ตอนที่ 24
ก๊อกๆๆ
“ตาซัน เปิดประตูให้ม๊าหน่อย”
ฉิบหาย ม๊ามา
ผมมองคนตรงหน้าที่กำลังปลุกปั่นอารมณ์ความต้องการของผมเต็มพิกัด พร้อมกับคิดว่าจะเอาไงต่อดี ลูกชายผมก็พร้อมออกรบยิงขีปนาวุธเต็มที่แล้วด้วย หยุดกลางทางแบบนี้ แม่งเจ็บปวด!
ชีวิตผมทำไมมันน่าสงสารยังงี้วะเนี่ย!
“อ๊าาา อ่วยอ้วยย” ( ม๊า ช่วยด้วย)
แต่แล้ว ยัยนี่..ที่ได้ยินเสียงของแม่ผมผ่านประตู..เธอก็โพล่งเสียงออกมาทันที..
และมันทำให้ผม..ต้องถอยออกมา..เพื่อข่มอารมณ์ และมองดูสภาพของเธอตอนนี้ที่มันผมเผ้ารุงรังไปหมด รวมถึง..กำลังมองมาทางผมด้วยสายตาอาฆาตแค้น พร้อมกับเสียงโวยวายที่ดังออกมาจากปากเล็กๆนั่นไม่หยุด นี่ขนาดผมปิดปากแล้วยังขนาดนี้ ถ้าผมไม่ปิดไว้ จะขนาดไหนวะเนี่ย
ก๊อกๆๆ
\"ซันนน\"
“แม่งเอ้ยย!!\" ผมสบถเสียงดังด้วยความหงุดหงิด และข่มใจตัวเองได้ในที่สุด ก่อนที่จะดึงบราเซียสีดำนั้นลงกลับมาปกปิดหน้าอกคู่สวยเหมือนเดิมอย่างจำใจ.. พร้อมทั้งติดกระดุมให้เธอทุกเม็ดอย่างร้อนรน และไม่วายที่จะปลดปล่อยเนคไทด์ที่ถูกพันธนาการไว้บนมือและปากของเธอออกไปให้เธอได้มีอิสระอีกครั้ง
และทันทีที่ปากเธอว่าง..
“ไอเลว ไอชั่ว” เธอก็โพล่งปากออกมาทันที.. และเช่นเดิม เธอยังคงมองมาทางผมด้วยสีหน้าโกรธจัดไม่ลดละเหมือนเดิม แต่สำหรับผมแล้ว ผมได้แต่คิดว่า..
“ไปทำบุญอะไรมาวะ รอดทุกครั้ง แม่ง!” ผมสบถอย่างหัวเสียอีกครั้ง
3 ครั้งแล้ว!! 3 ครั้งแล้วที่ผมเกือบจะได้กินยัยนี่..แต่แม่งต้องมีคนมาขัดจังหวะตลอด ให้ตายสิ!
และตอนนี้..เอิงเอยก็ผลักผมออกไปก่อนจะลงมายืนที่พื้น พร้อมกับลูบผมตัวเองไปมาให้เข้าที่เข้าทางเรียบร้อย
แต่ว่า..ผมกลับเห็นลิปสติกเลอะตรงมุมปากของเธอ.. ก็เลยเอื้อมไปจะเช็ดให้ แต่เธอก็ปัดออก
\"อย่ามาแตะตัวฉัน!!!\"
เมื่อกี้ก็ยิ่งกว่าแตะแล้วป่ะวะ!
“อยู่นิ่งๆดิวะ ลิปมันเลอะ อยากให้ม๊ารู้รึไง ว่าผ่านสงครามดุเดือดกับฉันมา!!”
