ตอนที่ 216 ผู้ชายคนนั้นหล่อมาก   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 216 ผู้ชายคนนั้นหล่อมาก
ตอนที่ 216 ผู้ชายคนนั้นหล่อมาก เธอรู้จักภาษาจีนเหล่านั้น อีกทั้งภายในห้องหนังสือก็ไม่มีบุคคลที่สามค่อยบอกเธอ ที่นี่ไม่ต้องการล่ามแปลภาษา คนที่อยู่ตรงหน้าเธอนั้นสามารถพูดภาษาจีนได้ แต่ก็ดี อย่างน้อยก็ลดความลำบากลงแก่เธอ จากการที่เธอเดินเข้าไปในห้องหนังสือ นี่เป็นครั้งแรกที่ตาของเธอมองไปยังผู้ชายที่นั่งอยู่โต๊ะหนังสือด้านข้างหน้าต่าง เธอคิดว่าคนที่อยู่ในสถานที่อย่างนี้จะต้องชั่วร้ายและคล้ายผีห่าซาตานอย่างแน่นอน เพราะคนเหล่านี้สามารถฆ่าคนได้แค่ชั่วพริบตาเดียว ในสายตาของพวกเขา คนที่ไร้ประโยชน์นั้นไม่ต่างอะไรกับมด รูปหน้าสี่เหลี่ยม จมูกตรง ปากกว้าง ดวงตาใต้คิ้วทั้งสองข้างสีดำสดใส ดูแล้วอายุเขามากสุดก็คงไม่เกินสามสิบห้าปี อายุพอๆกันกับปุริมและนภนต์ เพ็ญนีติ์ยืนยิ้มอยู่ด้านหน้าโต๊ะหนังสือ เธอยื่นมือออกไป “สวัสดี” แต่ชายดังกล่าวกลับยักไหล่โดยไม่ยื่นมือออกมา เพียงแต่ปล่อยให้เธอยกมือขึ้นไปในอากาศ และตอบกลับเธอด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มที่ดูฉาบไปด้วยน้ำแข็งนั้น เมื่อดูแล้วเขามีใบหน้าที่ดูมีเมตตา พูดตามตรงทำให้จิตใจของเพ็ญนีติ์นั้นไม่มีสมาธิไปชั่วขณะ ผู้ชายคนนี้หล่อเหล่ามาก ชุดลายพรางบนตัวเขาทำให้เธอนึกถึงณัฏฐพล ซึ่งเหมือนทหาร แต่เธอรู้ดีว่าชายคนนี้ไม่ใช่ทหารและหากเขาสามารถนั่งอยู่บนตำแหน่งนี้ได้ ก็พิสูจน์ได้ว่าเขาไม่ใช่บุคคลธรรมดา ชายหนุ่มแค่ยิ้ม แต่ยังคงไม่พูด แสงส่องลงมายังมือเธอที่ยืนขึ้นมาในอากาศที่ทั้งขาวสะอาดและเล็กบาง ข้อมือที่ซีดเซียว อาจเป็นเพราะไม่ได้เจอแสงแดดหลายวัน สีหน้าของเธอซีดเซียว “โอ้ เดิมทีของๆคุณไม่มีอะไรดีเลย ยินดีด้วย”เมื่อเขาไม่ตอบเธอ เธอยิ่งเกรงใจมากขึ้น เปลือกตาเรียวเล็กอันสวยงามมองยิงตรงไปทางชายหนุ่ม “ฉันไม่เคยจับมือกับโชคร้าย”เธอพูดแล้ววางมือลง อย่างน้อยเขาก็ใช้คำพูดที่นอบน้อมตอบเธอด้วยการให้เกียรติ “รอเดี๋ยว” มันเป็นคำพูดแรกที่เขาพูดออกมา ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่มือของเธอ นี่เป็นประโยคแรกที่เขาพูดกับเธอตั้งแต่เดินเข้ามา แม้ว่าจะเป็นเพียงคำสองคำ แต่มันก็แสดงถึงความคืบหน้า มือที่ใหญ่ก็ยื่นขึ้นไปหาเธอ “สวัสดี” สัญชาตญาณของเพ็ญนีติ์นั้นอยากจะหนีออกไป แต่นิ้วมือของเธอถูกจับด้วยชายคนที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะ การกระทำของเขานั้นรวดเร็วราวกับเสือดาว และเธอก็ไม่ได้เตรียมป้องกัน พริบตาเดียวร่างกายเธอที่ตกใจก็ขับเหงื่อออกมา ผู้คนที่นี่ ไม่ได้มาตัวเปล่า แต่ละคนมีความสามารถ ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถมานั่งอยู่ที่นี่ได้ มือของเธอสั่นจนแสดงออกผ่านร่างกาย พูดตามตรงว่าจิตใจของเธอนั้นมีความหวาดกลัวมาก คาดไม่ถึงว่าจะได้เผชิญหน้ากับเจ้าพ่อค้ายารายใหญ่แห่งสามเหลี่ยมทองคำ แต่นับว่ายังดีที่ชายหนุ่มได้ปล่อยมือเธออย่างนุ่มนวล หลังจากนั้นสุภาพบุรุษดังกล่าวก็ชี้ไปที่เก้าอี้ด้านตรงข้าม แล้วกล่าว“นั่ง” เพ็ญนีติ์นั่งลงอย่างสงบ เสื้อผ้าของเธอมีความสกปรกเล็กน้อย ซึ่งเธอยังคงสวมใส่เสื้อผ้าที่ถูกคุมขังอยู่ในห้องใต้ดิน แต่เป็นเพราะในตอนเย็นของทุกวันจะมีคนนำน้ำเย็นมาให้หนึ่งถัง ดังนั้น ร่างกายของเธอจึงยังคงสะอาดมาก ชายผู้นั้นเอนกายไปที่เก้าอี้ผู้บริหารอย่างสง่างาม เขาสูงมาก เมื่อใช้สายตาคาดเดาอย่างน้อยก็ต้องสูงสักหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าคนที่มีความสามารถอย่างเขาทำไมถึงมาทำเรื่องอย่างนี้ได้ แต่ปัญหานี้ปรากฏเข้ามาในหัวเขาแค่ครู่เดียว เธอคิดว่าตัวเองคิดผิด นภนต์ไม่ดูสุภาพเรียบร้อยเช่นนี้ แต่ทว่า ในปีนั้นเขาจ่ายเงินไปหลายสิบล้านภายแก่ปุริมในเวลาไม่กี่เดือน ผลสีขาวในปริมาณขนาดนั้นจะขายได้เท่าไร เธอเองก็ไม่กล้าคิด เพ็ญนีติ์นั่งอย่างเงียบ ๆ โดยไม่ส่งเสียง เพียงแค่กลัวการจ้องมองของชายคนนั้น ซึ่งไม่หวาดหวั่นราวกับผู้ชนคนหนึ่งไม่เหมือนคนที่ถูกพวกเขาจับมาคุมขัง เขาไม่พูด เธอเองก็ไม่พูดด้วยเช่นกัน เป็นเวลานานมาก จนชายหนุ่มใจเย็นไม่ไหว “หกคนนั้นถูกพี่จู๋ตฆ่าตายแล้ว?” คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเพราะหกคนนั้นที่ทำให้เกิดปัญหา ความคิดเปลี่ยน เธอคิดว่าชายที่อยู่ตรงข้ามเธอต้องเคยถามคำถามนี้กับสามคน หรือใครก็ตามที่อยู่ในนั้นอย่างแน่นอน ถ้าเธอพูดอย่างที่เธอต้องการ คำตอบของแต่ละคนที่ไม่สอดคล้องกันคงจะเกิดความหายนะแน่นอน ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ตอบเลยดีกว่า เธอจึงพูดเบาๆ “ฉันไม่ได้ฆ่าคน ดังนั้นมันเป็นการผิดกฎหมาย หากคุณจะขังฉันไว้ ถึงแม้คนที่ปกครองบ้านเมืองจะเป็นคุณก็ตาม แต่อย่างไรก็ตามการที่คุณปฏิบัติต่อเพื่อนของลูกน้องคุณเช่นนี้ ไม่คิดเหรอว่ามันค่อนข้างโหดเหี้ยม?”เธอเอนกายเล็กน้อย แล้ววางแขนด้วยข้อศอกไปบนโต๊ะ นี่คืออูข่าน นภนต์เองก็อยู่ที่นี่ นี่คอสิ่งที่พี่จู๋ตบอกเธอเป็นการส่วนตัว “โอ้ เพื่อนของนภนต์เหรอ?” “คาดไม่ถึงว่าชายหนุ่มจะพูดชื่อของนภนต์ออกมา”สามคำนั้นทำให้ใจของเธอเต้นแรง “ฉันอยากพบเขา” “มีเหตุผลอะไรที่เมื่อคุณพูดว่าอยากพบเขาแล้วฉันต้องให้คุณพบ?” “คุณไม่ได้อยากให้เขาทำเรื่องพวกนั้นเหรอ?”