ตอนที่ 3
รำไพจับแขนของหญิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้เตี้ยๆเหล่มองการขัดผิวด้วยมะขามเปียกจากบ่าวสองคนอยู่ที่ท่าน้ำหลังเรือนก่อนเหลือบมองบางอย่างในมือของรำพันที่จุ่มลงในกะลาแล้วยื่นให้ข้าวที่เลิกคิ้วรับมาถือดูอย่างพิจารณา
“เนี้ยนะหรอแปรงสีฟัน คลาสสิคสุดๆ อะไหนๆฝันเหมือนจริงขนาดนี้เอาสักหน่อยตามน้ำ นี่มันทำมาจากอะไร สีฟันไปจะสะอาดหรือไง” ข้าวดมบางอย่างที่รำพันจุ่มกิ่งลงไปคน
“กิ่งข่อยเจ้าค่ะจิ้มสะตุเกลือผสมสะตุสารส้ม แม่หญิงคงได้รับการกระทบกระเทือนหนัก ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ บ่าวจะดูแลแม่หญิงตามที่แม่นายสั่งเองเจ้าค่ะ” รำพันตอบกลับอย่างฉะฉานตักน้ำที่โอ่งด้วยขันสัมฤทธิ์อาบให้ข้าวที่เลิกคิ้วมองโดยทั่วอย่างพยายามเล่นตามน้ำและปรับตัว
หลังจากเช็ดเนื้อตัวขึ้นเรือนพรมน้ำอบทั่วตัวก่อนสวมใส่ผ้าให้เข้ากับยุคสมัยอย่างงงๆ ข้าวยกแขนขึ้นสูดดมอย่างหอมหวนชวนดมด้วยรอยยิ้มก่อนมองรำเพยขยับตัวเข้ามาหวีผมให้อย่างแปลกใจกับเส้นผมที่ไม่เหมือนคนทั่วไป รำไพสวมกำไลเงินให้ข้าวที่เลื่อนมืออีกข้างลูบจูงกระเบนที่ปกปิดช่วงล่าง
“นี่แน่นแล้วใช่ไหม” ข้าวลุกขึ้นหลังเสร็จมองจูงกระเบนกับสไบสีสดใสเหล่มองบ่าวสามคนที่นั่งมองหน้ากันอยู่ด้านหลังก่อนตอบอย่างพร้อมเพรียง
“เจ้าค่ะ”
“ในเมื่อไม่หลุดจากฝัน เห็นทีต้องหาเรื่องสนุกทำซะแล้ว ดีเหมือนกันจะได้รู้ว่ายุคก่อนเขาทำอะไรกันบ้าง” ข้าวยกมุมปากฉีกยิ้มเปิดประตูเดินออกมานอกห้องกวาดสายตามองบ่าวรับใช้ปัดกวาดถูเรือนหลีกทางให้ข้าวอย่างหวั่นเกรงโดยมีบ่าวสามคนเดินตามติดๆ
“แม่จันทร์หอม” เสียงหวานหูเรียกขึ้นเมื่อเห็นข้าวเดินผ่านหน้าแท่นที่นั่งกลางเรือนใหญ่ บ่าวสามคนนั่งลงหมอบทันทีเมื่อเห็นคนที่เอ่ยทัก ข้าวหันมองสร้อยทองนั่งร้อยมาลัยด้วยรอยยิ้ม
“มาลัยงั้นหรอ” ข้าวมองในมือของหญิงสาวก่อนหลับตานึกย้อนในสิ่งที่เคยฝันภาพสร้อยทองสอนเด็กผู้หญิงร้อยมาลัยปรากฏขึ้นในหัวก่อนหยุดยิ้มยกมือจับแขนสัมผัสความอบอุ่นที่สื่อมาถึงภายนอก ข้าวลืมตามองสร้อยทองแล้วเดินเข้ามานั่งลงข้างๆด้วยรอยยิ้ม
“พี่สาว”
“จะออกไปไหนรึ รอสักประเดี๋ยวได้หรือไม่” สร้อยทองมองหน้าข้าวพร้อมจับมือด้วยรอยยิ้มก่อนมองชายกำยำผู้เป็นบ่าวรับใช้เดินขึ้นบันไดเข้ามารายงาน
“ท่านขุนรออยู่ที่ท่าน้ำแล้วขอรับ”
“อืม ไปกันเถอะ” สร้อยทองวางเข็มร้อยมาลัยลงแล้วลุกขึ้นจับมือข้าวลุกให้เดินตามลงจากเรือนไม้ โดยมีบ่าวรับใช้ห้าคนตามไปสามในห้าคือรำไพ รำเพยและรำพัน ข้าวเดินมาที่ท่าน้ำมองเรือพายรออยู่ที่ท่าก่อนมองสบตาชายหนุ่มสูงล่ำราวกับพระเอกจากหนังร้อยล้านหันกลับมารับไหว้สร้อยทองเป็นการทักทายก่อนเหลือบมองข้าวที่ยืนนิ่งยกมือกอดอกเลิกคิ้วเบี่ยงหน้ามองทางอื่น
“แม่จันทร์หอม” สร้อยทองหันมองข้าวให้ไหว้ทักทายตามประเพณีแม้ตัวเธอจะรู้ดีว่าควรทำสิ่งใดแต่มือไม้ก็ไม่ได้อ่อนตามสิ่งที่สร้อยทองอยากให้ทำ สองมือพนมประกบยกขึ้นเหนือหัว
