ตอนที่ 5
“Rrr Rrr” ’แพรวา’
ชื่อของคนที่ปรากฏบนหน้าจอมือถือของตัวเอง ทำให้ผมกรอกตาผม ถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจรับสาย..
“[เฮียซันขาาา ไปกินข้าวด้วยกันมั้ยคะ]”
“ตอนนี้เฮียยุ่งอยู่”
“[งั้นหลังเฮียเสร็จธุระก็ได้ค่ะ]”
“เฮียว่างหลัง 3 ทุ่มนะ”
“[3 ทุ่มก็ได้ค่ะ ร้านเดิมนะคะ]”
\"อืม\"
กรึก!
“เห้ออ..”
แพรวากับผม เราโตมาด้วยกันตั้งแต่ยังเด็ก เพราะพ่อของเธอหรือลุงกฤษณ์เป็นคนสนิทของพ่อผม ทำให้ช่วงเด็กเรามีเจอกันบ้างประปรายแต่ก็ไม่ได้บ่อยนัก เราทั้งคู่ไม่ได้สนิทกันและผมก็มองเธอเป็นแค่น้องสาวเท่านั้น แต่ช่วงหลังๆ ผมรู้สึกเธอเริ่มเข้ามาในชีวิตผมมากขึ้น และแน่นอน เธอไม่ได้ปฏิบัติตัวกับผมแบบพี่ชาย นั่นเลยทำให้ผมยิ่งพยายามถอยห่างเธอ
ส่วนครั้งนี้ที่ผมตอบรับนัด เป็นเพราะผมเลี่ยงมาหลายครั้งแล้ว และด้วยนิสัยของแพรวา ถ้าผมปฏิเสธอีกวันนี้ เธอต้องบุกมาหาผมแน่ๆ และผมก็ไม่อยากให้มันเกิด มันเป็นแบบนี้ประจำ จนผมคิดว่าครั้งหน้ามันคงไม่มีอีกแล้วล่ะ..และไปคุยครั้งนี้ ผมก็จะไปคุยกับเธอให้รู้เรื่อง.. ถ้าเธอเริ่มล้ำเส้นผมอีกครั้ง แม้แต่ความเป็นน้องผมก็คงให้เธอไม่ได้
ผมเกลียดการเซ้าซี้ เกาะแกะ น่ารำคาญของผู้หญิงที่สุด เพราะยังงี้ไงล่ะ ผมถึงไม่อยากมีแฟน และถ้าไม่เห็นว่าเธอเป็นน้องของผม..ผมคงสั่งลูกน้องผมจัดการไปเรียบร้อยแล้ว
หลังจากคิดเรื่องนี้ได้..ผมก็วางมือถือคว่ำลงบนโต๊ะก่อนที่จะมองไปยังเอกสารที่กองอยู่ตรงหน้า พร้อมกับมีความคิดหลั่งไหลเข้ามาในหัวมากมาย..
หลังจากป๊าให้ผมขึ้นมาแทนท่าน งานผมก็ล้นมือมาก..ไหนจะงานผับ งานของคณะ งานสีเทาบางส่วนที่ป๊าเริ่มถ่ายโอนมา แล้วยังจะงานของที่นี่อีก ..งานตำแแหน่งประธานบริษัท TriTrans...ที่บริหารจำหน่ายและบริการยานยนต์ทุกชนิด ทั้งทางบก อากาศและทางน้ำ
‘เห้อ’
แม้ว่าผมจะเป็นอัจฉริยะ..แต่ว่า ผมก็คือคน และผมก็เหนื่อยเป็น..
และรู้ตัวอีกที..ผมก็เอื้อมมือไปแตะมือถือของผมก่อนหน้าอีกครั้ง ก่อนจะเปิดเข้าไปโปรแกรมเดิมๆ
อาทิตย์ : อยากแยกร่างได้
บางทีผมก็ขำกับตัวเองนะ เผลอเป็นพิมพ์อะไรแบบนี้ตลอด แต่ทุกครั้ง ผมก็ชอบรอลุ้นว่า อีกฝ่ายจะตอบอะไรกลับมา เหมือนกับครั้งนี้
ตึ๋ง!
