ตอนที่ 214 เป็นเด็กดีเชื่อฟัง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 214 เป็นเด็กดีเชื่อฟัง
ตอนที่ 214 เป็นเด็กดีเชื่อฟัง หยุดรถแล้ว ผู้ชายทั้งสองคนกลับรีบเปิดด้วยความรีบร้อน ตบไปที่เบาะนั่ง กลิ่นลอยมาที่จมูก ดึงดูดความอยากอาหารของเธอ “พี่จู๋ต ไม่กลัวจะถูกพบเหรอ” “อา เจอแล้วไงพวกเราจะไปหา ใช่ไหม” ใช่แล้ว ใกล้ถึงแล้ว ระยะห่างไปอูข่านใกล้มาก ถ้าเดินทางกลางคืนไม่กี่ชั่วโมงก็จะถึงแล้ว นึกถึงตรงนี้เธอก็พูดว่า “พี่จู๋ต กินเสร็จแล้วพวกเรารีบเดินทางต่อกันดีไหม” เธออยากจะไปหานภนต์เร็วๆ “ได้ แต่จู๋ตตอนเย็นคุณยังต้องขับรถนะ ฝีมือการขับรถคุณดี” แต่คนที่ตอบเธอไม่ใช่จู๋ตแต่เป็นปุริม ด้านหลังมีอะไรดี เขานั่งข้างหลังก็เหมือนท่อนไม้ โอบกอดกระต่ายไว้ เธอพูดเสียงเบาว่า “อีกสักพักขึ้นรถแล้วจะปล่อยเจ้านะ เป็นเด็กดีเชื่อฟังนะ กลางคืนก็อย่าวิ่งซนล่ะ ระวังไปทำคนอื่นตกใจ ครั้งหน้าจะไม่โชคดีอย่างนี้อีกแล้วนะ ขาของกระต่ายได้รักษาใส่ยาแล้วเรียบร้อย พันผ้าไว้ จริงๆแล้วบางครั้งผู้ชายคนนั้นก็มีจิตใจเมตตาอยู่บ้าง “ปล่อยทำไมล่ะ เอามาแล้วก็เอาไปตลอดเลยสิ” ปุริมนั่งตรงข้ามเธอพูดอย่างใจเย็น “ไม่เอาหรอก ชีวิตของมันต้องอยู่ในป่านี้ถึงจะปลอดภัย” ถ้าเอาไปอูข่านด้วยก็ไม่รู้ว่าจะรอดหรือตาย ถ้านภนต์ไม่สามารถกลับมาได้ เธอจะกลับมาได้ยังไงล่ะ ถ้าไม่กลับมา งั้นอ้อยและส้มจะทำยังไง พอคิดถึงลูกในใจก็เจ็บปวด จากกันไม่กี่วันก็เหมือนโลกสลายไป “พี่จู๋ต ถึงอูข่านแล้วโทรศัพท์หาลูกได้ไหม” เธออยากโทรไปหาลูกมาก แต่ตั้งแต่ที่เข้ามาในภูเขา มือถือส่วนตัวก็ไม่มีสัญญาณ เธออยากได้ยินเสียงลูกมากจริงๆ แค่ได้ยินเสียงก็ยังดี ได้ฟังพวกเขาเรียกเธอว่า “หม่ามี๊” “หม่ามี๊” ช่างน่าฟังเหลือเกิน จู๋ตกลับไม่ตอบ เพียงแค่มองไปที่ปุริม ยื่นมือไปทางเขา “ของล่ะ” “555 ไอ้บ้า ซ่อนอะไรจากนายไม่ได้เลยจริงๆ” ปุริมพูดแล้วลุกขึ้น ยื่นมันไปที่เพ็ญนีติ์ “อ่ะนี่ให้คุณ” เธอมองด้วยความแปลกใจที่ในมือเขามีมือถือ “โทรได้เหรอ” “โทรได้ มันเป็นโทรศัพท์ดาวเทียม” อยากจะทุบเขาแรงๆ เขามีของดีแบบนี้ตั้งนานก็ไม่หยิบออกมา ยื่นมือไปแย่งมา ปลายนิ้วก็รีบกดอย่างเร็ว แต่กดไปได้ครึ่งเบอร์เธอก็หยุดกด แล้วยื่นไปคืนเขา “ไม่ต้องแล้ว” “ทำไมล่ะ ไม่อยากโทรหาอ้อยกับส้มแล้วเหรอ” เขาแปลกใจ ฟังเขาพูดถึงอ้อยและส้มดูเหมือนกับสนิทกันอะไรอย่างนั้น แต่หูของเธอที่ฟังนั้นกลับกระดากหู “อา ไม่มีอะไร แค่ไม่อยากโทรแล้วแค่นั้น” โทรไปที่โรงเรียนก็ไม่มีประโยชน์ ในห้องเรียนคงไม่มีคนอยู่แล้ว เวลานี้คงไม่มีคนรับ “เขาไม่รับ เพียงแค่พูดว่า ให้กด 1” เธอไม่กดแล้วใครจะรู้ว่าเบอร์อะไร “ไม่ต้องแล้ว ขอบคุณ” หลายวันแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เธอพูดขอบคุณเขาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่กลับให้ความรู้สึกห่างกัน ผู้ชายจึงใช้นิ้วกดไปที่หมายเลข 1 อย่างเร็ว ในมือถือก็มีเพลงดังออกมา ชื่อเพลงว่า ในโลกที่มีแม่ดีที่สุดแล้ว เสียงที่ลอดออกมาเป็นเสียงของอ้อยกับส้มแน่นอน พระเจ้า ใครให้อ้อยกับส้มใช้เป็นเสียงเรียกเข้าเนี่ย เพียงชั่วครู่เธอก็หันกลับมา ในมือถือก็มีเสียงของส้มออกมา “แด๊ดดี๊ ลูกต้องไปนอนแล้ว ตาจะปิดแล้ว ใครให้พ่อโทรมาปลุกลูกอีกเนี่ย” เธอหันไปมองผู้ชายที่ยืนหน้าแดง เดิมทีทุกวันเขาจะหยิบสิ่งนี้มาโทรหาอ้อยกับส้ม “ส้ม นี่หม่ามี๊เอง” เสียงในมือถือของอีกฝ่ายก็ตกใจทันที ส้มพูดด้วยความดีใจว่า “อ้อย เธอรีบลุกขึ้นมาเร็ว หม่ามี๊โทรมา หม่ามี๊เอามือถือของแด๊ดดี๊โทรหาเราล่ะ เธอพูดสิ หม่ามี๊อยู่กับแด๊ดดี๊ใช่ไหมคะ” เธอโง่ เพียงแค่โทรศัพท์เท่านั้น ไม่ต้องคิดเยอะได้ไหม “ส้ม ถ้าไม่คุยกับหม่ามี๊ หม่ามี๊จะวางสายแล้วนะ” เธอ....... ก่อนหน้านี้ปุริมไม่เคยถามเรื่องอ้อยและส้มกับเธอมาก่อน ดังนั้นตอนนี้คงจะไม่ดีถ้าจะพูดอะไรออกไป ใจของลูกเหมือนกับกระดาษขาวแผ่นหนึ่ง ที่ใสสะอาดและปราศจากฝุ่น แต่เธอก็ยังเป็นห่วงอยู่ “หม่ามี๊ อย่าวางสายนะ หม่ามี๊โกรธเหรอ” ส้มถาม “หม่ามี๊ แด๊ดดี๊ทำให้หม่ามี๊โกรธเหรอ” อ้อยพูดถามออกมา เพ็ญนีติ์จินตนาการว่าลูกของพวกเขาสองคนที่อยู่ด้วยกันอีกฝั่งหนึ่งของมือถือ คงจะทำหน้าน่ารักอยู่ เธอรักพวกเขา ยิ้มออกมา “ไม่วางหรอก ไม่ต้องกลัว หม่ามี๊ดีใจสุดๆเลย” “หม่ามี๊ งั้นเมื่อไหร่หม่ามี๊จะกลับมาคะ” “อีกสองสามวัน” จริงๆแล้วตัวเธอเองก็ยังไม่รู้ว่าต้องใช้เวลากี่วัน ต้องดูว่านภนต์จะตัดสินใจยังไง ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่วัวที่จะพากลับได้ง่าย “หม่ามี๊ พูดจริงนะคะ” “แน่นอนสิ” เธอตอบกลับ เพื่อลูกแล้วเธอก็อยากกลับไปแน่นอน “หม่ามี๊ หม่ามี๊กลับมาจะมีของขวัญให้ลูกไหม” ส้มถามขึ้นมา ถามอย่างมีความหวัง “ส้มอยากได้อะไรล่ะ” “หม่ามี๊เอาอะไรมาส้มก็รับได้ทั้งนั้น ของที่หม่ามี๊เอากลับมามันต้องดีอยู่แล้ว” ลูกที่เชื่อฟังสอนง่าย “โอเค หม่ามี๊จะเอาดอกไม้กลับไปฝากพวกลูก โอเคไหม” “โอเคค่ะ ลูกทำที่คั่นหนังสือ อยู่แต่ในห้องสมุดทุกวัน พลิกเปิดออกมาก็เห็นของขวัญของหม่ามี๊แล้ว “ลูกนี่เข้าใจคิดนะ” แต่ตอนที่พูดแบบนี้ ใจของเธอกลับเต็มไปด้วยความสุข ลูกรักสองคนนี้ของเธอเป็นเด็กดีมาก “หม่ามี๊ นี่ไม่ใช่ความคิดของลูกนะคะ.” “อา งั้นของใครเหรอ” เธอเอ่ยถาม โดยไม่คิดอะไร “ของแด๊ดดี๊ล่ะ เขาบอกว่าต้องไปเข้าป่า บอกว่ามีต้นเดย์ลิลลี่อยู่ เขาจึงจะนำมันกลับมาให้” ส้มพูดด้วยเสียงเบา ราวกับถูกอ้อยปราม แล้วก็เปลี่ยนเป็นอ้อยพูด “ลูกถามแด๊ดดี๊ว่าทำไมไม่ใช่ดอกไม้ แด๊ดดี๊บอกว่า ดอกไม้ถึงแม้จะสวยงาม แต่ดอกไม้มันก็มีพิษ แต่หม่ามื๊ ผักของต้นเดย์ลิลลี่เรายังกินได้ ไม่มีพิษอะไร ทำไมดอกไม้ที่แด็ดดี๊กับหม่ามี๊ไปถึงมีพิษคะ” ทำไมงั้นเหรอ นั่นเป็นเหตุผลของเขา ถ้าดอกไม้นั่นแค่มองดูมันก็จะไม่มีพิษ แต่สิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่คนเราต้องการคือหลังจากที่ต้นฝิ่นมันเบ่งบานแล้วต่างหาก “ที่นี่เหรอ รอพวกลูกโตขึ้นก็จะรู้เอง” “โอเคค่ะหม่ามี๊ แด๊ดดี๊อยู่ด้วยไหมคะ ลูกอยากจะพูดกับแด๊ดดี๊หน่อย” “ไม่.....” เธอพูดออกไปแค่คำเดียวคือคำว่า ไม่ โทรศัพท์ดาวเทียมในมือก็ถูกปุริมแย่งไป “อ้อย แด๊ดดี๊อยู่นี่ วันนี้เป็นเด็กดื้อไหม” “ไม่ดื้อเลยค่ะ ลูกกับส้มนอนหลับกันเร็ว ป้าเหมียวยังเอานมอุ่นๆมาให้พวกเราดื่มด้วยค่ะ” เพ็ญนีติ์หันไปมองจู๋ต ไม่ได้บอกว่าโรงเรียนประถมที่ถูกปิดนั้นนานพอสมควร ตอนแรกที่เพิ่งก้าวไป ตอนหลังอ้อยกับส้มก็ถูกจับอยู่ในมือของปุริม “เหอะ....” เธอลุกขึ้นไปที่รถ รู้สึกไม่สบายใจมาก แต่กลับไม่โกรธ เพราะตอนนี้พวกลูกๆก็อยู่ในมือของปุริมแล้ว ฉารามองเธอที่เดินไปขึ้นรถ ที่นั่งข้างหลังมีเธอนั่งอยู่ “เพ็ญนีติ์ เธอมีเรื่องอะไรในใจใช่ไหม” “ไม่มี” ในมือก็ยังอุ้มกระต่ายตัวนั้นไว้ ไม่รู้ว่าทำไม ตอนที่อุ้มกระต่ายน้อยอยู่ก็ทำให้เธอสบายใจขึ้น อีกอย่างตอนที่ใกล้ถึงอูข่าน เธอก็จะปล่อยมันไป พวกลูกๆ เธอยังอาลัยอาวรณ์อยู่ “ฉันไม่รู้ว่าเธอชอบพี่นภนต์หรือว่าคนนี้กันแน่” นิ้วมือชี้ไปที้ปุริม