“ไหว้ก็ไหว้”
“อย่าได้ถือสาแม่จันทร์หอม ผลกระทบกระเทือนอาจสาหัส กลับมาครบสามสิบสองนับว่าบุญมาก”
“น้ำอาจเข้าสมองมากไปหน่อยก็เลยไม่มีมารยาทเท่าไหร่ ว่าแต่มาทำไมนักหนาเรือนนี้มีแต่ผู้หญิง มาจีบใครงั้นหรอ” ข้าวย้อนกลับเท้าเอวมองหน้าภาพย์ที่ขมวดคิ้วขยับเข้ามาใกล้พร้อมก้มหน้าลงมาสบตาเธอช้าๆ
“กิริยาปากคอเราะร้ายได้แต่ใดมารึแม่จันทร์หอมของพี่” คำพูดรื่นหูจนข้าวแยกไม่ออกว่านี่คือคำชมเชยหรือหลอกด่า เธอขมวดคิ้วจ้องหน้ากลับอย่างไม่ยอมแพ้และเขินอาย
“พี่สาวฉันมีคนเดียว”
“หืม ถูกของเจ้า” ภาพย์ยิ้มกริ่มขยับตัวออกห่างหันมายิ้มให้สร้อยทองที่มองทั้งสองด้วยรอยยิ้ม “ไปกันเลยหรือไม่แม่สร้อยทอง”
“รีบไปกันเสียดีกว่า ใกล้เลยเวลาเพลพระคุณเจ้าแล้ว” สร้อยทองตอบกลับด้วยเสียงหวานหูน่าฟังผิดกับข้าวที่กิริยาต่างกันราวกับฟ้าและเหว ภาพย์ก้าวลงเรือก่อนยื่นมือหาข้าวเพื่อรอรับเธอให้ก้าวลงเรือ สร้อยทองมองท่าทางชายหนุ่มก่อนมองผู้ได้ชื่อว่าเป็นน้องสาวช้าๆ แต่ข้าวกลับยกไหล่ก้าวลงเรือโดยไม่พึ่งพาชายหนุ่มที่ยิ้มกริ่มหันมายื่นมือรับมือสร้อยทองพาลงเรือ ข้าวรับร่มจากบ่าวกางออกบังแดดนั่งด้านหลังสร้อยทองที่ประชันหน้ากับภาพย์ แก้วบ่าวรับใช้ของภาพย์ลงเรือพ่ายออกจากท่า สายตาของข้าวมองบ่าวในเรือนสร้อยทองลงเรืออีกลำแล้วพายตามมา
“พระคุณเจ้า พระสินะ” ข้าวมองสายน้ำก่อนมองเรือพ่ายสวนไปมาบรรยากาศกลิ่นอายความเก่าทำเธอสัมผัสได้
“พระคุณเจ้าพระอาจารย์พี่เอง” ภาพย์เอ่ยขึ้นลอยๆหวังเข้าหูคนที่นั่งคิดอยู่ ข้าวเงยหน้ามองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามหน้าสร้อยทอง
“คนดีพระคุ้มครองว่างั้นเถอะ หึ ผู้ชายสมัยนี้ต่างจากปัจจุบันตรงไหน อ่อ ก็ไม่แปลกบรรพบุรุษ” ข้าวแบะปากหมุนร่มเล่นอย่างเบื่อหน่าย ภาพย์มองผ่านศีรษะหญิงตรงหน้าไปยังหญิงด้านหลังด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่มเพลินใจจนสร้อยทองจับสังเกตได้เงยหน้ามองชายตรงหน้าก่อนเหลียวมองหญิงด้านหลังอย่างเข้าใจ
“แม่จันทร์หอมต้องไปพบพระคุณเจ้า เพื่อเป็นที่ไขข้อข้องใจแด่ชาวบ้านจากเรือล่มว่าเจ้ายังมีลมหายใจ หาใช่ผีห่าอันใดไม่” สร้อยทองกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้ม
“เอ้าคดีพลิกสรุปฉันตายหรอเนี้ย เหอะ ฝันเป็นเรื่องเป็นราว” ข้าวยิ้มแหยๆส่ายหน้าไปมาไม่สนใจคำพูดที่สร้อยทองจะสื่อแม้แต่น้อย แก้วพายเรือเข้ามาที่ท่าใหญ่ผู้คนมากมายหันมองหญิงที่กำลังเดินขึ้นมายืนบนท่ากวาดสายตามองรอบก่อนจับสายตาที่จับจ้องพร้อมซุบซิบนินทา
“สมเป็นชาวบ้านปากตลาดจริงๆ” ข้าวยืนกอดอกปรายตามองชาวบ้านที่ลอบมองอยู่ห่างๆโดยมีรำไพถือร่มให้ก่อนโผงผางตะโกนมองหน้าชาวบ้านทั้งหมด “อยากโดนหักคอหรือไงระวังปากจะมีสี ผีที่ไหนยืนตอนกลางวันให้แดดส่อง งี่เง่าสิ้นดี!”
