บทที่ 13 จนแล้วไง หนักส่วนไหนของคุณมิทราบ   1/    
已经是第一章了
บทที่ 13 จนแล้วไง หนักส่วนไหนของคุณมิทราบ
ปรารถนานั่งคอแข็ง กลั้นก้อนสะอื้นที่แล่นขึ้นมาจุกอกด้วยความลำบาก หลังมื้อเที่ยง ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเป็นชิ้นเป็นอันนอกจากน้ำเปล่า ทั้งยังต้องวิ่งขึ้นลงสถานีรถไฟฟ้าเป็นว่าเล่น กลับต้องมาเจอกับผู้ชายพรรค์นี้อีก “รินน้ำให้หน่อยสิ” เขาสั่ง มือยังตักอาหารเข้าปากแบบไม่ทุกข์ร้อน ไม่มีทาง หญิงสาวยังนั่งเฉย ทำเหมือนไม่ได้ยิน “นี่! เป็นเด็กเสิร์ฟไม่ใช่หรือไง! หรืออยากจะกลับบ้านมือเปล่า” เขาถลึงตาขู่ เมื่อเธอใช้ความเงียบเป็นการต่อต้าน หญิงสาวจำต้องรินน้ำใส่แก้วให้เขาตามสั่ง ชายหนุ่มฝืนกินไปอีกไม่ถึงสามคำก็วางช้อน ความจริงเขาอิ่มจนอยากจะอาเจียน เพราะกินมาแล้วถึงสองครั้งในสองชั่วโมง ทว่าอยากจะดูน้ำหน้ายัยลูกหมานี่สักหน่อย เธอนั่งตัวตรง จนเขานึกว่ากำลังนั่งอยู่กับไม้บรรทัด ทำสีหน้าเฉยเมยเหมือนหุ่นยนต์เหมือนวันที่เธอไปรับออเดอร์ที่ร้านไม่มีผิด “ขอมือถือคืนด้วยค่ะ” เมื่อเขากินเสร็จแล้ว ปรารถนาก็หันมาเริ่มทันที เหลือบมองนาฬิกาบนผนังแล้วถอนใจ เพราะใกล้จะสี่ทุ่มแล้ว ให้ตาย! พูดเป็นอยู่ประโยคเดียวหรือไง เขาสบถในใจ “จะรีบร้อนอะไรนักหนา ฉันกำลังนั่งย่อยอยู่นี่เห็นไหม” “ถ้า...ถ้าคุณไม่ให้คืน ฉะ...ฉันจะแจ้งตำรวจ” ติณณ์เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะหัวเราะออกมาราวกับขบขันเสียเต็มประดา “ฮ่าๆๆๆๆ แจ้งตำรวจ? นี่เธอสติดีอยู่หรือเปล่า ตำรวจที่ไหนจะรับแจ้งความ ฮึ? โทรศัพท์หาย? ไหนล่ะ? โอ้! โทรศัพท์เลี่ยมทองหรือ? เครื่องละกี่แสน แล้วก็...เธอทำมันหลุดมือเองนะ ฉันไม่ได้ขโมยมันเสียหน่อย” “คุณ...” เธอจุกจนพูดไม่ออก เมื่อถูกพูดจาดูถูกดูแคลน น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้เอ่อล้นออกมาอาบแก้ม ป่านนี้แม่...คงจะเป็นห่วง และกดโทรศัพท์หาเธอแน่ๆ เจ็บใจเหลือเกิน! ที่ต้องมาร้องไห้เพราะคนพรรค์นี้ ต่อหน้าคนพรรค์นี้... “ฉันจะบอกเธอให้นะ...ผู้หญิงที่ไม่ได้เกิดมาพร้อมความสวยอย่างเธอ ถึงจะพูดได้สิบภาษาก็ไม่มีประโยชน์หรอก ที่คุณชายเขาพูดว่าจะจีบเธอน่ะ มันก็แค่การล่อลวงเธอไปใช้งาน คิดว่าเขาจะพิศวาสลูกหมาอย่างเธอหรือ? หึ...เธอคิดว่าเธอเป็นใคร พวกฉันเป็นใคร ลมหายใจของพวกฉันคือธุรกิจร้อยล้านพันล้าน ไม่ได้หาเงินโดยใช้ร่างกายเข้าแลก จะบอกให้นะ! ซินเดอเรลล่าน่ะ...