Vienna : KANA-BOON – Silhouette
หื้ม..นี่มัน เพลงประกอบการ์ตูนเรื่องนารูโตะนี่หว่า (นารูโตะ เป็นตัวละครในการ์ตูนที่มีคาถาแยกร่างพันร่างได้)
ตึ๋ง!
Vienna : คาเกะ บุนชิน โนะ จุทสุ : คาถาแยกเงาพันร่าง
“หึึหึ”
ทันทีที่ผมอ่านข้อความนี้..ก็ทำให้ผมยิ้มออกมาทันที..พร้อมหายเครียดจากงานมาทั้งวัน รวมถึงเครียดจากสายของเมื่อครู่นี้ด้วย..
..คิดได้ไง ให้คาถาแยกร่างผมมาเนี่ยนะ หึหึ..
แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็กดเล่นเพลงนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า..พร้อมกับเริ่มหยิบเอกสารข้างๆขึ้นมาอ่านและลงมือทำงานต่ออีกครั้ง ด้วยความตั้งใจ..และมีความสุขแปลกๆมากกว่าเดิม..และมันก็ทำเพลินจริงๆ จนกระทั่งในที่สุดงานผมก็เสร็จ..
และตอนนี้ก็เป็นเวลา 2 ทุ่มครึ่ง.. ใกล้จะเวลานัดกับยัยแพรวาแล้วสินะ..
ตึ๋ง
แพรวา : สามทุ่ม อย่าลืมนะคะ แพรจะรอ
และบอกเลยว่า ยิ่งเห็นแบบนี้ผมยิ่งไม่อยากเจอ.. และผมก็รำคาญ..
คนที่จะมาจ่ำจี้จ่ำไชกับผมได้..คือแม่ผมคนเดียว..!!
‘เห้อ!’ ผมคว่ำมือถือลงที่โต๊ะอีกครั้งก่อนจะถอนหายใจออกมาทันที
อาทิตย์ : ผมต้องเจอคนที่ไม่อยากเจอ
แต่แล้วก็เป็นอีกครั้ง ที่มือไวกว่าความคิด รู้ัตัวอีกที ผมก็เผลอพิมพ์ความรู้สึกส่งไปอีกแล้ว..และมันก็เท่ากับว่าวันนี้ผมส่งไป 2 ครั้งในช่วงเวลาติดๆกัน
ไอ้ซัน..มึงเริ่มจะเสพติดเพจนี่เกินไปแล้วรึเปล่าวะ?!
ตึ๋ง
แล้วนี่แม่ง ก็ตอบไวเกิ๊น..
Vienna : ไม่เกลียดแต่ไม่อยากเจอ - ซินเดอเรลลา
แต่ว่า..ผมก็ไม่ได้รู้สึกแย่หรอก ที่อีกฝั่งตอบกลับมาเร็ว แถมยังดีซะอีก..และเพลงที่ส่งกลับมานั่น.. ก็ทำให้ผมถึงกับขมวดคิ้วก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นอมยิ้มออกมา มันเป็นแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง ที่ผมจะได้เพิ่มคลังเพลงเข้ามาในสมองของผม..เสมอ...เพลงแปลกๆที่ผมไม่เคยได้ยิน ผมก็จะได้รู้จักจากแอดมินเพจนี้นี่แหละ
และมันก็ทำให้ผม โหลดเพลงนี้มาเก็บไว้ เพราะคิดเอาไว้ว่าจะเก็บเอาไปฟังในรถต่อ..พร้อมกับเก็บของ เตรียมตัวลุกขึ้น เพื่อจะออกไปเจอคนที่ไม่อยากเจอ!
Aengoey’s Talk
Vienna : ไม่เกลียดแต่ไม่อยากเจอ - ซินเดอเรลลา
แปลกแหะ ทำไมวันนี้..นายอาทิตย์ถึงส่งมาตั้ง 2 ครั้งแน่ะ..มันเป็นครั้งแรกเลยนะ..สงสัยว่าจะมีเรื่องเครียดจริงๆ และหวังว่า เสียงเพลงที่ฉันส่งไป จะช่วยบรรเทาความทุกข์ของเขาได้ไม่มากก็น้อยนะ..
