ตอนที่ 8
“ถ้าคุณคิดจะหนีตอนนี้ผมก็จะไม่ตามคุณไป ไม่อยากตกเหวตายหรือให้ไอ้แมวลายตัวใหญ่คาบไปกินก็เท่านั้น!”
แสงจันทร์อันนุ่มนวลลอดผ่านเข้ามาทางกระจกตกกระทบลงบนใบหน้าคมคายหากวาจานั้นช่างแรงร้ายคอยแต่จะข่มขู่ให้ปรายฟ้านึกกลัว คราวนี้หญิงสาวไม่ตอบโต้อันใดเพราะประจักษ์ด้วยตัวเองแล้วว่าการหนีครั้งแรกที่ล้มเหลวไม่เป็นท่าสอนให้เธอรู้ว่าการมีชีวิตอยู่ท่ามกลางป่าใหญ่ในตอนกลางคืนช่างไม่น่าพิสมัยเอาเสียเลย
เขมราชโน้มร่างใหญ่เข้ามาหาเธออีกครั้ง ปรายฟ้าลืมตัวหยุดหายใจเมื่อใบหน้าคมคายของเขายิ่งเข้ามาชิดแก้มนวลซึ่งอาบด้วยเหงื่อกาฬจากความตื่นเต้นตกใจเมื่อครู่ มือหนาค่อยคลายโซ่ที่มัดร่างนั้นไว้ในขณะที่ชายหนุ่มก็สึกว่ามีบางอย่างสั่นไหวความรู้สึกยามอยู่ชิดใกล้เชลยสาวแสนสวย เขาพยายามข่มใจให้ทุกอย่างเป็นปกติทั้งที่อยากฝังจมูกโด่งลงบนพวงแก้มสุกปลั่งกระทั่งร่างบางที่อยู่ในอ้อมแขนนั้นเป็นอิสระจากตรวนที่ถูกคลายออก
แม้แต่ปรายฟ้าเองก็ใจเต้นตึกตักยามชายแปลกหน้าเข้ามาใกล้ชิดและนี่เป็นครั้งที่สองที่เธอกับเขาอยู่ห่างกันอีกเพียงคืบหลังฝากจูบแรกในชีวิตแม้ไม่รุนแรงหากก็ทำให้เธอวาบหวามแทบขาดใจ ปรายฟ้าพยามไม่สบตาเข้มคู่นั้นรู้สึกเจ็บใจลึก ๆ ใยต้องรู้สึกแปลกประหลาดเช่นนี้ด้วย เพียงครู่เดียวร่างสูงใหญ่จึงผละออกไปและหญิงสาวได้หายใจหายคอยังไม่ทันเท่าใดประตูด้านที่เธอนั่งก็ถูกดึงออกพร้อมคำบัญชาดังลั่น
“ลงมานี่ ปรายฟ้า!...ถึงที่อยู่ใหม่ของคุณแล้ว”
เขาไม่เคยพูดดีแม้เพียงสักหน ครั้งนี้ก็เช่นกัน ตวาดเธอลั่นซ้ำยังดึงร่างนั้นลงจากเบาะรถอย่างไม่ปราณีปราศรัย
“นี่คุณ!...ฉันเจ็บนะ เจ็บมากด้วย ให้ฉันนั่งพักอีกหน่อยไม่ได้รึไง”
ปรายฟ้าร้องบอกขณะยืนเอาหลังพิงข้างตัวรถอย่างเหน็ดเหนื่อย การเดินทางอันแสนทุลักทุเลทำเอากระดูกกระเดี้ยวของเธอแทบป่นไปตามแรงไหวโยกอันรุนแรงนั้น เขมราชก้าวเข้ามาและรั้งร่างบางเข้าหาอกของเขา เสียงหายใจที่ราดรดบนใบหน้าของเธอไหวความรู้สึกลึก ๆ ของปรายฟ้าได้อย่างน่าประหลาดนัก
“คุณรนหาที่เองนะปรายฟ้า คนโง่เท่านั้นที่จะวิ่งอยู่ในป่าโดยไม่มีความชำนาญพื้นที่ตอนกลางคืน คุณคิดว่าที่นี่เป็นสนามเด็กเล่นรึไง จะบอกอะไรให้ว่าความตายมันอ้าแขนรอคุณอยู่ทุกวินาทีถ้าไม่ระวังตัว อย่าอวดดีอวดเก่งไปนักเลย คนอย่างคุณน่ะสังเวยชีวิตมานักต่อนักแล้วเพราะความเอาแต่ใจไม่เข้าท่านี่แหละ!”
“ฉันมีสิทธิ์ที่จะคิดหนีไม่ใช่หรือ...คุณต่างหากที่ทำไม่ถูก คุณบีบคั้นบังคับฉันแบบนี้ เป็นใครก็ต้องทำอย่างฉัน คุณน่าจะคิดตริตรองใหม่ คุณเขมราช...คุณลักพาตัวฉันมากฎหมายบ้านเมืองต้องลงโทษคุณ แต่ถ้าคุณกลับใจพาฉันไปส่งที่บ้านฉันสัญญาว่าจะไม่เอาความ”
เขมราชแสยะยิ้มอำมหิตอยู่ใต้แสงจันทร์นวล ดวงตาคู่นั้นวับวาวราวอยากจะเยาะเย้ยในคำร้องขอของหญิงสาว แขนแข็งแรงรัดร่างบางจนเธอหายใจลำบาก อยากจะผลักเขาออกห่างทว่ายากเหลือเกิน
“คุณเชื่อใจพวกหัวขโมยอย่างผมด้วยหรือปรายฟ้า พวกคนใกล้ตายมันก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น ยอมแลกศรัทธากับความปลิ้นปล้อน ยอมแม้แต่เอาวิญญาณของตัวเองแลกกับความสิ้นหวังจากคำขอร้องที่ไม่มีวันเป็นจริง...เชื่อคุณผมก็โง่ สู้เก็บคุณเอาไว้ดีกว่า เพราะค่าตัวของคุณมันก็คือความทุกข์ทรมานของไอ้ผู้ชายเลวระยำคนนั้น!”
“ปล่อยนะ!...ปล่อยฉัน!...ปล่อย!...”
ชายหนุ่มตวัดแขนเกี่ยวร่างระหงที่ขืนตัวแม้อ่อนแรงเดินตรงไปยังบ้านไม้หลังใหญ่ซึ่งพาดเงาดำทะมึนใต้แสงจันทรา ความหวาดกลัวถึงขีดสุดแล่นปรี่เข้าจับหัวใจของหญิงสาว เขมราชอาจทรมานเธอด้วยวิธีการที่มิอาจหยั่งรู้ในบ้านอันห่างไกลเกินใครจะเข้ามาช่วยแห่งนี้
ชายหนุ่มพาเธอเหยียบขั้นบันใดขึ้นไปยังตัวบ้าน และเมื่อบานประตูถูกผลักออกเขาจึงสลัดร่างนั้นซวนเซลงไปนอนกองอยู่กับพื้นราวสิ่งของที่เขาไม่คิดจะใยดี ร่างของปรายฟ้าสั่นสะท้านไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย
ที่นี่ไม่มีแสงนีออนนอกจากตะเกียงเก่าห่อหุ้มเปลวน้อยสาดความสว่างรางเลือนออกมาภายนอก หญิงสาวลุกขึ้นนั่งกอดเข่าขณะที่บุรุษร่างสูงใหญ่ย่อกายลงด้านหน้าเพื่อออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงดุดันไม่แปรเปลี่ยน