บทที่ 243 เธอไม่มีคุณสมบัตินั้น

บทที่ 243 เธอไม่มีคุณสมบัตินั้น “เธอมีคุณสมบัติอะไรในการเข้ามาที่เค.เอฟกัน คำถามนี้ทุกคนต่างก็สงสัยกันทั้งนั้น” จิรภาสเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก็กวาดตามองไปยังคนที่อยู่รอบๆ ไม่มีใครมีท่าทางเห็นด้วยแม้แต่คนเดียว เพราะพวกเขาไม่เคยนึกอิจฉาและจิตใจคับแคบเหมือนกับนมิดา จิรภาสมองเธอนิ่งๆ แววตาเต็มไปด้วยความเย็นชาและเย้ยหยัน เสียงทุ้มของเขาเอ่ยขึ้น “ที่คุณพูดแบบนี้ คงคิดว่าจิดาภากำลังคุกคามตำแหน่งของคุณสินะ” “ไม่ใช่ เป็นเพราะคุณกำลังหลอกลวงค่ะ พวกเราต่างก็เป็นศิลปินของเค.เอฟ แต่คุณไม่เคยเป็นนายหน้าให้กับพวกเราแม้แต่คน จิดาภาเพิ่งจะเข้ามาเท่านั้น เธอก็กลายเป็นข้อยกเว้นสำหรับคุณ เท่าเทียมหรือคะ” ทุกคนต่างคิดไม่ถึง ว่านมิดาจะใจกล้า ถึงขนาดกล้าถามคำถามนั้นออกไป แต่คำพูดเช่นนั้น กลับดูน่าขันนัก “ผมจะเป็นนายหน้าให้กับใคร ต้องให้คนทั้งบริษัทมาตัดสิน และต้องมาปรึกษากับคุณด้วยหรือครับ” “คุณต้องให้เหตุผลที่น่าเชื่อถือกับพวกเราสิคะ” นมิดายังคงดึงดัน “พวกคุณรึ” สายตาของจิรภาสมองไปยังดาราที่ยืนมองอยู่ข้างหลังของเธอ ทุกคนต่างส่ายหน้า ต้องการบอกว่าไม่ได้คิดจะเข้าร่วมแต่อย่างใด “คุณจิรภาสคะ คุณพูดเสมอว่าตัวเองจะไม่ยื่นมือมายุ่งแต่อย่างใด แต่ในความจริง คุณยุ่งมากกว่าใครทั้งนั้น...” “นมิดา” มีคนคิดอยากจะห้ามความคิดอันไร้สมองของเธอ “พูดต่อสิ” จิรภาสยกมือ เพื่อห้ามคนนอก นมิดาจ้องเขา “ฉันทำเพื่อเค.เอฟตั้งมากตั้งมาย ไม่มีฉัน ก็คงไม่มีเค.เอฟในวันนี้ หากไม่ใช่เพราะฉัน ช่องบลูไลท์จะถูกเค.เอฟกดอยู่ตั้งหลายปีอย่างนี้หรือคะ ฉันคิดว่าฉันต่างหากที่สมควรได้รับการตอบแทนที่คู่ควร ไม่ใช่คนที่เพิ่งเซ็นสัญญาเข้ามาใหม่” “เค.เอฟเป็นผู้นำในแวดวงบันเทิง ทำไมถึงได้มีเรื่องที่น่าเศร้าใจเช่นนี้กัน” “ตอนที่ยังไม่มีจิดาภา คุณก็เท่าเทียมเสมอค่ะ แต่ตอนนี้ คุณเปลี่ยนไป” นมิดาบอกทุกความโกรธที่อยู่ในใจไปจนหมด และไม่ได้สนใจท่าทางของทุกคนที่อยู่รอบด้านเลยแม้แต่น้อย ในตอนนี้ท่าทางของจิรภาสยิ่งเย็นชา นั่นหมายความว่าเขากำลังเดือดยิ่งกว่าเดิม ความคิดของนมิดากำลังท้าทายกับอำนาจของจิรภาส ดวงตาเย็นยะเยือกราวกับราชาจ้องมองเธออย่างเยือกเย็น ในตอนที่จิรภาสกำลังจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ก็ถูกจิดาภาที่อยู่ข้างขวางไว้เสียก่อน “ท่านประธานจิรภาสคะ คืนนี้ฉันคือผู้ช่วยของคุณ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ปล่อยเป็นหน้าที่ฉันเถอะค่ะ” ยามที่ดวงตาเย็นชาของจิรภาสหันไปเห็นจิดาภา สายตาก็เผยให้เห็นถึงความไว้วางใจ อาการมึนเมาของจิดาภาสร่างไปเพราะคำพูดของนมิดาทันที มีคนกล้าพูดกับสามีของเธอขนาดนี้เลยหรือ เพียงแค่เห็นเธอลุกขึ้นมาจากโซฟา ถึงแม้จะสวมเพียงเดรสธุรกิจ แต่ก็ทำให้คนที่สวมชุดราตรีอันสูงส่งอย่างนมิดาจำต้องถอยหลังไป “แกจะลองดีกับฉันอีกใช่ไหม” “เมื่อครู่คุณพูดว่า หากไม่มีคุณ ก็คงจะไม่มีเค.เอฟในวันนี้ใช่ไหมคะ” จิดาภากล่าวเสียงเย็น “ใช่” นมิดากล่าวอย่างมั่นใจ จิดาภาเหยียดยิ้ม “คุณคิดว่าบริษัทชั้นนำที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ เติบโตด้วยน้ำมือคุณคนเดียวหรือคะ ทุกคนในที่นี้ต่างก็ทุ่มเทกันทั้งนั้น ฉันคิดว่า หากไม่มีเค.เอฟ ก็คงไม่มีเหตุการณ์เช่นวันนี้เสียมากกว่า หากนายหน้าของคุณไม่ใช่เค.เอฟ คิดว่าแบรนด์และผู้ผลิตท่านอื่นๆ จะเห็นหน้าคุณหรือ” “คุณควบคุมช่องบลูไลท์ได้ เลยจะบอกว่าคุณสมควรได้รับการดูแลสินะคะ แต่คุณต้องเข้าใจก่อน บริษัทดูแลนมิดาหนึ่งคนได้ ก็สามารถดูแลคนอื่นได้ มีหลายคนที่ฝึกฝนกันทั้งวันทั้งคืน และหวังจะที่ได้รับทรัพยากรที่คุณเคยมี” นมิดายังคงแย้งเสียงแข็ง “แกคิดว่าการดูแลนักแสดงนานาชาติคนหนึ่งมันง่ายนักหรือ ไม่ใช่ว่าใครๆ ก็จะเป็นกันได้” “ใช่ค่ะ มันไม่ง่าย แต่เค.เอฟนอกจากคุณแล้ว ก็ยังมีนักแสดงนานาชาติ นางแบบ และนักร้องเอเชียท่านอื่นๆ อยู่อีกไม่น้อย” “และยังมีศิลปินทั้งในและต่างประเทศที่เซ็นสัญญาร่วมกันอีก ไห่รุยไม่ได้พึ่งพาคุณคนเดียว” “เข้าใจหรือยังคะ” ในตอนที่จิดาภากล่าวออกไปนั้น มีความกล้าอยู่เต็มอก เพราะสิ่งที่เธอพูดคือความจริง ในตอนที่นมิดากำลังจองหอง ก็ต้องสาดน้ำเย็นเข้าใส่ เพื่อเรียกให้เธอลืมตาตื่นมามองความจริง ทุกคนที่ได้ยินจิดาภากล่าวเช่นนั้น ต่างมองเธอด้วยความประหลาดใจ ไม่คิดว่าเธอที่ดูอ่อนแอ ในเวลาที่ต้องโต้กลับ กลับไม่ได้ดูอ่อนแอ มีเหตุมีผล และมีมารยาท นมิดาที่โดนสกัดพูดอะไรไม่ออก ขึงตามองด้วยความโกรธจัด ชะงักไปครู่หนึ่ง ถึงจะจับผิดจิดาภาได้ “แกพูดเองนะ ว่าคนในเค.