ฉาราพูดต่อว่า “แต่ฉันรู้สึกว่าเขาดีกับเธอมากๆ” ใช่เหรอ สิ่งที่เขาทำไม่ดีกับเธอกลับไม่มีใครเห็นงั้นเหรอ และจะไม่รับความรู้สึกของเขา ไม่ ไม่แน่นอน มือก็ลูบขนกระต่ายอย่างอ่อนโยน เธอค่อยๆทำใจให้สงบ ปุริมรับโทรศัพท์ดาวเทียมแล้วขึ้นรถ เปลี่ยนเขาขับ เธอนั่งข้างหน้าเขา นึกถึงโทรศัพท์เครื่องนั้นของเขา เดาไม่ออกเลยว่าเขาเป็นคนยังไงกันแน่ หรือว่าไม่ใช่เด็กที่เติบโตมาด้วยกันกับณัฏฐพล คำพูดของจู๋ตในตอนเช้ายังทำให้เธอสับสนไม่หาย ไม่กี่ชั่วโมงแต่กลับผ่านไปอย่างยากเย็นอะไรอย่างนี้ เพ็ญนีติ์ที่หลับไม่รู้เนื้อรู้ตัว อาจจะเป็นเพราะว่าจู๋ตอยู่ที่ไหน ปุริมอยู่ที่นั่นด้วย ดังนั้นเธอจึงหลับสบาย กระต่ายตัวนั้นยังอยู่ในอ้อมกอด เธอบอกกับตัวเองว่าแค่นอนพักแปบเดียวก็ตื่นขึ้นมาแล้ว เธอหลับลงไปแล้ว เพ็ญนีติ์ถูกปลุกขึ้นด้วยเสียงพูดงึมงำๆ ตอนที่ตื่นมาท้องฟ้าก็เปลี่ยนเป็นสีดำแล้ว ทำให้เธอมองไม่เห็นอะไรในตอนกลางคืน แต่ในความมืดกลับเห็นเงาคนขยับตัว ปรับสายตาในความมืด เธอถึงจะมองเห็นทุกอย่างชัดเจน แต่ก็ต้องแปลกใจ อ้อมกอดของเธอยังมีกระต่ายตัวนั้นอยู่ มันยังคงหลับอยู่ ฉาราก็ลงจากรถไป กำลังคุยอะไรกับสองคนนั้น ข้างฉาราก็คือปุริมและจู๋ต พวกเขาเหมือนคนที่พร้อมเตรียมรบมาก ใช่แล้ว ในมือของคนเหล่านั้นที่กำลังถืออยู่ไม่ใช่ปืนของเล่นแน่นอน พวกเขาสามคนตื่นกันหมดแล้ว แต่กลับไม่มีใครเรียกเธอ และคนพวกนั้นไม่ส่งเสียงรบกวนเธอ เป็นเพื่อนไม่ใช่ศัตรูกันแน่เหรอ แต่สถานที่แบบนี้พวกเขาจะมาเป็นเพื่อนสนิทกันได้ยังไง อุ้มกระต่ายน้อยไว้แล้วลงจากรถ เธอเดินไปที่สามคนนั้นยืนอยู่ หูก็ได้ยินฉารายังคงคุยกับพวกเขาอยู่ พูดคุยกันอยู่ ฉาราก็หันไปมองจู๋ตกับปุริม “พวกเขาบอกว่า พวกคุณเตรียมจะซื้อปูนขาวกันเท่าไหร่” ปุริมพูดว่า “บอกเขาว่ามีเท่าไหร่เอามาให้หมด” เขาเป็นคนรวย ก่อนหน้านี้เงินพวกนั้นไม่ใช่ของนภนต์ที่นำมาช่วยชีวิตเรา ตอนนี้นภนต์ถูกขังอยู่ที่นี่ ไม่ใช่ทำเพื่อเธอ แต่ทำเพื่อปุริมงั้นเหรอ “ปุริม คุณหุบปากไป ฉารา ไม่ต้องอธิบายประโยคเมื่อกี้อีก” ของนั่น นภนต์ทำให้เธอเจ็บปวดมากพอแล้ว ยังจะมาทำร้ายปุริมอีกเหรอ ตอนที่นึกถึงตรงนี้เธอก็รู้สึกทันทีว่า เธอไม่ได้อยากให้ปุริมรับสิ่งนี้ไป “หุบปาก” ปุริมไม่เพียงแค่ไม่หุบปาก แต่กลับทำให้เธอหุบปาก
已经是最新一章了
加载中