ตอนที่ 26 : กลิ่นอายของทุ่งดอกทานตะวัน
1/
ตอนที่ 26 : กลิ่นอายของทุ่งดอกทานตะวัน
The Possible Man
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 26 : กลิ่นอายของทุ่งดอกทานตะวัน
วันไหนที่หินมีเรียนก็ต้องไปเรียนและทำกิจกรรมกับเพื่อนในสาขา หลังเลิกเรียน หินใช้เวลาอยู่ในห้องแล็บและไร่ฟาร์มแสนสุข ตอนแรกหินคิดว่าจะให้ไร่ฟาร์มที่ตนเองได้ซื้อมาใช้ชื่อเดิม แต่ตนกลัวมันจะมีปัญหาตามมาทีหลัง สุดท้ายจึงได้เปลี่ยนชื่อจากไร่ฟาร์มบุญมีเป็นไร่ฟาร์มแสนสุข นอกจากหินจะเปลี่ยนระบบการจัดการภายในฟาร์มใหม่และสวัสดิการความเป็นอยู่ของคนงานภายในไร่ใหม่หมด หินยังได้นำพืชบางชนิดภายในไร่กลับมาปรับแต่งพันธุกรรมภายในแล็บอีกด้วย ซึ่งการปรับแต่งพันธุกรรมในครั้งนี้ไม่ได้ทำเพื่อ เปลี่ยนโครงสร้างของพืชแต่อย่างใด แต่เป็นการปรับแต่งเพื่อลบข้อด้อยและเสริมข้อเด่นของพืชชนิดนั้นๆ ยกตัวอย่างเช่น องุ่น องุ่นเป็นผลไม้ที่ค่อนข้างได้รับความนิยมและมีราคาสูงแม้จะปลูกง่ายและปลูกได้ในหลายสภาพภูมิอากาศ แต่องุ่นกลับเป็นพืชที่ไม่ทนต่อแมลงและโรคพืชเท่าไหร่นัก ที่สำคัญองุ่นเป็นพืชที่ต้องได้รับการดูแลและใส่ใจเป็นอย่างดี ทำให้เกษตกรผู้ที่ดูแลจำเป็นต้องสละเวลาทั้งหมดให้แก่การดูแลเพาะปลูกพืชชนิดนี้ จึงทำให้การปลูกองุ่นไม่ค่อยนิยมเท่าไหร่นัก นี่จึงเป็นเหตุให้แม้องุ่นจะเป็นพืชที่ได้รับความนิยมและมีราคาสูง แต่กลับไม่ค่อยมีคนสนใจที่จะปลูกเท่าไหร่นัก หลังจากเห็นข้อเสียอย่างชัดเจนของการปลูกองุ่น หินจึงได้นำตัวอย่างพันธุ์องุ่นกลับมาที่แล็บ เพื่อปรับแต่งพันธุกรรมของมัน เช่น การเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันเพื่อให้ องุ่นสามารถทนต่อสภาพภูมิอากาศ ทนต่อแมลงและโรคพืช ทำให้เกษตกรที่ดูแลพืชองุ่นไม่จำเป็นต้องทุ่มเทเวลาทั้งหมดในการดูแลพืชชนิดนี้อีกต่อไป นอกจากนั้นหินยังปรับแต่งเพื่อเสริมข้อเด่นให้แก่องุ่นภายในไร่อีกด้วย เช่น ปรับแต่งให้องุ่นออกดอกออกผลได้เร็วขึ้น ผลผลิตมากขึ้น ขนาดใหญ่ขึ้นและรสชาติดีขึ้นมากกว่าเดิม กล่าวคือองุ่นภายในไร่ฟาร์มแสนสุข ไม่สามารถหาทานได้ที่ไหนอีก นอกจากภายในไร่ฟาร์มแสนสุขเท่านั้น และไม่ใช่แค่องุ่นเท่านั้น สตอเบอรี่ สับปะรด ผลไม้อื่นๆ หรือแม้กระทั่ง ไม้ดอก ดอกทานตะวัน ก็ถูกหินปรับแต่งจนหมดทั้งไร่ นี่ไม่ใช่การปรับแต่งเพื่อปรับโครงสร้างพันธุกรรมไปอย่างสิ้นเชิงเหมือนพืชในโลกเก่าของหิน แต่แค่ปรับแต่งเพียงเล็กน้อยเพื่อให้พืชสามารถเจริญเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพที่มากขึ้นเท่านั้น ใช่ว่าการปรับแต่งพันธุกรรมของพืชชนิดนี้ไม่เคยมีมาก่อน จากที่หินได้ศึกษาข้อมูลมาพบว่าในโลกใบนี้การปรับแต่งพันธุกรรมของพืชก็ได้มีมาก่อนแล้ว เช่น การปรับแต่งให้ผลไม้บางชนิดไม่มีเมล็ด