หลังจากพูดจบ เอิงก็นิ่งไปในทันที..พร้อมปากที่พูดออกมาอย่างหัวเสีย
\"เดี๋ยวเช็ดเอง!!\"
หลังพูดจบ เธอก็เดินไปยังกระเป๋าเพื่อคุ้ยหาอะไรบางอย่างซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นกระจกแต่ก็หาไม่เจอ
\"ชักช้า ฉันเช็ดให้!!\"
และผมก็เดินไปคว้าเอิงให้หันหน้ามามองผมทันที..แต่ว่า ทันทีที่ผมมองหน้าเธอชัดๆ ผมก็เห็นคราบน้ำตาเล็กน้อย ที่อยู่ตรงหางตาของเธอ และภาพนั้นก็ทำให้ผมชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่อยู่ๆเธอก็โพล่งปากออกมา ที่ทำให้สติผมกลับมาเหมือนเดิม
\"จะเช็ด ก็รีบๆเช็ดสิ!” ผม เอื้อมมือ ไปเช็ดรอยลิปสติกนั่นทันที.. แต่ว่า..มือของผมมันก็ดันเลื่อนไปสูงกว่านั้น เหมือนขัดคำสั่ง.. รู้ตัวอีกที ผมค่อยๆใช้นิ้วโป้งเกลี่ยรอยน้ำตาของเธออย่างเบามือ และตลอดเวลาในระหว่างที่ผมทำนั่น ผมรับรู้ได้ถึงสายตาที่เปลี่ยนจากอาฆาตเป็นผงะตกใจปนสับสนกับการกระทำของผมแทน
เมื่อพบว่า..ร่องรอยน้ำตาเธอจางหายไปแล้ว ผมก็เปลี่ยนเป็นเลื่อนมือไปยังบริเวณที่มีลอยลิปสติกที่เลอะออกมา แต่ว่า..ยิ่งผมพยายามเช็ด ได้สัมผัสเธออีกครั้ง ได้มองเธอใกล้ๆแบบนี้ ลูกชายผมก็เริ่มกลับมาอีกครั้ง..
แม่งคนอะไรวะ ทั้งหอม ทั้งนุ่ม ทั้งน่ากิน ม๊านะม๊า! มาทำไมเวลานี้วะ!
แต่ถึงผมจะคิดเช่นนั้น..ผมก็ได้แต่ข่มใจ และถูเช็ดรอยบนใบหน้าเธอไปมานั้นเหมือนเดิม แต่แล้วระหว่างนั้น..อยู่ๆ เอิงเอยก็ยกมือเธอมาถูไถบริเวณรอบๆปากของผมเช่นกัน
ลืมคิดไป ถ้าของเธอเลอะขนาดนี้ ฝั่งผมก็คงไม่เหลือ
\"ทำไมฉันต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยนะ\"
และก็มาพร้อมกับเสียงบ่นกระปอดกระแปด พร้อมกับหน้านิ่วคิ้วแทบจะผูกกันเป็นปม แต่สายตาก็ยังจ้องไปตรงบริเวณคราบสีที่เลอะบนปากผมที่มาจากฝั่งปากของเธอ พร้อมมือที่เช็ดไปมาอย่างไม่ลดละ จนกระทั่ง
\"เรียบร้อย / หมดล่ะ\"
ผมและเอิงโพล่งออกมาพร้อมกัน ก่อนจะลดมือลงทั้งสองฝั่ง แล้วเปลี่ยนเป็นสบตากันอยู่อย่างนั้น
ผมทำทีมองเอิงเอยอีกครั้งเพื่อเช็กความเรียบร้อย แต่ความจริงแล้ว ผมยอมรับว่าเมื่อกี้ตอนที่เช็ดคราบบนใบหน้าเธอ... ผมไม่สามารถละสายตาจากใบหน้าของเธอได้เลย...และยังอยากจะมองอยู่อย่างนั้น เหมือนอย่างในตอนนี้
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ซัน ม๊าจะเอากุญแจมาเปิดแล้วนะ”
แต่..เสียงของม๊า ทำให้ผมกลับมามีสติอีกครั้ง ทำให้ผมละสายตาจากภาพตรงหน้า แล้วเดินตัวงอไปเปิดประตูทันที
แอ็ดดด
ก่อนจะ ยืนเกาะอยู่หลังประตู ไม่ได้ออกมายืนกลางห้อง เพราะเดี๋ยวทุกคนจะสังเกตว่าลูกชายผมมันไม่สงบ..และบอกตรงๆว่าตอนนี้แม่ง..เจ็บปวด
ชีวิตกู ทำไมมันลำบากลำบนขนาดนี้วะ!
