ตอนที่ 15 : จำกัดเวลา   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 15 : จำกัดเวลา
          รถชะลอจอดหน้าบ้านหลังเล็กๆ ในเขตนอกเมือง ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่อยู่อาศัยของครอบครัวสุขสันต์ มีพ่อ แม่ ผมและน้องชาย เราทุกคนต่างมีความสุข มีชีวิตที่สดใส ในแต่ละวันจะมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนในครอบครัวดังออกมา            จนกระทั่งเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น เมื่อจู่ๆ มีคนบุกเข้ามาในบ้านกลางดึก ตอนนั้นผมและนายออกไปทำภารกิจข้างนอก ในบ้านจึงมีแค่พ่อกับแม่ ระบบสัญญาณในตัวบ้านถูกตัดขาด แต่ด้วยความสามารถของนายเราจึงรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น            แม้จะรู้...กว่าจะเดินทางมาถึง ทุกอย่างก็สายไปแล้ว           เหตุการณ์ครั้งนั้นสะเทือนความรู้สึกของเราสองคนมาก ตำรวจเป็นที่พึ่งเดียวกลับไม่อยากยื่นมือเข้ามาช่วย เพราะพวกนั้นมีอิทธิพลเหนือกฎหมาย ง่ายๆ คือเราสองคนถูกปล่อยลอยแพ            นั่นเป็นความแค้น ความน้อยเนื้อต่ำใจ และการยอมรับไม่ได้กับกฎปลาใหญ่กินปลาเล็ก อำนาจอยู่เหนือความถูกต้อง           นายโกรธมากถึงขั้นสาบานกับตัวเองว่าจะตามล้างแค้นพวกที่ฆ่าพ่อกับแม่ จากเด็กยิ้มง่ายกลายเป็นคนชอบทำหน้าบึ้งอยู่บ่อยครั้ง แถมมีอคติกับพวกมาเฟีย ไม่รู้เกี่ยวข้องยังไง แต่ถึงจะไม่รู้แต่ก็พอเข้าใจเหตุผลและความรู้สึกของนาย            "ลองเข้าไปดูกันมั้ย"           นายยิ้มฝืนๆ ก่อนผลักประตูรถเปิดออก ผมตามเขาไปติดๆ ที่นี่ดูไม่เปลี่ยนไปจากเดิม อาจเพราะแม่บ้านที่ผมจ้างให้มาดูแลทำความสะอาดทุกเดือนช่วยให้มันไม่ทรุดโทรม           "คิดถึงที่นี่มั้ย"           ผมหันไปถามนาย เขาเพียงยืนนิ่งจ้องมองสวนเล็กๆ ตรงหน้าต่างข้างบ้าน ที่ครั้งก่อนเราสี่คนเคยมีความสุขร่วมกัน นายกำมือแน่นก่อนค่อยๆ คลายออก           "คิดถึงสิ คิดถึงวันเอาคืน"           "..."           "แต่ถึงอย่างนั้น...ผมก็ดีใจที่พี่ยังอยู่ด้วยกัน"           รอยยิ้มแสนเจ็บปวดนั่นช่างดูทรมาน อ้างว้าง โดดเดี่ยว นายเก่งและฉลาดก็จริง แต่เขาก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่ง เจ็บเป็น มีความรู้สึก ยิ่งเจอเรื่องแทบจะทานทนไม่ได้ในครั้งนั้น ก็มากพอสำหรับเด็กที่เคยมีครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา           "พี่ดีใจที่เราสองคนเป็นพี่น้องกัน"           และเราจะไม่มีวันทิ้งกัน...           