เอฟต่างมีความสามารถ แล้วทำไมเขาถึงต้องเป็นนายหน้าให้กับแก” “เพราะดาราท่านอื่นต่างก็มีพลังกันมาก ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องยืมมือใครมาใช้” คำพูดนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าตำแหน่งของตัวเองนั้นสูงส่ง ทำให้พวกเขาที่ได้ยินต่างพึงพอใจกันมาก แต่เดิมพวกเขาเองก็รู้สึกว่าไม่เหมาะสมเท่าไหร่ที่จิรภาสจะเป็นนายหน้าให้กับจิดาภา แต่ตอนไม่มีความคิดเช่นนั้นอีกต่อไปแล้ว “แกยอมรับว่าตัวเองไม่มีพลังแล้วสินะ” “เช่นนั้นแล้วคุณจะมาหาเรื่องฉันทำไมกันคะ” จิดาภาถามกลับอย่างไม่ไว้เกรงใจ คำพูดนี้ของเธอถือเป็นการยอมรับแล้วว่าตัวเธอมีพลังไม่พอ แล้วคนที่ฐานสูงส่งและมีพลังมากอย่างนมิดาจะมาขโมยทรัพยากรของศิลปินที่ไม่มีพลังไปทำไมกัน กำลังดูถูกตัวเองหรือพลังไม่เพียงพอกัน ทุกคำพูดของจิดาภา แย้งกลับไปจนนมิดาหมดคำพูด และมีทิศทางที่ชัดเจนนัก “แล้วก็ ท่านประธานจิรภาสเป็นนายหน้าให้กับฉัน พวกเราเซ็นสัญญากันอย่างถูกต้อง ดังนั้นมีฉันเพียงคนเดียวที่จะพูดเช่นนั้นกับเขาได้ สำหรับคุณ เขาคือท่านประธานของเค.เอฟ ฉันขอให้คุณสำนึกถึงตำแหน่งของตัวเองด้วย ว่าคำพูดของคุณเมื่อครู่ เขาจะจัดการเช่นไร คุณก็ต้องยอมรับมันให้ได้นะคะ” เมื่อกล่าวจบ จิดาภาก็กลับไปยืนข้างกายของจิรภาส ทุกคำพูดและการกระทำ ต่างเป็นการทำเพื่อปกป้องคนข้างกายทั้งหมด จนทุกคนในที่นั้นเกิดความอิจฉาขึ้นมา ไม่มีใครรู้สึกว่าเธอทำเกินไป ทั้งยังคิดว่าเธอพูดได้ดีไม่เลว สุดท้าย ทุกคนต่างหันไปมองจิรภาส “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ป้ายของคุณในเค.เอฟจะถูกเอาลงทั้งหมด ให้ผมได้เห็น ว่าสิ่งที่คุณมีต่อเค.เอฟ มันแตกต่างจากคนอื่นตรงไหน” “ถอนทีมและทีมงานทั้งหมด” “ยกเลิกคำเชิญและกำหนดการทั้งหมด ค่าเสียหาย ทางบริษัทจะจ่ายเอง” “ให้คุณและนายหน้าของคุณมองให้ชัดๆ ว่าโลกนี้ใครคือผู้นำ” “เค.เอฟผลักดันคุณได้ ก็ดึงคุณลงได้เช่นกัน ผมล่ะสงสัย ว่าพรุ่งนี้หุ้นของเค.เอฟจะดิ่งลงเพราะคุณหรือไม่” น้ำเสียงของจิรภาสเรียบนิ่ง นิ่งจนสัมผัสความรู้สึกอย่างอื่นไม่ได้ เพราะในตอนที่เขาลงมือจัดการอะไรก็ตาม เขาจะมีท่าทางเช่นนี้เสมอ เขากำลังดึงนมิดาลงต่อหน้าทุกคน ในความจริงทุกคนคิดว่าจิรภาสคงจะสร้างความลำบากให้กับนมิดาเพราะเรื่องจาริณีและเรื่องอื่นๆ แต่คิดไม่ถึงว่าจะประกาศพักงานเธอต่อหน้าสาธารณชนเช่นนี้ “นี่คือค่าตอบแทนที่คุณอวดดีต่อหน้าผม”