หลังเปิดประตู ม๊ากับแพรวาก็เดินเข้ามาในห้องทันที
“ม๊ามาทำไม“
ม๊ามองมาที่ผม แล้วก็มองไปที่เอิง แล้วก็ยิ้มแบบคุณนายผิน ผมรู้ว่าม๊ารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เพราะวันนี้แพรวาอยู่ด้วย ม๊าน่าจะไม่ทำอะไรผมเหมือนกับคราวที่แล้ว อย่างน้อยก็น่าจะยังไว้หน้าลูกชายคนนี้บ้าง
“พอดีหนูแพรวา ชวนม๊ากับซันไปกินข้าว” แต่ว่า..ม๊ากลับเอ่ยปากออกมาอย่างอารมณ์ดี ซึ่งผิดกับอารมณ์ผมสุดๆ..!!
“ผมยังไม่ค่อยหิวเท่าไร ไว้วันหลังนะครับ ม๊ากับแพรไปกินกันเลย” ผมส่งซิกให้ม๊าพายัยแพรวาออกไป ด้วยสายตาที่สื่อว่า..ถ้าม๊าอยากได้ลูกสะใภ้ ม๊าก็ต้องช่วยผม! และ..ม๊าก็ส่งยิ้มมาให้เหมือนรู้กัน จนทำให้ผมใจชื้น และคิดว่า เดี๋ยวม๊าจะต้องบอกผมว่า..
โอเค งั้นม๊าไม่กวนแล้วนะลูก พร้อมเดินสวยๆออกไป และผมก็ได้จัดการยัยนี่ต่อ..
แต่ว่า ความฝันผมก็ดับสลายทันที...เมื่อได้ยินท่านพูดออกมา!!
“ถือว่าไปนั่งกินเป็นเพื่อนม๊านะ ตาซัน”
ฮะ?!!
ม๊านะม๊า รู้ก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ยังจะพูดแบบนี้กับผมอีก!
“แล้วทำไมเฮียไปยืนหลังประตูยังงั้นล่ะคะ”
แต่แล้ว คราวนี้ก็เป็นแพรวาพูดออกมา ส่วนม๊าผมก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
หึ คุณนายผิน! ไม่ช่วยลูกชายคนนี้ แล้วยังมายิ้มเยาะอีก
“งั้นเอิงขอตัวกลับก่อนนะคะ”
ระหว่างที่ผม ไม่รู้ว่าจะตอบอะไรดี อยู่ๆเอิงก็พูดแทรกขึ้นมา อาจจะเพราะอยากช่วยผม ไม่ก็คงอยากหนีผมไปไกลๆล่ะมั้ง
แต่ว่ายังไม่ทันที่เธอจะได้ออกไป ม๊าของผมก็คว้าแขนเอิงไวก่อน..พร้อมกับพูดออกมา
“ไม่ต้อง ไปกินข้าวด้วยกันทั้งหมดนั่นล่ะ ทั้งลูกและหนูเอิง ป่ะๆ”
แต่ว่า..อยู่ๆ ม๊าก็เอ่ยคำพูดตกใจทันที..ก่อนจะหันควับมามองผมด้วยสายตาที่ทำเอาผมถึงกับสะดุ้ง..
\"หนูเอิง! แขนไปโดนอะไรมาล่ะลูก ทำไมมัน..ช้ำอย่างนี้\"
หื้ม..ช้ำที่ผมจับเมื่อกี้นะเหรอ..
ยัยนี่จะบอบบางอะไรขนาดนั้น จับนิดเดียวเองมั้ยวะ แค่นี้ก็ช้ำแล้วเหรอ ?