มันก็แค่นิทานหลอกเด็ก!” สิ้นคำสบประมาทอันยาวเหยียดของเขา ปรารถนาก็ปาดน้ำตาที่ร่วงเผาะ สูดลมหายใจเข้าจนสุดปอด “พูดจบหรือยังคะ?” “ยัง” “แต่ฉันจบแล้วค่ะ” หญิงสาวลุกขึ้นยืน ทั้งทำในสิ่งที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่คาดคิด นั่นคือตบหน้าชายหนุ่มดังฉาด! ผลคือ...ติณณ์หน้าหัน ปรากฏสีแดงลายฝ่ามือขึ้นตรงแก้ม และคนหันมามองกันทั้งร้าน! ความเงียบปรากฏชั่วอึดใจ ทุกคนต่างตกตะลึงกับภาพสาวแว่นสุดเฉิ่มที่น้ำตานองเต็มสองแก้ม กับหนุ่มหล่อในชุดสูทที่ถูกน็อกด้วยฝ่ามือพิฆาต แล้วเธอก็ทำให้โลกตะลึงอีกเป็นครั้งที่สอง ด้วยการเดินเข้าไปหาฝ่ายตรงข้าม แล้วจัดการล้วงกระเป๋าเขาจนหมด ทั้งสูท เสื้อโปโล รวมทั้งกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง ท่ามกลางเสียงฮือฮาเอ็ดอึง เมื่อได้โทรศัพท์ ปรารถนาก็ยัดมันใส่กระเป๋าสะพาย ก่อนจะบริภาษเขาทั้งน้ำตานองหน้า “คุณจะเรียกฉันว่าลูกหมาหรือหมาฉันก็ไม่สน ฉันจนแล้วไง! ฉันขี้เหร่แล้วไง! มันไปหนักส่วนไหนของคุณมิทราบ! รู้ไว้ด้วยนะ...ไม่ใช่แค่คุณที่เกลียดฉัน ฉันเองก็เกลียดคุณเหมือนกัน!” เธอหยุดหอบและปาดน้ำตา ก่อนจะทิ้งระเบิดลูกสุดท้ายว่า “ไอ้คุณตีนเอ๊ย!” วังบดินทร์ภักดิ์ เมื่อก้าวเข้ามาในห้องรับแขก กรภัทรก็ต้องถอนหายใจเฮือกอีกเป็นคำรบสอง เมื่อพบว่าความว่างเปล่าที่เคยคุ้น ถูกแทนที่ด้วยเงาดำทะมึน เงาดำที่ว่า คือหม่อมวิลาวัน และอีกคน...กวินตรา ไม่คิดว่าเธอจะตามมาถึงที่นี่ “คุณเล็ก!” ทันทีที่เห็นเขา หม่อมวิลาวัณก็ร้องเรียกเสียงแหลม และทำให้หญิงสาวอีกคนพลอยตื่นเต้นตามไปด้วย “สวัสดีครับแม่” เขาหอมแก้มมารดาทั้งสองข้าง แล้วถอยห่างออกมา “วันนี้ทำไมกลับดึกจังลูก?” เขายังไม่ตอบคำถาม แต่หันไปมองกวินตรา ซึ่งพอเห็นเขาก็หลบตาวูบ เธอคงแจ้นมาฟ้องแม่ ว่าถูกเขาทิ้งไว้ที่ร้าน คิดแล้วก็สยองกับคำพูดที่ติณณ์เตือนสติเมื่อตอนค่ำ “ผมไปทานข้าวกับติณณ์มาน่ะครับ” “อ๊ะ! หม่อมอาขา...นี่ก็ดึกแล้ว กวินคงต้องขอตัวกลับก่อนนะคะ” กวินตราร้อนตัว เพราะดูเหมือนเขาจะอารมณ์ไม่ดีและไม่อยากคุยกับเธอเท่าใดนัก และเหมือนเขาจะรู้ว่าเธอตามเขามาจากที่ร้าน หลังจากที่เขาผลุนผลันออกไปตามหลังยัยแว่น นึกว่าพายัยหน้าจืดหายไปไหน ที่แท้ก็มีนัดกับติณณ์นี่เอง “แหม...กลับเร็วจัง ไว้วันหลังมาคุยกับแม่อีกนะ คุณเล็กไปส่งกวินหน่อยสิลูก” “มะ...มะ ไม่เป็นไรค่ะ” กวินตรารีบปฏิเสธเสียงรัว “ด้วยความยินดีครับ แม่เองก็ไปนอนได้แล้วนะครับ” เขาส่งยิ้มให้มารดา แล้วรุนหลังกวินตราออกไปทางประตู ทว่าภาพที่หม่อมวิลาวัณเห็น คือบุตรชายของท่านกำลังโอบเพื่อนสาวอย่างทะนุถนอม กรภัทรใช้มือเพียงข้างเดียวบังคับเพื่อนสาวให้เดินออกมาที่โรงเก็บรถ ก่อนจะปล่อยมือเมื่อพ้นหูพ้นตามารดา “กวินแค่แวะมาเยี่ยมคุณแม่คุณนะคะ ไม่มีอะไรจริงๆ” กวินตรารีบแก้ตัว “กวิน...