกครั้ง คนจากเมื่อคืนก็ไปในทิศทางตรงกันข้ามกับพวกเขา บางทีก็นอนหลับไม่สนิท ปุริมยืนยันที่จะให้จู๋ตเป็นคนขับ ตอนที่จู๋ตนั่งเบาะคนขับ ฉาราก็มานั่งข้างคนขับ แบบนี้ปุริมก็ต้องไปนั่งข้างหลังแทน เพ็ญนีติ์ห่างจากเขาเยอะแล้ว เธอพิงประตูรถเพื่อมองทิวทัศน์ในป่าที่มีลมพัดอยู่ บนถนนล้วนเป็นทิวทัศน์ที่เหมือนเป็นฉากเดียวกันตลอดทาง เงียบสงบจริงๆเลย สิ่งที่สงบทำให้เธอไม่คุ้นชิน ดูแล้วข้างกายไม่มีเสียงบ่นของฉารามันช่างเงียบเหงาจริงๆ เส้นผมที่ตกลงมายังไหล่ นิ้วมือที่ยื่นไป ลมพัดจนทำให้ผมของเธอแห้งบางส่วน แต่ความรู้สึกที่สบายใจนั้นยังอยู่ ข้างตัวเธอมีของวางอยู่ใกล้เธอ แต่เธอรู้สึกว่าปุริมไม่ขยับเลย เธอมองด้วยหางตา เขาก็ยังนั่งนิ่งอยู่ข้างประตูอีกฝั่งหนึ่งเหมือนเธอ สองคนปรึกษากันดีแล้ว ต่างคนต่างอยู่ ไม่ต้องสนใจกัน เธอบอกว่าเธอชอบนภนต์ ประโยคนั้นเธอรู้ว่าจะทำให้เขาเจ็บปวด จะเป็นแบบไหนเขาก็ต้องเจ็บปวดอยู่ดี เขาได้นำเรื่องร้ายๆมาให้เธอเยอะมากแล้ว เพราะเขา เธอเหมือนตายไปเก้าครั้งแต่รอดมาได้แค่ครั้งเดียว ของบางอย่างที่อยู่ด้านหลัง มาโดนตัวเธอเบาๆ ของที่ขยับนั้นทำให้เธอตกใจ หันไปมอง กลับไม่ใช่ปุริม เขาและเธอยังคงรักษาระยะห่างเอาไว้ แต่กระต่ายที่สวยงามและน่ารักตัวนี้กลับทำให้เธอตกใจ กระต่ายน้อยมาอยู่นี่ได้ยังไง อุ้มขึ้นมา มันนิ่มมาก นิ่มจริงๆ สีขนเป็นสีเทา แค่กระต่ายตัวน้อยธรรมดาแต่กลับทำให้ใจเธออ่อนโยนขึ้นมา ฝีมือเขา ฝีมือของปุริม สายตาจ้องมองไปที่นิ้ว จนเธอเห็นว่าขาข้างหนึ่งของกระต่ายนั้นบาดเจ็บ มันได้รับบาดแผลเล็กจากรอยมีดที่เขาเขวี้ยงไป เอามือไปสัมผัส เธอก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา เมื่อคืนกระต่ายตัวนี้ไม่มาทำร้ายเธอเลย เพียงแค่เธอตกใจกลัวไปเอง ในใจพูดไม่ออก เขาช่วยกระต่ายที่ถูกเขายิงอย่างไม่ระวังมา เอาไปให้อ้อยและส้มเลี้ยงดีไหมนะ ทั้งวันในใจก็อ่อนโยน แต่เธอก็ยังไม่พูดกับเขาอยู่ดี คนสองคนนั่งแบบนี้มาตลอด คืนนี้จบลงแล้ว รถก็หยุดจอด ยิ่งใกล้ถึงอูข่านในใจก็ยิ่งรอคอย แต่การรอคอยก็ยังมีความกังวลอยู่ จิตใจร้อนรุ่มกระสับกระส่าย
已经是最新一章了
加载中