เป็นต้น นอกจากการปรับแต่งพันธุ์พืชแล้วหินยังยกเลิกการใช้สารเคมีทุกอย่างภายในไร่อีกด้วย การใช้ปุ๋ยเคมี หรือการใช้ยาเร่งการเจริญเติบโตต่างๆ เนื่องจากหินต้องการให้ทุกอย่างภายในไร่ปลอดสารเคมีอย่างแท้จริง กุบ กับ กุบ กับ เสียงม้ากำลังเดินไปตามทางเดินภายในไร่ ไม่กี่วันก่อนหลังจากที่หินรู้ว่า ภายในไร่มีม้าที่ถูกเลี้ยงเอาไว้ โดยเจ้าของคนเก่า หินจึงได้ลองฝึกขี่ม้า ในโลกเก่าของเขาม้าคือสัตว์ที่ได้สูญพันธุ์ไปนานแล้ว พอได้มาเห็นตัวเป็นๆ แบบนี้ทำให้หินอดตื่นเต้นไม่ได้ อาจจะเป็นเพราะด้วยความสามารถหรือความพยายามอย่างหนักในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ หินจึงสามารถขี่ม้าด้วยความชำนาญประหนึ่งคนที่ฝึกขี่มานาน หินและม้าตัวนี้กลับเข้ากันได้เป็นอย่างดี ม้าตัวนี้ชื่อว่า เจ้าขาว ซึ่งเป็นชื่อที่เจ้าของไร่คนเก่าตั้งเอาไว้ จริงๆ แล้วตัวของเจ้าขาวนั้นสีดำเข้ม เพียงแต่ว่าบนหน้าฝากของมันนั้นมีปานสีขาวเล็กๆ ที่ดูโดดเด่นอยู่ เจ้าของคนเก่าจึงได้ตั้งชื่อมันว่าเจ้าขาว ซึ่งครั้งแรกที่หินได้ยินความเป็นมาของชื่อก็อดยิ้มเบาๆ ไม่ได้ หินค่อนข้างถูกใจเซนต์ในการตั้งชื่อของเจ้าของไร่ฟาร์มคนเก่ามาก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาขี่เจ้าขาวออกไปเดินเล่นรอบไร่ฟาร์ม การฝึกขี่ม้าของหินคือการขี่ม้าแล้วเดินไปรอบๆ ฟาร์ม ไม่กี่วันที่ผ่านมาหินขี่เจ้าขาวเดินจนเกือบจะทั่วไร่แล้ว “สวัสดีครับ พ่อเลี้ยงไตรภพ พ่อเลี้ยงจะไปไหนเหรอครับ” คนงานที่ค่อนข้างมีอายุภายในไร่เอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นหินควบม้าเดินผ่านมาทางนี้ “สวัสดีครับลุงสิน พอดีผมจะพาเจ้าขาวมาเดินเล่นแถวนี้” หินเอ่ยตอบออกไป วันนี้หินอยู่ในชุด เสื้อเชิ้ตแขนยาวลายสก็อต กางเกงยีนสีเข้มพร้อมกับรองเท้าบูตหนังสีเข้มยาวถึงเข่า หมวกคาวบอยที่หินสวมอยู่บนหัวขับให้หินดูมีเสน่ห์ขึ้นเป็นอย่างมาก เหมือนคาวบอยหนุ่มเจ้าสำราญ นี่เป็นผลของการเลือกชุดของเดวิด ถ้าหากให้หินเลือกชุดที่แต่งเองผลที่ได้ของต้องแย่กว่านี้อย่างไม่ต้องสงสัย แม้หินจะเป็นอัจฉริยะในเรื่องของความรู้ วิทยาการต่างๆ แต่ในเรื่องของแฟชั่นหินค่อนข้างจะติดลบ หินรู้ตัวเองดีในเรื่องนี้จึงได้ยกให้เป็นหน้าที่ของ AI ประดิษฐ์ขึ้นสูงอย่างเดวิด ลุงสินมองหินด้วยความเคารพเทิดทูน ตั้งแต่วันแรกที่หินเข้ามาบริหารไร่ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด การจัดการภายในไร่ดูเป็นระบบและเรียบร้อยขึ้น มากไปกว่านั้นความเป็นอยู่ของคนงานภายในไร่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แรกเริ่มเดิมที ลุงสินและคนงานอื่นๆ ก็ยังข้องใจสงสัยในความสามารถของหิน และไม่ค่อยเชื่อคำพูดที่หินพูดตอนเรียกไปรวบตัวในวันแรกแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าหินพูดจริงและหินสามารถทำได้อย่างที่ตนเองพูด “พ่อเลี้ยงลองไปที่ไร่ทานตะวันดูสิครับ ช่วงนี้ดอกทานตะวันกำลังผลิบานเต็มที่พอดี” ลุงสินเอ่ยเสนอความคิดออกไป “พอดีเลยครับ ผมยังไม่เคยไปไร่ทานตะวันเลย งั้นเดี๋ยวผมไปเลยแล้วกัน ขอบคุณมากครับลุงสิน” “ขอให้โชคดีครับพ่อเลี้ยง” ลุงสินขึ้นหลังจากที่หินควบม้าออกไป “คนงานตั้ง 200 กว่าคน แต่พ่อเลี้ยงกลับจำชื่อเราได้ เป็นคนที่ใส่ใจคนอื่นจริงๆ ” ลุงสินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงชื่นชมเบาๆ จริงๆ แล้วหินไม่ได้มีความสามารถที่จะจดจำใบหน้าและชื่อคนงานภายในไร่ 200 กว่าคนได้ในไม่กี่วัน แต่เป็นเพราะเดวิดต่างหาก เดวิดสามารถนำใบหน้าไปเทียบกับฐานข้อมูลที่มีอยู่ได้ ต่อให้ไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน ถ้าหินต้องการชื่อเดวิดก็สามารถหามาให้ได้ ต่อให้เป็นสุดยอดสายลับที่ข้อมูลเป็นความลับที่สุดก็ตาม . . . ไม่นานนักหินก็ควบม้ามาจนถึงทุ่งทานตะวัน แม้ไม่ได้มีขนาดใหญ่มากมายนักแต่ก็กินพื้นที่ไปหลายสิบไร่เลยทีเดียว ทุ่งทานตะวันถือเป็นสถานที่ที่ต้องมาแห่งหนึ่งภายในไร่ฟาร์มแห่งนี้ เนื่องจากค่อนข้างสงบและบรรยากาศดี ที่สำคัญมันเป็นหนึ่งในสถานที่ที่สวยงามมากแห่งหนึ่งที่หินได้เห็นตั้งแต่มายังโลกนี้ ขณะที่หินกำลังดื่มด่ำไปกับบรรยากาศภายในทุ่งนั้น หินก็ได้เหลือบไปเห็นเด็กสาวคนหนึ่ง ที่กำลังเก็บดอกทานตะวันลงไปในกระเช้าของเธอ หินจึงควบม้าเข้าไปหา “สวัสดีสาวน้อย” หินเอ่ยทักขึ้น ขณะที่เด็กสาวกำลังเอื้อมตัวไปเด็ดดอกทานตะวันดอกหนึ่ง “ว้าย!!” สาวน้อยตรงหน้าลื่นล้มลงไปด้วยความตกใจ หินเห็นอย่างนั้นจึงรีบลงจากม้าเพื่อไปช่วยเด็กสาว “เป็นอะไรมากรึเปล่า มาเดี๋ยวผมช่วย” หินเอ่ยขึ้นพลางยื่นมาออกไปหวังให้สาวน้อยคนนี้ดึงมือตัวเองขึ้นมา หญิงสาว “ตกใจหมดเลย มาไม่ให้สุ้มให้เสียง...” ขณะที่กำลังบ่นออกไป หญิงสาวจึงได้เหลือบไปเห็นว่า คนที่เข้ามาทักตนคือพ่อเลี้ยงคนใหม่จึงได้ลดเสียงตัวเองลง ‘บ้าจริงนี่เรากำลังว่าเจ้าของไร่อยู่เหรอ’ เด็กสาวคิดในใจ ‘ไม่ใช่ว่าฉันไม่ให้สุ้มให้เสียง แต่เป็นเพราะเธอกำลังสนใจดอกทานตะวันจนไม่ได้สังเกตรอบข้างต่างหาก’ หินตอบกลับในใจตัวเอง “เอ่อ.. สวัสดีค่ะพ่อเลี้ยง” เด็กสาวตรงหน้าเอ่ยขึ้นด้วยความเอียงอาย เมื่อเห็นว่าตัวเองพึ่งเสียมารยาทไป “ยื่นมือมาสิ เดี๋ยวผมช่วย” หินเอ่ยขึ้นอีกครั้ง หญิงสาวตรงหน้ามองหินที่กำลังยื่นมือมาเพื่อช่วยตัวเอง สุดท้ายจึงคว้ามือหินเอาไว้ก่อนหินจะดึงมือช่วยเด็กสาวขึ้นมา ซึ่งขณะที่จับมือหินนั้นใบหน้าของเด็กสาวแดงขึ้นเล็กน้อยด้วยความเอียงอาย หลังจากนั้น หินจึงได้ช่วยเด็กสาวเก็บดอกทานตะวันที่ร่วงหกจากกระเช้า “เป็นอะไรมากรึเปล่า” หินถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง เพราะว่ามันก็เป็นความผิดของเขาส่วนหนึ่งที่ทำให้เด็กสาวตรงหน้าต้องตกใจ “ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้สบายมาก” หินพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งหลังจากว่าเด็กสาวตรงหน้าไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ จึงได้เอ่ยถามขึ้น “เมื่อกี๊เราทำอะไรอยู่เหรอ” “อ๋อ หนูกำลังเก็บดอกทานตะวันค่ะ” “เก็บไปทำไมเหรอ” หินถามขึ้นด้วยความสนใจ “แม่ของหนูชอบดอกทานตะวันมาก แต่ว่าท่านอายุมากแล้ว ไม่สะดวกนักที่จะมาดูดอกทานตะวันที่นี่ หนูเลยมาเก็บเพื่อเอาไปใส่แจกันที่บ้านไว้ให้ท่านค่ะ” หญิงสาวเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้ม ‘เป็นเด็กที่ดีคนหนึ่งเลยนะครับดอกเตอร์’ เดวิดเอ่ยขึ้นด้วยความชื่นชม “งั้นตามสบายเลย แต่ก็ระวังตัวไว้ด้วย ขนาดเมื่อกี๊ผมเข้ามาใกล้ๆ เรายังไม่รู้สึกตัวเลย ถ้าหากว่ามีสัตว์ร้ายแถวนี้มันจะแย่เอานะ” หินเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง “ค่ะ พ่อเลี้ยง” หญิงสาวตอบรับเบาๆ แม้ว่าเธอรู้ว่าหินกำลังเอ่ยเตือนตัวเอง แต่ภายในใจของเธอกลับรู้สึกอบอุ่นอย่างแปลกประหลาด “งั้นผมไปก่อนแล้วกัน อย่าอยู่นานนักหล่ะ เดี๋ยวก็มืดแล้ว” หินเอ่ยขึ้นก่อนที่จะกลับขึ้นไปขี่มาแล้วควบจากไป เด็กสาวยืนเหม่อลอยอยู่ครู่หนึ่ง ถึงแม้หินไม่ใช่ผู้ชายที่หล่อมากมาย แต่กลับเป็นคนที่ดูใจดีและมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด หญิงสาวกำลังยืนสับสนอยู่กับความรู้สึกตนเอง เธอไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร แต่ระหว่างที่กำลังคุยกับพ่อเลี้ยง หัวใจเธอกลับเต้นแรงขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ เด็กสาวคนนี้ก็คือ ดาวนั่นเอง เธอค่อนข้างประหลาดใจนักกับคำเรียกกล่าวของหินเมื่อครู่ ‘เมื่อกี๊พ่อเลี้ยงเรียกเราว่า สาวน้อย งั้นเหรอ’ ดาวคิดขึ้นกับตัวเอง เธอค่อนข้างมั่นใจว่าอายุของเธอกับพ่อเลี้ยงคนใหม่นี้ ไม่ได้ต่างกันขนาดนี้ เพราะดูๆ ไปแล้ว พ่อเลี้ยงเหมือนจะยังเป็นนักศึกษาอยู่ด้วยซ้ำ ดาวคิดกับตัวเองครู่หนึ่งก่อนจะสะบัดหัวไล่ความคิดแปลกๆ นี้ทิ้งไป ก่อนที่จะตะโกนขึ้นตามหลังหินที่กำลังขี่ม้าออกไปไม่ไกลนัก “ขอบคุณค่ะพ่อเลี้ยง” หินได้ยินเสียงที่เด็กสาวตะโกนจึงโบกมือข้างหนึ่งขึ้นโดยไม่ได้หันหน้ากลับมา ‘บ้าจริง เป็นสาวเป็นแซ่กลับไปตะโกนแบบนั้น น่าอายจริงๆ ’ ดาวนึกขึ้นหลังจากคิดได้ว่าตัวเองพึ่งทำอะไรออกไป จากนั้นดาวจึงรีบเก็บดอกทานตะวันที่เหลือเพื่อจะได้กลับบ้าน เพราะระยะห่างจากบ้านมานี่ก็ค่อนข้างไกลพอสมควร
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 26 : กลิ่นอายของทุ่งดอกทานตะวัน
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A