อย่าดูถูกผม” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย และน้ำเสียงแบบนี้ล่ะ ที่กวินตรากลัวที่สุด “ผมจะพูดตรงๆ อย่าให้ผมต้องเสียเพื่อนเลยนะ ขอร้อง...อย่าบีบบังคับผมทางอ้อม” “ทำไมคะเล็ก? กวินไม่ดีตรงไหน เล็กถึงได้ปฏิเสธกวินตลอด ทั้งๆ ที่ผู้ใหญ่หวังให้เราลงเอยกัน” “เราไม่รักกัน เหตุผลแค่นี้พอหรือเปล่า?” “ไม่ใช่เราค่ะ...เล็กก็รู้ว่ากวินคิดยังไง แต่ก็เย็นชากับกวินตลอด” กวินตราน้ำตารื้นด้วยความน้อยใจ “ผมคิดว่าผมชัดเจนแล้วนะ และก็เป็นลูกผู้ชายพอที่จะไม่ให้ความหวังกับคนที่ไม่ได้รัก คุณเป็นเพื่อนที่ดี และผมอยากให้มิตรภาพของเราเป็นเช่นเดียวกับพ่อและแม่ของพวกเรา คุณกลับไปเถอะ...และอย่าตามมาจับผิดผมอีก ชีวิตผม...เป็นของผม” “แม้ว่าหม่อมอาจะขอร้องหรือคะ?” หญิงสาวยกหม่อมวิลาวัณขึ้นมาอ้าง “คุณก็เคยเห็นผมดื้อนี่...” เขาไม่แคร์ “คุณกลับไปเถอะ อ้อ! เวลาไปที่ร้าน กรุณาอย่าปั่นหัวพนักงานของผม พวกเขางานยุ่ง ไม่ว่างจะมาปรนนิบัติคุณหรอก ราตรีสวัสดิ์” กรภัทรทิ้งเพื่อนสาวไว้ข้างหลัง รวมทั้งความขุ่นข้องหมองใจที่ได้รับในค่ำคืนนี้ เขาไม่โกรธกวินตรา เพราะเธอก็เป็นเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไร และตัวเขาเองก็ไม่เคยสัญญิงสัญญาให้ความหวังกับเธอเลยสักครั้ง หม่อมแม่อาจจะเคือง ที่ไม่ได้ลูกสะใภ้ตามที่ต้องการ แต่ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ยังเป็นลูกของท่าน ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ที่เขาเป็นเด็กดี อยู่ในโอวาทของท่าน จะเกเรเรื่องหัวใจบ้างคงไม่ถือว่าอกตัญญูหรอก เขาตรงดิ่งไปยังห้องนอน วางกระเป๋าแล้วโถมตัวลงบนเตียง ก่อนจะหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมากดดูภาพถ่าย บาร์น้ำเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง อีกไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ก็สามารถเปิดให้บริการได้ พนักงานที่รับสมัครไว้จะเริ่มงานในสัปดาห์หน้า เขาไล่ดูภาพในแกลอรี่ทีละภาพด้วยความพอใจ ก่อนจะหยุดอยู่ที่ภาพของปรารถนา ซึ่งขณะนั้นกำลังก้มหน้าจดคำพูดของกวินตราลงในกระดาษโน้ต ใจที่ร้อนรุ่มคลายลง ความวิตกกังวลที่แบกรับมาจากติณณ์และกวินตรามลายไปสิ้น กลายเป็นความชุ่มฉ่ำ เยือกเย็น และสงบ “เธอคงไม่รู้สินะ ว่ามีเธอแล้ว...ฉันมีความสุขแค่ไหน”
已经是最新一章了
加载中