แต๊กๆๆ แต๊กๆ แต๊ก...
แต่แล้วระหว่างที่ฉันกำลังคิดเพลินๆ ระหว่างที่ฉันกำลังขับรถจะกลับบ้าน..อยู่ๆรถของฉัน..มันก็ขับเคลื่อนช้าลง ๆ จนกระทั่งในที่สุด มันก็ดับลงไป..
โอ๊ยย..เกิดเรื่องอะไรอีกละเนี่ย..
ครืดดดด ครืดดดดด
ฉันพยายามสตาร์ทรถใหม่ แต่ไม่ว่าจะลองกี่ครั้ง ก็ไร้วี่แววว่ารถจะติดเลย แถมยังมาดับตรงที่ซอยเปลี่ยวแบบนี้อีก..
ให้ตายเถอะ เอาไงดีนะ..อืม..งั้นโทรหาลุงพงษ์ดีกว่า..
ตืดดดด ตืดดดดด ตืดดดด
..โอ๊ยย ทำไมไม่รับสายเนี่ย..
นี่ก็ไม่รู้ว่าวันซวยอะไรของฉันกันแน่ เพราะว่าไม่ว่าจะลุงพงษ์ หรือป้าน้อย ต่างก็ไม่มีใครรับสายฉันเลยซักคน..
ฉันนั่งรอ..อีกสักพัก ก่อนที่จะตัดสินใจโทรหาอีกรอบ..และครั้งนี้มันก็ติด.!! แต่ว่ามันดันแย่ตรงที่..คนที่รับคือป้าน้อย และป้าก็บอกว่าลุงพงษ์ลืมมือถือไปที่บ้าน ส่วนตอนนี้ลุงแกกำลังออกไปสังสรรค์กับเพื่อนอยู่..และป้าน้อยจะออกไปตามให้..
ฉันตัดสินใจ..บอกป้าน้อยไปว่า ปล่อยให้ลุงพงษ์สังสรรค์ไปเถอะ เพราะนานๆทีจะเห็นว่าลุงพงษ์ออกไปสังสรรค์บ้าง..ส่วนฉัน เดี๋ยวฉันจะนั่งแท็กซี่กลับบ้านเอง.. และฉันก็คุยกับป้าน้อยอยู่นาน จนป้าน้อยยอมในที่สุด..
แต่ว่าฉันเองก็รออยู่นานสองนาน..ก็ไม่เห็นว่าจะมีแท็กซี่ผ่านมาแถวนี้ นอกจากรถส่วนตัวที่มีผ่านมาอยู่บ้าง..ฉันก็เลยเกิดความคิดใหม่ขึ้นมาว่า..
เอาวะ..ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
ในเมื่อหารถแท็กซี่ไม่ได้..ตอนนี้ ฉันก็ดูแลตัวเองไปก่อนละกัน..
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ฉันก็ลงมาจากรถแล้วก็ตัดสินใจ..เปิดกระโปรงรถดู ก่อนจะสวมวิญญาณหญิงสาวช่างกล..ที่ดูเหมือนหญิงแกร่ง และเชี่ยวชาญในเครื่องยนต์ของรถสุดๆ แต่ทว่าในความเป็นจริงนั้น..ฉันไม่มีความรู้เลย!
แต่ว่าก็ไม่เป็นไร..เพราะตราบใดที่มือถือฉันแบตไม่หมด ก็เท่ากับว่าฉันยังไม่ได้เหลือตัวคนเดียว..ฉันก็เลยเปิดหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต เพื่อหาปัญหาที่ฉันกำลังต้องเผชิญอยู่ในตอนนี้..
