ตอนที่ 9
“ตอนนี้ตีสามแล้ว...ผมให้เวลาคุณนอนได้จนถึงเวลาแสงแรกของวันใหม่ ถ้าไม่ตื่นผมจะเป็นคนปลุกคุณด้วยตัวเอง!”
คนออกคำสั่งกล่าวจบก็เดินลงส้นออกไปและปิดบานประตูลงโครมใหญ่ปล่อยให้ร่างบอบบางนั่งกอดเข่าในความเงียบงันทั้งหยาดน้ำตา ปรายฟ้าเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้นกับชะตากรรมของตัวเองที่ไม่เคยนึกฝัน
เรือนผมอ่อนนุ่มที่ถูกมุ่นมวยกระจุยกระจายออกมาหมดแม้คราบเม็ดสีที่แต่งแต้มบนใบหน้าก็ละลายไปกับหยดน้ำซึ่งคอยไหลหลั่งออกมาจากดวงตาไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ชุดวิวาห์ราคาแพงลิบกลายกลับเป็นเศษผ้าน่าสมเพช บนเนื้อตัวนั้นเกรอะกรังไปด้วยเศษดินเศษหญ้าทั้งสายโซ่ก็ทิ้งรอยจ้ำแดงเต็มไปหมดไม่นับรวมแผลซึ่งต้องล้มลุกคลุกคลานจากการหนีที่ไร้ผล
หญิงสาวมองไปรอบตัวสัมผัสเพียงละอองไอของความมืดล่องลอยในสายลม เสียงหรีดหริ่งเรไรร้องระงมเหมือนอยู่ใกล้คล้ายปลอบประโลมขวัญของผู้หวาดหวั่นที่ลอยหายให้กลับคืน ปรายฟ้าเริ่มอ่อนแรงลงทีละน้อยนับจากเวลาของเมื่อวานเธอยังไม่ได้ผ่อนเบาตัวเองลงด้วยการงีบหลับแม้เพียงสักห้านาที เธอเริ่มต้นวันที่คิดว่าฤกษ์ดีด้วยการเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวอย่างสมบูรณ์แบบแต่แล้วทุกอย่างกลับพังพินาศอย่างน่าเศร้าใจเพราะคนโหดร้ายอย่างเขมราช
ความล้าระบมที่รุกเร้าความรู้สึกของเธอก่อนหน้าค่อย ๆ ลดน้อยถอยลงไปเรื่อย ๆ ด้วยพ่ายแพ้แก่กำลังกดจากระบบประสาทที่ต้องการการพักผ่อนเต็มทีแล้วหลังจากต้องอดทนต่อการเก็บกลั้นอันรุนแรง ในที่สุดปรายฟ้าก็ผล็อยหลับไปทั้งน้ำตากับการภาคทัณฑ์ซึ่งยังพร่าเลือนอยู่ในสติอันน้อยนิดนั้นว่า เธอต้องตื่นรับแสงแรกของทิวาใหม่ให้ทันเวลา
“ว้าย!...”
ร่างบางซึ่งนอนแนบนิ่งอยู่บนพื้นไม้พลันต้องสะดุ้งตื่นเมื่อรู้สึกถึงแรงน้ำกระแทกลงมาบนตัวโครมใหญ่ชนิดที่ไม่ทันได้ตั้งรับอะไรเลย
“คุณเขมราช!”