เธอเลิกคิ้วถามด้วยความถ่อมตัว รอยยิ้มบนริมฝีปากโค้งเล็กน้อย ซึ่งดูเหมือนจะโน้มน้าวให้ชายคนนี้สนใจ แน่นอนว่านิ้วมือของชายคนนั้นเคาะอยู่บนโต๊ะไม่หยุด ดูเหมือนจะหงุดหงิดเล็กน้อย และเหมือนจะคิดอะไรบางอย่าง จนเขาต้องพูดออกมา “คุณรู้ไหม ขอแค่เพียงเขาอยากทำ ในหนึ่งเดือนเขาขายมันออกไปได้มากกว่าที่ฉันขายได้ในหนึ่งปีเสียอีก” ดังนั้น เขาจะเปลี่ยนนภนต์ให้เป็นของล้ำค่า เมื่อเห็นแววตาของเธอ ชายหนุ่มกล่าวอีก “หากคุณสามารถโน้มน้าวเขาได้ ฉันจะช่วยให้เรื่องของหกคนนั้นเงียบ” “หกคนนั้นไม่ใช่คนของคุณ?”เพ็ญนีติ์แปลกใจ คิดว่าเป็นคนของเขา ชายหนุ่มเอนหลัง “เหอะๆ ไม่ใช่ เป็นคนของพี่ใหญ่ฉัน หนึ่งในนั้นเป็นญาติของเขา เรื่องนี้ หากจะพูดว่าจัดการง่ายก็ง่าย หากพูดว่าจัดการไม่ง่ายก็ไม่ง่าย ” ไม่รู้ว่าเขาได้เคยพูดคุยเรื่องนี้กับปุริมหรือไม่ แต่เรื่องนี้ไม่ใช่สาระสำคัญ สิ่งสำคัญคือพวกเขาสี่คนนั้นปลอดภัย และเธอสามารถพบกับนภนต์ได้ “ตกลง ฉันรับปากว่าจะพยายามโน้มน้าวเขา แต่ฉันไม่รับประกันว่าเขาจะฟังฉัน”สามปีแห่งความทรมาน นับถอยหลังสู่คืนวันแต่ละวัน ความจริงเธอไม่ต้องการหลอกล่อเขา ทั้งยังไม่สามารถทำเรื่องเลวร้ายนี้ได้ แต่ไปเจอหกคนนั้นในเวลาที่ไม่เหมาะสม “ได้ คำเดียวในการตกลง”ในครั้งนี้ชายหนุ่มได้ยื่นมือมาหาเธอ มือของเขานั้นหนาราวกับรังไหม หลังจากที่เขาสัมผัสก็พูดว่า “ฉันคือณภัทร” “คุณเป็นคนจีน?”เพ็ญนีติ์แปลกใจอีกครั้ง เธอมองดูเขาทั้งมีความเหมือนและไม่เหมือน แต่ชื่อของเขาก็บอกอย่างชัดเจนว่าเป็นนามสกุลของคนจีน “เหอะๆ ใช่ครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งไม่ใช่ ” คุณปู่ของฉันเป็นคนจีน แต่คุณย่าของฉันเป็นคนในพื้นที่ พ่อแม่ของฉันก็เช่นกัน เธอเข้าใจแล้ว เขาเป็นลูกครึ่ง ซึ่งลูกครึ่งทุกคนนั้นดูดี แน่นอนว่าณภัทรนั้นช่างดูดีหล่อเหล่า ดูเหมือนว่าเขาจะมาสืบทอดมรดกของบิดา นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเข้าถึงได้เดินเข้าไปในธุรกิจ แต่นภนต์ไม่ควรที่จะเขาไปยุ่งเกี่ยว ณภัทรไม่พูดอะไรต่อ เพียงแต่พูดกับเธอ “ออกไป” ไม่รู้ว่าชายคนนั้นซื้อยาอะไรไว้ในน้ำเต้า แต่อย่างน้อยเธอก็รู้ว่าจะให้เวลาเขาสำหรับการจัดการเรื่องของหกคนนั้น และก็ต้องการจัดการอย่างเหมาะสมเท่านั้น เขาถึงจะยอมให้เธอไปพบกับนภนต์ ทำได้แค่รอคอย คนอยู่ในชั้นใต้ดินของคนอื่น หากสามารถดูแลตัวเองได้คงจะดีไม่น้อย ทันใดนั้นเมื่อเพ็ญนีติ์จะเดินออกไปจากห้องหนังสือ ก็มีเสียงกระจายของณภัทรพูดออกมาจากทางด้านหลัง “ เพ็ญนีติ์” เพ็ญนีติ์ เธอตกใจกลัว เขากำลังตะโกนเรียกเธอเหรอ? เขารู้หรือไม่ว่าเธอชื่อเพ็ญนีติ์? “คุณรู้จักฉัน?”