โดยเริ่มจากการลองตรวจสอบสภาพพื้นฐานรถทั้งหมด ตามที่บอกไว้ในอินเตอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นตรวจหม้อน้ำ น้ำมันเบรก น้ำมันเครื่อง ฉันสามารถตรวจได้ตามที่บอกในอินเตอร์เน็ตเป๊ะ และก็พบว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร
ฉันต้องค้นหาข้อมูลเพิ่มเพื่อเจาะลึกไปทีละชิ้นส่วนในรถ แต่พอเริ่มอ่านเยอะๆ ฉันก็เริ่มตาลาย และคำศัพท์ต่างๆก็ทำให้ฉันงง จนฉันปวดหัวไปหมด
ยิ่งอ่าน ยิ่งไม่เข้าใจโว้ยยย
หือออ..ฉันว่า ฉันพึ่งตัวเองไม่รอดแน่ๆ..เอาไงดี..
แต่แล้ว..ระหว่างที่ฉันกำลังท้อใจ และทำหน้าจะร้องไห้อยู่ ก็มีเสียงใครบางคนตะโกนเสียงดังมาทางฉัน..
“ส่งกระเป๋ามา ไม่งั้นมึงตาย”
และทันทีที่ฉันหันไปตามเสียง ฉันก็เจอผู้ชายคนหนึ่ง หน้าตาหมองคล้ำ ผอมแห้งคล้ายคนติดยา และที่สำคัญ..ตรงมือของชายผู้นั้น..มันก็คือ ปืน!!
“กรี๊ดดดดด!!”
บอกเลยว่า..ตอนนี้สติฉันกระเจิดกระเจิงไปหมดแล้ว พร้อมกับสายตาที่มองดูปืนที่ผู้ชายคนนั้นถืออยู่ ก่อนจะเบนสายตากลับมามองกระเป๋าของฉัน ที่ไอ้โจรตรงหน้ามันบอกว่าให้ส่งไป..
นี่เพิ่งซื้อมาอาทิตย์ที่แล้วเองนะ ไม่นะ..จะพรากจากแม่แล้วเหรอ ไม่นะ!!
“อยากตายรึไง รีบส่งมา เร็วๆ”
แต่แล้วอีกฝั่งก็เอ่ยปากขึ้นมาอีกครั้ง และมันก็ทำให้ฉันคิดว่า..กระเป๋าสำคัญก็จริง แต่ตอนนี้ชีวิตฉันสำคัญกว่า ฉันเลยต้องยื่นกระเป๋าไปอย่างจำใจด้วยสายตาละห้อย
แต่แล้วจังหวะที่ชายผู้นั่นกำลังดึงกระเป๋าฉันไป
ผลัวะ
อยู่ๆก็มีขาของใครสักคนลอยผ่านหน้าฉันไปเตะมือของโจรจนทำให้ทั้งกระเป๋าทั้งคน ลงไปกองกับพื้น และตามมาติดๆด้วยกระสุนปืนที่ยิงเฉียดฉิวแขนโจรไปนิดเดียว
ปัง!!
“กรี๊ดดดดดด!”
นี่มันเสียงปืนใช่มั้ย..มันคือการยิงกันจริงๆใช่มั้ย..หืออออ
เอ๊ะ แต่ว่า.. จากภาพเมื่อครู่ที่ฉันเห็น..ปืนนั่นไม่ได้มาจากไอโจรนี่หว่า แล้วมาจากใครกันล่ะ
ฉันประคองสติทันที..ก่อนจะค่อยๆหันไปดูเจ้าของปืนที่ยิงออกมาและก็ทำให้ฉันตกใจไม่ต่างจากที่ได้ยินเสียงปืนเมื่อครู่เลยซักนิด..เมื่อได้เห็นเต็มตา ว่าใคร..คือคนยิงปืนเมื่อครู่..
“พะ พี่ซัน!!”
Sun’s Talk
ระหว่างที่ผมขับรถเพื่อจะไปหาแพรวาตามที่นัดไว้.. ผมเห็นรถคุ้นๆจอดนิ่งอยู่ตรงทางลัดซอยเปลี่ยวที่ผมขับมา..และเมื่อเข้าไปใกล้ ผมก็แน่ชัดทันทีว่า..นั่นมันรถของเอิงเอย..