“แม่จันทร์หอม เหตุใดถึงแสดงกิริยาไม่ดีไม่งามเช่นนี้ รู้หรือไม่ปลาหมอมักจะตายเพราะปาก” ภาพย์หันมาห้ามปรามข้าวเมื่อได้ยินเสียงตะโกน สร้อยทองเข้ามาลูบแขนข้าวในเชิงห้ามแต่ไม่ได้เอ่ยปากต่อว่าใดๆ
“ไม่ตายแล้วจะได้กินไหม อร่อยดีไม่ใช่หรอพ่อพระเอก” ข้าวยกมุมปากเหยียดยิ้มอย่างไม่สนใจ สร้อยทองรีบพาเธอเดินออกจากท่าเรือทันที ภาพย์ผ่อนลมหายใจยาวมองตามก่อนเดินนำบ่าวทั้งหมดตามไป ชาวบ้านหลีกทางให้ข้าวที่เดินนำบ่าวรับใช้สามคนของตนอย่างไม่เกรงใครหน้าไหนจนมาถึงวัดใหญ่ กลิ่นอายความเก่าแก่ลอยแตะจมูกชวนให้ก้าวเข้าไปกราบไหว้ด้านใน ภาพย์นำหญิงสาวสองคนเข้ามากราบไหว้พระภิกษุสงฆ์วัยกลางคนที่นั่งทำสมาธิอยู่หน้าพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ข้าวกวาดสายตามองก่อนเลื่อนสายตามองชายผ้าเหลือง
“ที่จากมาไม่มีอย่างนั้นหรือ” พระภิกษุลืมตาขึ้นมองมาทางข้าวที่เลิกคิ้วฉงนนั่งอยู่ข้างสร้อยทองด้านหลังภาพย์
“พระอาจารย์กำลังหมายถึงสิ่งใดหรือ” ภาพย์ขมวดคิ้วสงสัย
“ไม่มีความบังเอิญใดเกิดขึ้นโดยไร้เหตุผล ในเมื่อมาแล้วควรเรียนรู้และยอมรับสิ่งนั้นคือสิ่งที่ควรกระทำ”
“ไม่ใช่ฝันหรือค่ะ” ความข้องใจเริ่มทำข้าวสงสัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“รูป รส กลิ่น เสียง สี่สัมผัสจักแสดงให้รู้แจ้ง ตอนนี้ได้กี่สัมผัสแล้วเล่า” พระภิกษุเอ่ยย้ำย้อนถามข้าวที่นิ่งคิดเลื่อนสายตาลงมองตนเองก่อนกระเถิบถอยหลังวิ่งออกไปด้านนอกสูดกลิ่นอายธรรมชาติเงยหน้ามองท้องฟ้าก่อนได้ยินเสียงนกร้องเจื้อยแจ้ว
“เป็นเช่นไร ครบแล้วหรือยัง” พระภิกษุก้าวเดินนำภาพย์กับสร้อยทองออกมามองข้าวที่หันหลังกลับนิ่งคิด
“หมายความว่าอย่างไรหรือเจ้าคะพระคุณเจ้า” สร้อยทองยกมือพนมเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ไม่มีอันใดหรอกโยม ไม่มีอันใดน่าเป็นห่วงดวงชะตาโยมจันทร์หอมราวกับเกิดใหม่ เมื่อมีโอกาสเรียนรู้จงแก้ไขให้ลุล่วงดั่งที่หวังให้จงได้ อาตมาคงไม่ต้องตรวจดวงชะตาอันใดมาก คิดว่าโยมจันทร์หอมนั้นรู้ตนดีแล้ว” พระภิกษุหมุนตัวกลับเดินอย่างสำรวมจากไป ภาพย์กับสร้อยทองนั่งลงกราบลาก่อนที่ข้าวจะลดตัวลงนั่งพับเพียบยกมือกราบอย่างนิ่งคิดก่อนลุกขึ้นมองหน้าสร้อยทองที่หันมองกับภาพย์อย่างไม่เข้าใจ