ตอนที่ 10
“แล้วยังไงคะ?”
“เขาจะขอลูกแต่งงาน และพ่อ...ก็รับปากไปแล้ว”
“คุณพ่อ!” อิสลินอุทานพร้อมทั้งร้องไห้ เธอเพิ่งจะสูญเสียคนรักไปกลับต้องมาฟังข่าวร้ายซ้ำสอง ทำไมเธอจะจำเดเรก เพียซ ไม่ได้ เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ลูกชายเพื่อนนักธุรกิจของบิดาทว่าหนุ่มหน้าใสดูสะอาดสะอ้านคนนั้นไม่เคยอยู่ในใจเธอเลย
“ไม่ค่ะ!...หนูไม่แต่ง...ไม่”
“ถ้าลูกปฏิเสธ เบอร์กแทรนช์ กรุ๊ปต้องล้ม และพ่อ...”
อาร์โนลเข้าไปรั้งร่างแน่งน้อยที่กำลังจะถอยหนี เขาดึงเธอมากอดเอาไว้แน่นยิ่งกว่าครั้งแรก
“ก็คงจะอยู่กับลูกได้อีกไม่นาน โอ!...พระเจ้า พ่อเพิ่งไปโรงพยาบาลมาเมื่อวานนี้และหมอวินิจฉัยว่าพ่อเป็นมะเร็งกระดูกชนิดร้ายแรง ถ้าลูกไม่เชื่อพ่อจะให้นายแพทย์ที่รักษามายืนยันด้วยตัวเอง”
หญิงสาวถึงกับหมดแรงลงกะทันหัน แขนเรียวลู่ลงข้างลำตัวและนิ่งงันในอ้อมกอดที่พยายามเหนี่ยวรั้งเธอไว้ อาร์โนลถอนใจในความเงียบที่โอบล้อมด้วยปัญหาหนักอึ้ง
“อาจฟังดูเห็นแก่ตัว แต่พ่อก็ไม่มีทางเลือกมากนัก ตอนนี้ไม่เฉพาะต้องแบกรับภาระหนี้สินมหาศาลแต่ยังมีข่าวร้ายเรื่องอาการป่วยที่พ่อไม่เคยบอกให้ใครได้รู้เลย บริษัทกำลังจะล้มแต่เดเรกเต็มใจจะช่วย เขาต้องการแต่งงานกับลูกและพ่อก็คิดว่านี่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด...แอร์โรว์ไวรอนต์กำลังประสบความสำเร็จอย่างสูงในสหรัฐ เดเรกเต็มใจจะช่วยพยุงเราไว้และลูกคงเข้าใจและคงไม่เป็นไรใช่มั้ย ถ้าจะช่วยพ่อ...สักครั้ง”
อาร์โนลไม่ได้เห็นหยาดน้ำตาที่อาบลงบนใบหน้าของหญิงสาว และไม่มีวันได้ยินว่าจังหวะของหัวใจดวงนั้นเต้นด้วยความปวดร้าวเพียงไหน อิสลินเก็บเสียงสะอื้นไว้ข้างในก่อนยอมจำนนต่อโชคชะตาที่กำลังตกตะกอนใต้ชั้นความฝันขาดวิ่น
“ค่ะ...คุณพ่อ หนูจะแต่งงานกับเดเรก ตามความต้องการของคุณพ่อค่ะ”
*******************************
“ดังนั้นพวกเราจึงมอบร่างของเขาสู่พื้นดิน,จากดินสู่ดิน, จากเถ้าสู่เถ้า, จากธุลีสู่ธุลี, ในความแน่แท้และความหวังอันไว้วางใจได้ของการคืนชีพสู่ชีวิตอันชั่วนิรันดร์"
เสียงของบาทหลวงกล่าวบทสวดจากพระคัมภีร์ดังขึ้นขณะหีบไม้สีน้ำตาลแดงเคลือบเงาขนาดใหญ่ค่อย ๆ ถูกหย่อนลงไปในหลุมลึกประมาณหกฟุตภายในพื้นที่อันเงียบสงบท่ามกลางบุคคลในชุดดำในบริเวณสุสานเมืองนอร์ทแธมตันไชร์ ประเทศอังกฤษ ดวงตาคู่งามทว่าหม่นหมองมองลอดผ้าคลุมลูกไม้สีดำตลอดพิธีกรรมอันน่าเศร้าจวบจนพีธีการทุกอย่างเสร็จสิ้น
อิสลินยังคงยืนอยู่ต่อหน้าหลุมฝังศพที่กำลังได้รับการฝังกลบของบิดาหลังการต้อนรับและรับฟังคำแสดงความเสียใจจากเพื่อนฝูงนักธุรกิจที่มาร่วมไว้อาลัยซึ่งค่อย ๆ ทยอยกลับไปจนเกือบหมด หลังจากวันนั้นที่เธอต้องสูญเสียคนรักไปตลอดกาลและเข้าพิธีแต่งงานกับผู้ชายอีกคน หญิงสาวกลับต้องอยู่เฝ้าคอยเป็นกำลังใจให้อาร์โนลต่อสู้กับมะเร็งร้ายเป็นระยะเวลานานถึงห้าปี นักธุรกิจวัยกลางคนชื่อดังเจ้าของเบอร์กแทรนช์ ไฟแนลเชียล จากไปด้วยอาการสงบท่ามกลางความเศร้าเสียใจของหมู่ญาติและมิตรสหายซึ่งหนึ่งในนั้นแน่นอนว่าต้องเป็นบุตรสาวคนเดียวที่ต้องเฝ้าดูเขาทุกข์ทรมานกระทั่งมัจจุราชร้ายคร่าชีวิตบิดาไป
“อีฟ”
ใครคนหนึ่งเดินมาจากเบื้องหลังและแตะไหล่เจ้าของร่างบอบบางในชุดกระโปรงลูกไม้สีดำเบา ๆ
“คุณควรจะพักผ่อนบ้างนะ ถึงอย่างไรคุณพ่อก็ไปดีแล้ว”
อิสลินหันมาทางเดเรก หนุ่มอเมริกันรูปร่างสูงโปร่งนัยน์ตาสีเขียวมรกตและใบหน้าสะอาดสะอ้านภายใต้เรือนผมสีบลอนด์เงินซึ่งบัดนี้เป็นสามีตามกฎหมายของเธอ เขาอยู่ในชุดสูทสีนิลขณะกำลังมองมาด้วยสายตาห่วงใย
“ขอบคุณมากค่ะเดเรก หวังว่าคุณพ่อคงอยู่อย่างเป็นสุขในอ้อมกอดของพระเจ้า ฉันก็อยากกลับไปพักผ่อน แต่ก็อยากอยู่เป็นเพื่อนคุณพ่ออีกสักพัก”