บทที่ 3 แย่งคน
ฉีโน่บุกเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง, ในนั้นเป็นพ่อแม่เธอ, เธอไม่ยอมให้ใครมาทำร้าย.
แต่ว่าเธอเพิ่งเข้าไป, ชายที่สวมชุดสูทสีดำก็คว้าข้อมือเธอไว้แน่น.
“คุณฉี, คุณฉินสั่งมาถ้าไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับพ่อคุณ, คุณสามารถไปพบเขาด้วยตัวเอง, บางทีอาจมีโอกาสพลิกผันได้. ”
“เขาอยู่ไหน”
ฉีโน่ถาม, ความกระวนกระวายบนหน้าเปลี่ยนเป็นสงบนิ่งเฉย. เธอรู้ดีว่าเขาไม่มีทางปล่อยเธอไปน้อยอย่างนั้น, เขาจะทำในสิ่งที่พูดเสมอ.
“ทางคุณเฉียว. ”
“คุณโทรหาเขา, แล้วให้เขามา. ”
“นั้นคงจะต้องให้คุณฉีไปด้วยตัวเอง. วางใจเถอะก่อนคุณฉีกลับมา, เราจะไม่กระทำอะไรอีกทั้งนั้น. ”
ปากของชายคนนั้นเปิดและปิด, ฉีโน่กัดริมฝีปากแล้วยิ้ม.
เขากำลังบังคับให้เธอทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ.
ซึ่งและเธอก็ไม่มีทางเลือกอื่น.
ฉินจินหลิน, ถ้าเป็นไปได้ฉันหวังว่าจะไม่เคยรู้จักคุณมาก่อน.
“หวังว่าพวกคุณจะทำอย่างที่พูด, ไม่อย่างนั้นสุดล่าฟ้าเขียวฉันฉีโน่ก็จะสู้ตายกับพวกคุณ. ”
รีบร้อนออกไปจากห้องผู้ป่วย, ฉีโน่เพิ่งออกจากโรงพยาบาล, ทันใดนั้นชายสวมชุดสูทสีขาวก็ปรากฏตัวขึ้น. การพบกันอย่างกะทันหัน. ฉีโน่ไม่ทันตั้งตัวตกตะลึง.
เขายังคงหล่อเหลาและดูดี, แต่เธอไม่มีตัวตนในอดีตเหลืดอยู่อีกแล้ว
“หยู่เฟิ่ง, คุณกลับมาได้ยังไง, คุณไม่ได้อยู่ต่างประเทศเหรอ”
“ได้ยินว่าบ้านฉีเจอปัญหานิดหน่อย, คุณลุงฉีเขาโรงพยาบาล, ผมเป็นหวังคุณก็เลยกลับบ้าน. ”
“ฉันสบายดี, คุณไม่จำเป็นต้องกลับมา, ฉันยังแบกรับไหว. ”
ฉีโน่พยายามฝืนยิ้ม, สำหรับเธอแล้ว, เขาเป็นคนพิเศษ, ทุกครั้งตอนที่เธอไม่มีที่พึ่ง, จะมีเขาอยู่ตลอด.
โจวหยู่เฟิงไม่อยากทำให้เธอรู้สึกแย่, มองดูเธอที่ซีดเซียวอย่างสงสาร, ยกมือลูบไล้ที่ริมฝีปากของเธอ.
“คุณลงเป็นยังไงบ้าง”
“หมอช่วยชีวิตกลับมาได้แล้ว, แม้อาการไม่ค่อยดีเท่าไร, อย่างน้อยก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว. ”
“งั้นก็ดีแล้ว. ”
โจวหยู่เฟิงยกริมฝีปากขึ้น, ฉีโน่ยิ้ม, “ฉันยังมีธุระ, ไม่ค่อยดูแลคุณแล้ว, ฉันไปก่อนแล้ว. ”
“ไปหาเขา”
แค่คำเรียกแทนสั้นๆ, แต่ในใจของพวกเขาก็เข้าใจว่าเขาคนนั้นคือใคร.
โจวหยู่เฟิ่งคว้าแขนฉีโน่ไว้อย่างกะทันหัน, เขาอยากพูดว่าไม่เอาเขาไม่ได้เหรอแต่สุดท้ายภายใต้สายตาที่ประหลาดใจของเธอเขาเลยพูดอย่างไม่มีทางเลือกอื่นว่า, “ ผมไปเป็นเพื่อนคุณ. ”
“ฮ่า, คงทนรอแทบไม่ไหวจริงๆ. ผมมารบกวนพวกคุณพอดรักกันหรือเปล่า”
ทันใดนั้นก็มีเสียงพูดขึ้น, ฉีโน่มองไป, วินาทีที่มองไปเห็นผู้หญิงร่างบอบบางที่อยู่ในอ้อมแขนเขา, ริมฝีปากเธอยิ่งดูขาวซีดขึ้น.
“ในเมื่อมาแล้ว, ก็มาคุยกันอย่างเปิดอกเลย, คุณคิดจะเอายังไงถ้าคุณอยากได้บ้านฉี, ฉันให้คุณได้. แต่ขอร้องคุณปล่อยพ่อแม่ฉันไป, พวกเขาร่างกายไม่ดี, ฉันขอร้องคุณอย่า”
“ขอร้องผม” ริมฝีปากของฉินจินหลินเผยให้เห็นรอยยิ้มที่กระหายเลือด, มองไปที่โจวหยู่เฟิ่ง, รอยยิ้มนั้นยิ่งไร้ความปรานี.
เดินเข้าใกล้ฉีโน่, ปลายนิ้วลูบไล้ผ่านริมฝีปากของฉีโน่.
“โน่โน่, นี้เป็นท่าทีที่คุณขอร้องผมงั้นเหรอคุณคิดว่าผมยังเป็นไอ้โง่ฉินจินหลินเหมือนเมื่อก่อน, คุณคิดว่าผมจะอภัยให้คุณที่ทรยศและนอกใจในช่วงที่แต่งงาน, แถมยังเป็นช่วงเวลาที่ผมป่วยหนัก, คุณนี้ทำให้ผมประทับใจจริงๆ. ”
“โง่”
ทันใดนั้นน้ำตาก็ร่วงหล่นลงมาจากดวงตา, ฉีโน่ฝืนยิ้ม.
“ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่โง่. ”
พูดจบ: คุกเข่าลงกับพื้นทันที, “แบบนี้พอไหม”
“ฉันขอร้องคุณ, ขอร้องคุณปล่อยคนในครอบครัวฉันไป, ได้ไหม”
“ฉีโน่”
โจวหยู่เฟิ่งตะโกน, มองไปที่ฉินจินหลินทันที, “ฉินจินหลิน, คุณมันเลือดเย็น, คุณรู้หรือไม่ว่า”
“ห้ามพูด”
ทันใดนั้นฉีโน่ก็กดมือของเขาไว้, น้ำตาคลอแล้วส่ายหัวไปมา, “ขอร้อง, อย่าพูด. ”
แต่มือที่จับอยู่ด้วยกันนั้น, มันเหมือนทิ่มแทงตาของฉินจินหลิน. ”