เธอรถเสียงั้นเหรอ..
ผมจอดรถดูอยู่ข้างทาง และนั่งมองยัยนี่ ก้มๆเงยๆ มองดูมือถือ สลับกับเปิดไฟฉายจากมือถือ เพื่อส่องไปยังชิ้นส่วนรถภายในฝากระโปรงรถที่เธอเปิดออกมา ก่อนที่เธอจะสลับกลับมาทำหน้านิ่วคิ้วขมวด และก็วนกลับไปอ่านอะไรบางอย่างในมือถืออีกครั้ง
และภาพที่ผมเห็นมันก็ค่อนข้างเพลินตา..และผมเองก็อยากรู้ว่า เธอจะทำยังไงต่อไป..เพราะฉะนั้นผมก็เลยไม่ได้ลงจากรถไปช่วยเธอ..และยังคงนั่งมองเธออยู่อย่างนั้น จนกระทั่งเวลาผ่านไปไม่นาน เธอก็เริ่มมีปฏิกิริยาที่เปลี่ยนไป..เริ่มจากที่เธอคิ้วขมวดกว่าเดิม จากนั้นเธอก็เริ่มวางมือถือลงและถอนหายใจออกมา แล้วก็เอามือมาสางผมก่อนที่จะขยี้หัวจนผมเธอยุ่งเหยิงไปหมด.. แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ก้มลงไปมองชิ้นส่วนอีกครั้ง แต่มันก็ไม่นานหรอก ..เพราะตอนนี้เธอทรุดตัวไปนั่งยองและเริ่มเบะปากแล้ว.. และบอกเลยว่า..ยิ่งเห็น ผมก็ยิ่งรู้สึก..ตลก
ผมก็ไม่รู้นะว่า ทำไมเธอไม่โทรเรียกช่างซ่อม หรือคนขับรถที่บ้านมา จะมาซ่อมเองทำไม อีกอย่างซอยนี้มันค่อนข้างเป็นซอยที่นานๆจะมีรถผ่านมาซักคัน..และหนึ่งในนั้นก็คือคันของผม..ที่ผมมาและผมก็จอดรถอยู่ไม่ไกลจากเธอเท่าไร..แต่ดูเหมือนเธอกำลังหลุดไปยังมิติที่อยากเป็นช่างซ่อมรถ จนเธอไม่สนใจเลยว่า..มีรถของผมจอดอยู่ตรงนี้..
และด้วยท่าทีของเธอตอนนี้..ก็ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะ..ลงไปช่วยซะหน่อย
ถือว่าช่วยเด็กมันละกัน..น่าสงสารจริงๆ หึหึ
แต่ว่าระหว่างที่ผมกำลังลงจากรถไปช่วยยัยนี่ อยู่ๆ ผมก็เห็นผู้ชายถือปืนปลอมพูดอะไรไม่รู้กับเธอ ซึ่งมันก็คาดเดาไม่อยาก..ว่ามันกำลังคิดจะทำอะไร..ถ้าไม่ได้มาปล้น ..หรือจะฉุดไปขมขืน..
แต่จากสายตาที่ยัยนั่นเอาแต่มองกระเป๋าเหมือนเสียดาย..มันก็น่าจะแสดงว่า อีกฝ่ายคงมาปล้นสินะ..
ซึ่งมันก็ทำให้ผม..รีบเดินจ้ำก้าวเร็วขึ้นเพื่อไปช่วยเธอที่ยืนสั่นอยู่ตรงนั้นทันที..และมันก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เธอยื่นกระเป๋าใบนั้นไปให้.. มันเลยทำให้ผมยกเท้าเตะแขนมันที่ยื่นออกมา จนทำให้มันล้มลงไปกองอยู่ที่พื้นพร้อมกระเป๋า ก่อนที่ผมจะชักปืนจริงของตัวเองยิงไปที่มันด้วยความเคยชิน แต่ผมแค่ยิงขู่เท่านั้น ทำให้กระสุนถากไปเพียงแขนเสื้อ
ปัง!!