เพ็ญนีติ์ถามอย่างหนักแน่นโดยไม่ได้หันกลับไป “ฮ่าฮ่า ใช่คุณจริงๆ ด้วย ใช่คุณจริงๆ ด้วย” เพ็ญนีติ์ได้ยินคำพูดจากเสียงณภัทร แท้จริงแล้วก่อนที่เขาจะเรียกชื่อเธอ เขานั้นไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร มีเสียงฝีเท้าเดินมาจากด้านหลังอย่างรวดเร็ว เงาของชายหนุ่มยืนทับอยู่ทางด้านหน้าของเธอ เขามาใกล้เธอในทันทีและยื่นบางสิ่งไปในมือ “ฉันให้สิ่งนี้แก่คุณ ฉันคิดว่าในโลกนี้นอกจากคุณแล้วคงจะไม่มีคนที่สองที่สามารถโน้มน้าวเข้าได้” เธอเหลือบตาลงไปมองโทรศัพท์ของผู้ชาย นั่นคือโทรศัพท์ของนภนต์ เธอเพียงแค่เคยเห็นสีภายนอก แต่ไม่เคยที่จะหยิบมาในมือของตัวเอง แต่ตอนนี้ณภัทรเดินเข้าไปหาเธออย่างลังเลเล็กน้อย “ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?” “คุณไม่ต้องรู้”พูดจบ โทรศัพท์เครื่องนั้นก็ตกอยู่ในมือเธอ ณภัทรเดินกลับออกไปห่างจากตัวของเธอที่นั่งเอนกายอยู่ เหลือแต่เพียงส่วนสูงของเขาในสายตาของเธอ เดิมทีไม่ใช่ทุกคนที่นี่จะป่าเถื่อน อย่างน้อยก็ยังคงมีณภัทรอีกคนที่มีความสง่างาม มือถือโทรศัพท์ไว้ในมือเหมือนกับการได้พบนภนต์แล้ว อย่างน้อยในมือเธอก็มีสิ่งของของเขา เมื่อเพ็ญนีติ์เดินออกจากห้องหนังสือ ณภัทรก็กำชับสองสามคำกับคนที่อยู่นอกประตู ชายคนนั้นทำท่าทางที่จะติดตามเพ็ญนีติ์ไป แต่กลับเดินขึ้นบันไดไปห้องด้านในสุดของชั้นสาม ประตูถูกปิดทันทีที่คนของเขาเดินเข้าไป รอบยิ้มอันขมขื่น การเปลี่ยนสถานที่ของเธอในวันนี้จบลงแล้ว ผู้คนยังถูกกักขังในบริเวณบ้าน เพียงแต่ไม่ได้เป็นห้องใต้ดิน แต่เป็นห้องที่ดูหรูหรา เธอถือโทรศัพท์ไปที่หน้าต่าง เปิดเครื่องปรับอากาศของห้องโดยไม่ร้อนไม่หนาวเกินไป และเปิดผ้าม่านเพื่อรับแสงแดด เธอวางโทรศัพท์ไว้ในมือและสัมผัสเบาๆเพื่อเปิดเครื่อง หากณภัทรต้องการแสดงให้เธอเห็น ในโทรศัพท์จะต้องมีสิ่งที่เขาอยากให้เธอรู้อย่างแน่นอน มิฉะนั้นเขาคงไม่มอบให้เธอ มีเสียงเพลงไพเราะทันทีที่เปิดเครื่อง ทำให้หัวใจของเธอเต้นอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าจะเห็นระเบิดลูกใหญ่ระเบิดออกมา ดวงตาจ้องมองไปยังภาพหน้าจอที่กระพริบ ซึ่งสะท้อนกลับเข้ามาในดวงตาอย่างเงียบๆ บนหน้าจอโทรศัพท์ของนภนต์นั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่ใต้ราวต้นองุ่น เห็นได้ชัดว่าภาพใบหน้าของหญิงสาวถูกทำให้เป็นโมเสก แต่ท่าทางและตำแหน่งการนั่ง เธอรู้ว่าผู้หญิงที่อยู่บนหน้าจอโทรศัพท์คือตัวเธอเอง สายตามองไปด้านล่างสุดของรูปภาพ มีตัวอักษรสองคำเขียนไว้ว่า เพ็ญนีติ์ ด้วยเหตุนี้ที่เมื่อสักครู่ณภัทรได้ตะโกนออกมาว่าเพ็ญนีติ์ ส่วนลึกของหัวใจเธอนั่นเป็นทุกข์ น้ำตาของเพ็ญนีติ์ก็ไหลออกมาอาบดวงตา เขากลัวว่าผู้คนจะรู้ว่าผู้หญิงบนภาพคือเธอ ดังนั้นเขาจึงทำภาพให้เป็นโมเสก จะมีผู้หญิงสักกี่คนบนโลกนี้ที่เรียกเพ็ญนีติ์ อัพเดทครั้งหน้า วันที่21 ธ.ค. 2019 จะมาในเร็วๆนี้ โปรดอดใจรอก่อน
已经是最新一章了
加载中