...แล้วนี่จะเจ็บมากมั้ยวะ ไม่น่าจับแรงเลยกู!
\"เออ เอิงเดินไปชนประตูนะคะ เดี๋ยวมันก็หาย แหะๆ” แต่ว่าเธอก็ไม่ได้พูดความจริง พร้อมกับยิ้มแห้งๆเล็กน้อย ราวกับว่าช่วยผม..ส่วนม๊าก็คงไม่ได้เชื่ออย่างนั้น เพราะสายตาที่แม่ผมมองผมตอนนี้ ..ราวกับว่า..จะฆ่าผมให้ได้
\"สงสัย ม๊าต้องจัดการประตูนั่นให้ซะแล้วล่ะ ไม่ต้องกลัวนะจ้ะ”
อยู่ๆ ผมก็ขนลุกขึ้นมาซะงั้น..
แต่แล้ว หลังจากนั้น ม๊าก็พายัยเอิงออกไปสำเร็จ และก็ทิ้งผมไว้กับแพรวาที่แสดงสีหน้าไม่พอใจทันที ...ที่ม๊าจูงมือเอิงเดินออกไป แต่ว่า ไม่นานแพรก็เปลี่ยนเป็นหันมายิ้มให้ผมแทน พร้อมกับพูดด้วยเสียงสดใส..
\"เฮีย เราก็ไปกันเถอะค่ะ\"
ส่วนผมตอนนี้นะเหรอ..หึหึ
\"แพรไปก่อนเลย เฮียขอตัวไปห้องน้ำสักครู่นะ ฝากบอกม๊าด้วย”
ไม่ไหวแล้วโว้ย
พูดจบผมก็วิ่งออกไปทันที โดยไม่สนใจแพรวา ว่าจะพูดอะไร หรือทำหน้ายังไง
ตอนนี้ผมคิดแค่ว่า ..ผมต้องไปทำให้น้องชายของผมสงบก่อนตอนนี้! ไม่งั้นตายแน่!
Aengoey’s Talk
เห้อ! ฉันก็ไม่เข้าใจ ทำไมฉันต้องมาทำอะไรตรงนี้ ตอนนี้ด้วยนะ
ตอนนี้ทุกคนมายังร้านอิตาเลียนหรู ที่จัดตั้งอยู่บริเวณไม่ใกล้ไม่ไกลกับบริษัท
ตั้งแต่ออกมาจากห้องนั่น ฉันไม่มองหน้าและพูดกับพี่ซันสักคำ
นึกแล้วก็โมโห ทั้งโมโหและอับอาย เขามีสิทธิ์อะไรมาทำกับฉันแบบนี้กัน แล้วแทนที่เกิดเหตุการณ์แบบเมื่อกี้ฉันจะหนีจากเขาไปไกลๆ แต่กลับต้องมานั่งร่วมโต๊ะกินข้าวกับเขาเนี่ยนะ
แล้วนอกจากฉันต้องมานั่งกินข้าวกับอีตานั่น ตอนนี้ยังมีพี่พอสร่วมโต๊ะด้วยอีกคน ก็ยัยแพรวาคู่ปรับของคณะฉันน่ะสิ ชวนพี่พอสมากินด้วยกัน แพรวาเธอเป็นน้องสาวของพี่พอส และคงจะชวนมาเพื่อกวนประสาทฉันโดยเฉพาะ เพราะก็รู้ๆอยู่ว่าเราเลิกกันแล้ว และจากกันไม่ดีซะด้วย
ตอนนี้ฉันโคตรอึดอัดเลย ที่คนร่วมโต๊ะ มีแต่คนที่ฉันไม่ชอบขี้หน้าทั้งโต๊ะ ยกเว้นแม่พี่ซันคนเดียว
เห้อ!! อยากจะบ้าตาย
“เธอมาทำอะไรที่นี่เหรอจ้ะเอิงเอย” แพรวาพูดทักทายฉันด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แต่สายตาของเธอ ดูก็รู้ว่า ปลอมมาก!