นายยิ้มให้ผมอีกครั้ง แถมครั้งนี้อ่อนโยนมาก การปรับเปลี่ยนอารมณ์ปุบปับบางทีคงจะเป็นอีกด้านหนึ่งที่ผมเพิ่งเห็น นายดูจะเข้มแข็งขึ้นกว่าเดิม           "เอาล่ะ เลิกเครียดได้แล้ว มาถึงบ้านทั้งทีก็ควรจะ..."           "เงียบก่อน"           เหมือนได้ยินเสียงบางอย่างดังใกล้ๆ คล้ายกับสัญญาณเตือนอะไรสักอย่าง พอเห็นแบบนั้น นายชะงักคำพูดก่อนกลืนมันกลับลงที่เดิม เขาดึงมือถือขึ้นมากดบางอย่าง คิ้วขมวดเข้าด้วยกันจนแน่น จู่ๆ นายก็คว้ามือผมวิ่งออกจากบ้าน            "ขึ้นรถเร็ว!"           ไม่ต้องถามให้เสียเวลา ประตูรถถูกเปิดด้วยระบบและปิดตัวลงด้วยระบบเช่นเดียวกัน พอนั่งประจำที่ เข็มขัดนิรภัยถูกล็อกให้ติดกับเบาะ เมื่อทุกอย่างพร้อม ภาพลูก้าจึงปรากฏขึ้นหน้าจอ           [ผมคิดว่าจะไม่มีใครได้ยินเสียงสัญญาณของผมซะอีก]           เสียงเตือนแว่วๆ เมื่อกี้คงเป็นสัญญาณที่ลูก้าส่งมา แต่เพราะอยู่ไกลจึงไม่ค่อยได้ยิน แต่หูผมดันดีซะได้           "มีคนกำลังมาที่นี่"           นายจิ้มนิ้วบนแป้นพิมพ์ กล้องวงจรปิดตามมุมต่างๆ ถูกเจาะเข้าระบบ ส่งสัญญาณภาพมายังโน๊ตบุ๊คของนาย            [ตรวจพบศัตรูกำลังเคลื่อนเข้าใกล้]           ลูก้าร้องเตือน ภาพหน้าจอแสดงผลของระยะทางของฝ่ายคุกคาม ที่ลูก้าบอกว่า ’เคลื่อนเข้าใกล้’ งั้นก็แสดงว่าตามมาหาถึงที่สินะ การกลับไทยครั้งนี้ตื่นเต้นเป็นบ้าเลย            "ตรวจสอบอะไรได้บ้าง"           ผมถามขณะหยิบปืนที่เหน็บอยู่ด้านหลังมาเช็กกระสุน            "ดูพี่สนุกจังนะ"           นายพูดเหมือนรู้ทัน ที่จริงนานๆ ทีจะได้ยืดเส้นยืดสายบ้างก็โอเคนะ อยู่กับฮิโรชิมักจะเป็นฝ่ายถูกปกป้องเสมอ ทั้งที่ผมก็ไม่ได้อ่อนแอขนาดเอาตัวรอดไม่ได้ ทุกครั้งก็หาทางเองตลอด           [มนุษย์]           มนุษย์? เดี๋ยวนี้มนุษย์จัดอยู่ในประเภทวัตถุอันตรายแล้วเหรอ รู้ขนาดอ่านใจคนได้ด้วย สุดยอดเลย!           "ลูก้า ถามหน่อย รู้ได้ไงว่านั่นคือศัตรู"           [บาซูก้า ถือเป็นอาวุธ เอ็มสิบหก ถือเป็นอาวุธ สไนเปอร์ ถือเป็นอาวุธ มนุษย์ที่ถือวัตถุอันตราย ถือเป็นอาวุธ และ...]           หูผมไม่ได้ยินเสียงลูก้าแล้ว ได้ยินแต่เสียงหัวใจตัวเอง AI ตัวนี้เปล่าอ่านใจคนได้ แต่ตรวจสอบวัตถุอันตรายได้ต่างหาก           ที่เรียกว่า ’ศัตรู’ เพราะคนทั่วไปไม่พกคลังอาวุธเคลื่อนที่แบบนี้น่ะสิ!           "เผ่นดีกว่า"           นายเสนอแนวคิด อันนี้ผมเห็นด้วย ตอนแรกอยากลุยอยู่หรอก แต่ดันเสียเปรียบตรงมีพวกน้อย แถมปืนก็มีแค่กระบอกเดียว ลุยซึ่งๆ หน้า มีหวังได้บอกลาโลกไม่พอ คงต้องยื่นใบลาออกจากไอ้เด็กมาเฟียนั่นอีก           อ่าห๊ะ...เวลานี้ยังมีอารมณ์นึกถึงฮิโรชิอีกแหะ แปลกจัง           ตืด ตืด ตืด...           [ตรวจสอบระบบ เป็นเบอร์ต่างประเทศ]           จู่ๆ ลูก้าก็พูดขึ้นมา ผมรีบล้วงกระเป๋ากางเกงดูหน้าจอมือถือ ปรากฏเป็นเบอร์โทร.ทางไกล แถมเป็นฮิโรชิอีกต่างหาก           นึกถึงไม่ได้เลย ไอ้เด็กมาเฟียเอ้ย!           "ฮัลโหล ตอนนี้ยุ่งอยู่"           [ปลอดภัยมั้ย]           "ก็...นะ"           ทำไมถามเหมือนรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเลยแหะ รึเขาจะอยู่แถวนี้ ไม่หรอก เบอร์โทร.จากนอกชัดๆ           "ฝากบอกไอ้บ้านั่นด้วย อย่ายุ่งไม่เข้าเรื่อง"           เสียงนายแทรกเข้ามา บอกเลยว่างง นายพูดถึงใคร ฮิโรชิเหรอ ไม่น่าใช่ ถ้างั้นคงเป็น...           [เรื่องของคุณสองคนไว้เคลียร์กันเอง คุณครูครับ หมดเวลาเที่ยวเล่นแล้ว รีบกลับบ้านด้วยครับ]           ผมเพิ่งมาถึงไทยแค่ห้าชั่วโมงเองเถอะ แล้วก็เปล่าเที่ยวเล่น มาเยี่ยมพ่อกับแม่ต่างหาก และอีกอย่างที่สำคัญมากๆ ตอนนี้กำลังถูกฝ่ายไหนไม่รู้ตามล่าอยู่ คงจะมีเวลาหาทางขึ้นเครื่องได้หรอก ลำพังหนีให้รอดก็พอ           "ผมมีเรื่องต้องทำ ไว้จะติดต่อกลับ..."           [ภายในสามชั่วโมง ถ้าผมไม่เห็นคุณครูอยู่สนามบินญี่ปุ่น ผมจะข้ามน้ำข้ามทะเลไปหานะครับ]           ให้เวลาน้อยไปเว้ย!           ในโลกนี้ นอกจากนายแล้ว ผมยังต้องตรงต่อเวลากับไอ้เด็กมาเฟียชอบสั่งนี่อีกคนใช่มั้ย           "สถานการณ์ไม่สู้ดี ไว้จะคิดอีกทีว่ากลับตอนไหน"           [เหตุผลใช้ไม่ได้]           เหตุผลนายสิใช้ไม่ได้ สนามบินกับบ้านไกลกันเกือบข้ามจังหวัด เผื่อหนี เผื่อเสียท่า หรือเผื่อรถติดอะไรบ้างเซ่!           "ผมสะดวกกลับตอนไหนก็ตอนนั้น คุณไม่ต้อง..."           [ถ้าผมไม่เจอคุณครู รับรองได้เลย เรื่องนี้จบไม่สวย]           "..."           [ทำเวลาหน่อยนะครับ มันมีจำกัด]           ไอ้เด็กงี่เง่า! _____________________________________ พะนาย จากเรื่อง...(YAOI) Virus infection.ฝ่าวิกฤตร้ายนายใหญ่มาเฟีย ปล.เป็นคู่ของชูเซย์กับพะนาย กำลังเขียนอยู่นะจ๊ะ ;)
已经是最新一章了
加载中