“ผมกลัวแล้ว ไว้ชีวิตผมด้วย”
“ไสหัวไปซะ!”
“ครับๆ”
สิ้นเสียงนั่น..มันก็ลุกลี้ลุกลน วิ่งออกไปจากตรงนี้ทันพลัน
ส่วนผมก็หันกลับไปหาเอิงเอย พร้อมกับคิดว่า.. ทั้งเรื่องซ่อมรถไม่ได้ เรื่องโดนปล้น แล้วไหนจะเสียงปืนเมื่อครู่อีก..เธอคงเสียขวัญน่าดูเลยสินะ
แต่ว่าเมื่อผมหันไป ทุกอย่างมันกลับผิดคาดไปหมด เพราะว่า...แทนที่เธอจะกลัว เธอกลับวิ่งไปหยิบกระเป๋าใบนั้นที่ตก ..พร้อมกับปัดฝุ่นที่เกาะไปมาเป็นพัลวัน และพูดพึมพำเบาๆออกมาทว่าผมกลับได้ยินชัดทุกคำ
“หือๆ เป็นรอยเลย โอ๋ๆลูก แม่ขอโทษนะ”
นั่นมันกระเป๋าโว้ย ไม่ใช่ลูก!
แล้วนี่กูมาช่วยนะ ไม่สนใจหันมาขอบคุณสักคำ? อะไรของยัยนี่วะ?!
แต่ถึงแม้ผมจะคิดอย่างนั้น..มันก็ทำให้ผมอดที่จะยิ้มขันไม่ได้ พร้อมกับยิ้มและเริ่มเอ่ยปากพูดเรียกสติของเธอ..
“น้องเอิงเป็นอะไรมั้ยครับ”
ควับ..
ทันทีที่ผมพูดเช่นนั้น เธอก็เลิกสนใจกระเป๋าใบนั้น และหันกลับมามองผมอีกครั้ง พร้อมกับแสดงสีหน้าตกใจ เหมือนกับเมื่อครู่ที่เธอเห็นผมครั้งแรก..
และมันก็ทำให้เธอโพล่งปากในทันที..
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะ ถ้าไม่ได้พี่ซัน ป่านนี้กระเป๋าเอิงคงโดนขโมยไปแล้ว”
นี่ห่วงกระเป๋ามากกว่าตัวเอง? แล้วนี่ก็ไม่ได้เสียสติอะไรเลย?
อืมก็ดี..ไม่อ่อนปวกเปียก หรือ กรี๊ดกร๊าดน่ารำคาญอย่างที่คิดแหะ
“ไม่เป็นไรครับ”
“เออ..ว่าแต่ พี่ซัน พก..ปืนด้วย เหรอคะ”
“รถเป็นอะไรไปเหรอครับ?”
แต่แล้วผมก็เลือกที่จะไม่ตอบคำถามของเธอ แต่แสร้งเปลี่ยนเรื่องไปแทน พร้อมทำทีเดินไปดูตรงกระโปรงรถให้..และมันก็ทำให้เธอเลิกสนใจคำถามของเธอแต่แรก และเดินมายืนข้างๆและพูดออกมาแทน
“อ้อ อยู่ๆเครื่องมันก็ดับไปค่ะ เอิงก็พยายามดูอยู่ แต่ดูไม่เป็น แหะๆ”
ก็ว่างั้นแหละ เห็นยืนดูอยู่ตั้งนาน
“อืม...งั้นทิ้งไว้นี่ ให้คนขับรถมาเอา แล้วเดี๋ยวพี่ไปส่งเราเอง”
ที่จริงผมจะช่วยเธอก็ได้ เรื่องเครื่องยนต์เป็นงานถนัดผมอยู่แล้ว แต่ผมเปลี่ยนใจไม่ช่วยดีกว่า
“เออ จะดีเหรอคะ งั้นรบกวนด้วยนะค้าา”
หึ..ยิ้มแป่นเชียวนะ...แล้วผมจะยิ้มตามทำไมล่ะวะ! ไอ้ซัน..