“มาทำโปรเจควิชาอาจารย์สมรน่ะ” ฉันก็ตอบแบบยิ้มปลอมกลับไปเช่นกัน
แพรวา เธอเป็นเพื่อนร่วมคณะเดียวกับฉันเอง ฉันก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เมื่อก่อนเราก็ต่างคนต่างอยู่ ถึงแม้ว่าฉันจะคบกับพี่พอส แต่นั่นมันก็ไม่นานพอที่จะทำให้ฉันได้ทำความรู้จักสนิทชิดเชื้อกับคนในครอบครัวของพี่พอส รวมถึงยัยแพรวาตรงหน้าฉันด้วย แต่ช่วงหลังๆมานี้ ยัยนี่ก็เอาแต่พูดจาถากถางฉัน แล้วก็ปล่อยข่าวฉันเสียๆหายๆบ้างล่ะ จนตอนนี้ถ้าเจอหน้ากันที่คณะเมื่อไร มีอันต้องปะทะคารมกันอยู่เสมอๆ
และความรู้ใหม่สดๆร้อนๆ ยัยแพรวาดูท่าทางสนิทกับพี่ซันและม๊ามาก หรือจะเป็นเด็กของพี่ซันกันนะ? ถึงฉันจะสงสัย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป
“เอิงเอยเป็นเพื่อนคณะกับหนูแพรวาเหรอจ๊ะ”
“ค่ะ แต่เราไม่ได้สนิทกันหรอกค่ะ”
“เอิงเค้าดังในคณะมากเลยนะคะม๊า วันๆมีแต่ผู้ชายมาจีบ ก็เลยควงผู้ชายไม่ซ้ำหน้าเลย”
นั่นปะไร ใส่ร้ายกูอีกแล้ว
เราทั้งคู่ได้แต่ส่งยิ้มให้กันและกัน และแน่นอนมันไม่ใช่รอยยิ้มที่จริงใจ ทั้งฉันและยัยแพรวา
“เฮียพอสก็เคยเป็นหนึ่งในนั้น ใช่มั้ยคะเฮียพอส”
“อ่าว ตาพอสเคยเป็นแฟนกับหนูเอิงเหรอ”
“ครับ” พี่พอสหันมายิ้มให้ฉันอย่างหวานย้อย ฉันก็ได้แต่พยายามปั้นยิ้มส่งกลับไป ..จะทำยังไงได้ล่ะ เพราะฉันต้องทำตามแผน จากคำขู่ของคนตรงหน้านี้แหละ
แล้วนี่ก็ไม่รู้เป็นบ้าอะไร นั่งหน้าบูดหน้าบึ้งอยู่ได้ คนที่ควรทำหน้าแบบนั้น ควรเป็นฉันหรือเปล่า!
“เรื่องความรักของหนุ่มๆสาวๆ มันก็วุ่นวายอย่างนี้แหละจ่ะ เอาล่ะ เรามาสั่งอาหารกันดีกว่าเนอะ”
“ครับ ..เอาเมนู Shrimp fra diavolo ..พี่จำได้ว่าน้องเอิงชอบ” ประโยคแรกพี่พอสหันไปสั่งบริกร แต่ประโยคต่อมาพี่พอสหันมาพูดกับฉัน และไม่วายที่จะมองฉันด้วยสายตาที่หวานเยิ้มอีกครั้ง
“ไม่คิดเลยว่าพี่พอสจะยังจำได้ ขอบคุณนะคะ” ฉันก็ส่งยิ้มหวานกลับไปเช่นกัน แม้ในใจจะฝืนก็ตามที
\"เรื่องของเอิง พี่จำได้ทุกเรื่องครับ”
ตอบมาแบบนี้ฉันเลยจำเป็นต้องส่งยิ้มกลับไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ แล้วเปลี่ยนเป็นมองไปข้างหน้าแทน แต่นั่นก็ทำให้ฉันเห็นพี่ซันที่ทำหน้านิ่ง พร้อมมองมาที่ฉันด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา แต่ที่แน่ๆมันไม่ใช่สายตาที่ดีแน่ๆ ฉันเลยหลบสายตานั่น ไปไล่รายชื่อเมนูที่อยู่บนโต๊ะตรงหน้าแทน ก่อนจะโพล่งคำพูดออกมา
“ถ้างั้น เอิงสั่งให้พี่พอสเองนะคะ เอา.. Veal marsala ละกันค่ะ”
“เอิงสั่งอันไหน พี่ก็กินได้หมดแหละครับ” ฉันก็ได้แต่หันไปยิ้มให้ กับคำพูดหวานที่มีตลอดตั้งแต่เริ่มเข้ามาในร้านอย่างจำใจ
ถ้าบอกแบบนี้ วันหลังฉันจะสั่งขี้ให้!