ปรายฟ้านั่งอ้าปากค้างอยู่กับพื้นพลางก้มดูเนื้อตัวและเสื้อผ้าที่เปียกซ่กไม่เว้นแม้แต่ใบหน้าและเสนผมของเธอ เบื้องหน้าคือร่างสูงใหญ่ของคนที่ทำเธอเปียกปอนจากหลักฐานในมือคือถังน้ำที่เขาโยนมันลงกับพื้น แล้วความมืดก็เหือดหายไปจนหมดในเช้าที่แสงแดดส่องเข้ามาทางหน้าต่างทำให้เธอมองเห็นเขาชัดเจนในตอนนี้เอง
เขมราช อัครินทร
หนุ่มรูปงามเรือนร่างกำยำภายใต้เสื้อยืดอวดมัดกล้ามและกางเกงยีนส์สีเข้มหากแต่หยาบเถื่อนและกักขฬะจนเธออยากจะกลั้นใจตายต่อหน้าเขาให้รู้แล้วรู้รอด
“คุณปลุกฉันดี ๆ ไม่เป็นรึไง! ฉันเปียกหมดแล้วคุณเห็นมั้ย!”
“ผมเรียกคุณจนคอแหบแห้งตั้งนานสองนาน คุณไม่ยอมตื่น ปลุกดี ๆ ไม่ได้ก็ต้องใช้วิธีนี้ล่ะ!”
เขมราชตวาดออกมาดังลั่นในขณะที่ปรายฟ้ายั้งความเจ็บใจเอาไว้ไม่อยู่ หญิงสาวทำท่าจะลุกขึ้นหากก็ต้องทรุดลงไปนั่งอีกเพราะเจ็บร้าวไปหมดบนเรียวขา
“โอย!...ทำไมเจ็บแบบนี้”
ปรายฟ้าร้องครางออกมาก่อนจะใช้มือกดลงไปบนผ้ากรังเลือดที่พันอยู่บนขาข้างหนึ่งซึ่งบาดเจ็บ ชั่วแล่นในความโกรธของชายหนุ่มมีบางอย่างแทรกตัวขึ้นมาคานความนึกคิดอันหยาบร้าย เขมราชทรุดตัวลงนั่งใกล้ ๆ และดึงผ้าที่เขาเป็นคนพันไว้เองตั้งแต่เมื่อคืนออกจากเรียวขานั้น และภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือรอยแผลยาวบนขาเนียนขาวโผล่พ้นชายกระโปรงที่เลิกขึ้นสูง
“โอ๊ย!...ฉันเจ็บนะคุณ ขาของฉันคงจะหักแน่แล้ว”
ร่างบางครางครวญโดยไม่ทันรู้สึกตัวว่ามือเรียวนั้นเกาะแขนใหญ่ของเขาไว้แน่น เธออาจยังไม่รู้สึกแต่ชายหนุ่มเริ่มรุมร้อนขึ้นมาจากสัมผัสอันนุ่มนวลคล้ายประจุไฟฟ้าปลดปล่อยริ้วคลื่นพลังงานแล่นไหลเข้าไปฉุดรั้งสำนึกแห่งความเกลียดชังจนอ่อนยวบ
ขณะที่ปรายฟ้าก้มหน้ามองบาดแผลเขาก็เพิ่งเห็นความงดงามตรงหน้าชัดเจนกว่าที่เคยเห็นท่ามกลางความมัวหมองในยามค่ำคืน ความสวยหวานของปรายฟ้าดึงดูดนัยน์ตาเข้มที่เผลอจ้องมองจนแทบลืมความตั้งใจทุกอย่างไปในฉับพลันทันใด หากแต่เขมราชกลับต้านทานมันไว้ได้ก่อนจะชักสีหน้าบูดบึ้งดุดันใส่เธออีกคำรบ
“ผู้หญิงจอมมารยา!...แผลนิดเดียวร้องไห้ซะลั่นบ้าน ช่างไม่มีความอดทนเอาซะเลยคุณหนูบ้านนิรกิจจากร พ่อของคุณไม่เคยสอนให้คุณรู้จักอดกลั้นอะไรบ้างหรือกับความเจ็บปวดเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้”
“เขาสอนฉัน...เขาสอนให้ฉันรู้จักอดทนอดกลั้น แต่ไม่เคยสอนฉันให้ทำร้ายคนอื่นโดยเฉพาะคนไม่มีทางสู้ที่อ่อนแอ”