“งั้นเอา Fettuccine alfredo ด้วยนะ เฮียซันชอบกิน แพรจำได้” แต่แล้วอยู่ๆยัยแพรวาก็พูดขึ้นมา ราวกับว่า อยากเลียนแบบบ้าง..
แพรจำได้ ชิ!
ฉันเผลอไม่ได้ที่จะเบะปากกับจริตจะก้านของยัยแพรวา
“งั้น Chicken parmigiana ด้วยครับ น้องแพรชอบกิน เฮียก็จำได้\"
และคราวนี้ ก็เป็นพี่ซันพูดขึ้นมา จนยัยแพรวายิ้มจนจะฉีกไปถึงรูหูอยู่ล่ะ
เฮียก็จำได้..งั้นเหรอ.. หึ
และเป็นอีกครั้ง นอกจากเบะปากแล้ว ฉันก็อดไม่ได้ ที่จะทำปากขมุบขมิบล้อเลียนคำพูดของผู้ชายตรงหน้าไปด้วย
\"เออ งั้นของม๊าเอา Lasagna แล้วกัน แค่นี้ก่อนนะจ้ะ” ส่วนม๊าก็หันไปสั่งกับบริกรเป็นคนสุดท้าย ก่อนที่บริกรจะเดินออกไป
และระหว่างนั้นพวกเราได้แต่นั่งฟังยัยแพรวาเจื้อยแจ้วไปเรื่อย แต่นอกจากปากจะพร่ามไม่หยุดแล้ว มือยัยนี่ก็ไม่รู้เป็นอะไร วิญญาณตุ๊กแกสิงหรือไง เกาะอีพี่ซันอยู่ได้ แป๊บๆก็เกาะ แป๊บๆก็ซบ ส่วนอิพี่ซันก็นั่งนิ่งเป็นผนังให้เกาะอยู่ได้ !
ซึ่งตลอดการกินอาหาร ฉันแทบจะไม่พูดอะไร ได้แต่นั่งเงียบๆ มีหันไปส่งยิ้มให้พี่พอสบ้างเป็นบางคราว เพราะพี่พอสชวนฉันคุยอยู่บ้าง ฉันเลยต้องยิ้มตามมารยาทไป
เห้อ อยากกลับแล้ว จะบ้าตาย ฉันมาทำอะไรตรงนี้!
“นี่ครับ ลองชิมของพี่ดูนะ” พี่พอสพูดพร้อมตักอาหารของเขามาไว้ในจานของฉัน
“ขอบคุณค่ะ”
\"ทานเยอะๆนะครับ ร้านนี้อร่อย\"
\"ค่ะ\"
\"อะนี่ครับ แพรลองชิมของเฮียดูนะ อร่อยมาก” อยู่ๆ พี่ซันก็พูดพร้อมตักอาหารส่งให้ยัยแพรวา
“ขอบคุณค่ะ” แพรวาทำท่าเขินอายเล็กน้อย คิดว่าน่ารักตายแหละ ชิ!
\"กินเยอะๆนะครับ ขอโปรดแพรทั้งนั้นเลย\"
\"ค่ะ\"
แล้วตลอดการกิน พี่ซันก็ขยันตักอาหารส่งให้ยัยแพรวาไม่หยุด
ถ้าจะตักอาหารให้ยัยนี่ขนาดนี้แล้ว เททั้งจานไปให้เลยมั้ยล่ะ!! เหอะ!
ในที่สุด การกินอาหารที่น่าเบื่อที่สุดของฉันก็จบลงสักที
เมื่อกินเสร็จ ม๊าชวนฉันไปช้อปปิ้งต่อ แต่ฉันขอไม่ไปแล้วแยกย้ายกลับคอนโดดีกว่า พร้อมกับคิดว่า....ฉันไม่ควรมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่แรกแล้วด้วยซ้ำ!!
Pause’s Talk
“แกทำอะไรอยู่ เมื่อไรจะเริ่มแผนการสักที ” พอผมกลับมาถึงบ้าน พ่อผมก็พูดประโยคเดิมๆใส่ผมทันที ก่อนจะหยิบเหล้าชั้นดีที่ถืออยู่ในมือกระดกเข้าปากไป
ตั้งแต่ที่พ่อผมโดนไล่ออก พ่อก็เอาแต่กินเหล้า เข้าบ่อน
“จะจัดการมัน ต้องค่อยๆวางแผน อีกอย่าง เราควรรอเวลานานกว่านี้สักหน่อย ไม่งั้นมันจะไหวตัวทันว่าเป็นฝีมือของเรา”
“แล้วแกมีแผนรึยัง”
“ก็พอจะมีอยู่ แต่ผมมีเรื่องอยากให้แน่ใจกว่านี้สักหน่อย”
วันนี้ที่ไปกินข้าว ผมก็รู้สึกได้ว่าเอิงเอยต้องพิเศษอะไรสักอย่างสำหรับไอซัน ผมเห็นอาการและอ่านสายตามันออก เวลาที่เอิงยิ้มให้ผมหรือคุยกับผม
มันกำลังหึง!
เพราะฉะนั้น เอิงอาจจะเป็นจุดอ่อนของมันก็ได้ แต่ขอให้ผมมั่นใจกว่านี้สักหน่อยดีกว่า
“ดี!! แกเป็นความหวังของพ่อ แก้แค้นให้พ่อด้วย”
“ครับ”
ระหว่างนั้นเอง แพรวาน้องสาวผมก็กลับเข้าบ้านมา
“แกมาก็ดีเลย เสี่ยทรงพลเขาสนใจแก พ่อว่..”
“พ่อ หนูบอกกี่ครั้งแล้ว ว่าหนูไม่ทำ พ่อจะขายหนูให้คนอื่นแบบนี้ไม่ได้นะ!!”
ตั้งแต่ที่พ่อติดการพนัน พ่อก็เริ่มสร้างหนี้กับเสี่ยทรงพล แล้วไอเสี่ยนั่นก็ชอบยัยแพรวา ด้วยความที่แพรวาไม่ใช่ลูกของพ่อจริงๆ แพรเป็นแค่ลูกที่แม่ผมรับมาเลี้ยง ทำให้พ่อไม่สนใจเธอ จนสามารถเอาแพรไปขายปลดหนี้ได้แบบนี้.. แต่สำหรับผม ยังไงซะเธอก็คือน้องสาว คือสมาชิกในครอบครัวของผม
“พ่อ! ผมบอกแล้วไงว่าอย่าทำแบบนี้ พ่อขาดเท่าไร ให้บอกผม อย่าส่งยัยแพรไปให้ใคร”
“เราไม่ได้มีเงินมากมาย ในเมื่อน้องแกช่วยแบ่งเบาได้ มันก็ควรทำ”
“ไม่ หนูไม่ทำ!!” แพรวาร้องไห้วิ่งขึ้นห้องไป พร้อมกับพ่อที่เดินตามไปติดๆ
“แก ไอลูกอกตัญญู! เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ”
ผมได้แต่ยืนมองข้างล่าง พร้อมกับกำหมัดไว้แน่น
เพราะมึง ไอซัน มึงทำให้ครอบครัวกูต้องเป็นแบบนี้!