ตอนที่ 11
ข้าวเปิดประตูแง้มมองซ้ายมองขวาแต่เช้าตรู่ก่อนก้าวขาออกมายืนบิดขี้เกียจผมเผ้าพันกันยุ่งเดินไปที่บันไดไม่สนใจบ่าวที่ถูเรือนวิ่งลงบันไดทันที รำพันเดินถือกระโถนอันใหม่เข้ามาในห้องก่อนหันรีหันขวางงุนงงกับประตูที่เปิดอ้าต้อนรับ รำเพยถือตะกร้าผ้าที่เก็บหลังตากแห้งเข้ามาในห้องมองคนที่เข้ามาก่อนอย่างแปลกใจ
“หาอันใดรึ”
“แม่หญิงไปไหนเอ็งเห็นหรือไม่” รำพันวางกระโถนลงที่พื้นเท้าเอวจ้องหน้ารำเพย
“ข้าตามหลังเอ็งมาข้าจะเห็นได้อย่างไรกัน หรือว่า…”
“ว่ากระไร เอ็งนี่เลี้ยงเสียข้าวสุก” รำพันสะบัดหน้าเชิดรีบเดินไปตามหาเจ้านายทันที
“รอข้าด้วยสิ” รำเพยวางของลงแล้ววิ่งตามไปอีกคน
ต้นโพธิ์ใหญ่สูงตระหง่านหลังเรือนสะกดสายตาข้าวที่ยืนหมุนเอวออกกำลังกายค่อยๆกระโดดตบอย่างระวังว่าจูงกระเบนที่สวมใส่กับผ้ารัดอกจะหลุดออก
“แม่หญิงเจ้าคะ แม่หญิง” เสียงรำพันตะโกนหาพร้อมเดินเข้ามาหยุดชะงักรีบเข้าไปกอดเอวข้าวป้องกันผ้าที่นุ่งอยู่ทำทีจะหลุด ข้าวหยุดกระทันหันหน้าเกือบทิ่มก้มมองรำพันที่จับผ้าไว้ม้วนเก็บรัดให้แน่นกว่าเดิมก่อนปล่อยมือออก
“อาบน้ำเถิดเจ้าค่ะ รำไพรอที่ท่าน้ำแล้ว ประเดี๋ยวท่านขุนจะมานะเจ้าคะ”
“มาอีกแล้วหรอ มาทำไมนักหนา”
“เป็นคู่หมายไปมาหาสู่กันก็ไม่แปลกนี่เจ้าคะ” รำพันตอบกลับอย่างงุนงงกับคำพูดคำจาของนาย
“ก็รู้แต่ห่างบ้างก็ได้ เจอทุกวันน่ารำคาญตาย” ข้าวส่ายหน้าไปมาอย่างหงุดหงิดเดินตามรำพันไปที่ท่าน้ำที่มีรำไพรออยู่การขัดตัวได้เริ่มขึ้น ข้าวนั่งลงที่เก้าอี้ไม้ตัวเล็กหลังจากเปลี่ยนเป็นผ้ากระโจมอกขมวดคิ้วมองการราดน้ำของบ่าวก่อนเลื่อนสายตามองสายน้ำที่แน่นิ่งแล้วมองพื้นไม้อย่างนึกบางอย่างออก
“ฉัน ข้า ข้าต้องการแรงงานช่วยตามทาสที่เป็นผู้ชายมาหาที่นี่ด้วย”
“แต่แม่หญิงต้องผลัดผ้าเรียบร้อยก่อนนะเจ้าคะ” รำไพมองฉงน
“อืม รู้แล้วหลังจากแต่งตัวเสร็จนั่นแหละ ฉันจะให้ทำห้องน้ำ ไม่ไหวหรอกขืนอาบน้ำแบบนี้ทุกวันเปลืองตัวแย่”
“เจ้าค่ะ” รำไพกับรำพันขานรับพร้อมกันแม้จะงุนงงสงสัยแต่ไม่อาจถาม ข้าวลุกขึ้นหลังจากอาบน้ำเสร็จถูกรำไพคลุมผ้าเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้แล้วเดินขึ้นเรือนเข้าห้อง
สร้อยทองเดินออกมาจากหลังเรือนที่เป็นครัวใหญ่นำบ่าวยกอาหารทั้งของคาวของหวานใส่พานลงไปรอที่ท่าน้ำส่วนตนเหลียวมองห้องที่มีเสียงเอะอะเล็ดลอดออกมา รอยยิ้มผุดขึ้นมาบนใบหน้าเรียวงามได้รูปเดินเข้ามาเคาะประตูเรียกคนด้านใน
“แม่จันทร์หอมตื่นแล้วรึ ใส่บาตรกับข้าหรือไม่”
“ใส่บาตรหรอ ใส่ด้วย” ข้าวตะโกนตอบกลับก่อนเดินคลุกคลักเร่งรีบกระชากประตูออกขยับสไบด้วยรอยยิ้มพร้อมจูงกระเบนที่ผูกแน่น
“ยังไม่เรียบร้อยเลยเจ้าคะ” รำไพถือหวีงาช้างเข้ามาสางให้นายที่อยู่ไม่สุข ข้าวขมวดคิ้วยกมือจับหวีมาสางเองแบบลวกๆแล้วส่งหวีให้รำไพจับมือสร้อยทองพาเดินลงเรือน
สร้อยทองนั่งลงริมท่าโดยมีข้าวนั่งต่อท้ายและเรียงต่อไปคือทาสบริวารคอยส่งสำรับให้นายตักบาตรทางเรือ ข้าวมองเรือพระภิกษุสงฆ์พายเข้ามาด้วยรอยยิ้มก่อนยกมือพนมนิมนต์พระภิกษุสงฆ์เข้าท่า
“นิมนต์พระคุณเจ้า” สร้อยทองรับของใส่บาตรจากมือข้าวที่ยิ้มกริ่ม
“กรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลนะโยม ต้องการอุทิศให้ผู้ใดจงนึกถึงผู้นั้น อย่าลืมอุทิศให้ตนเองนะโยม” พระภิกษุกล่าวขึ้นพร้อมมองหน้าข้าวที่จับแขนสร้อยทองเลิกคิ้วฉงน สร้อยทองรับคณฑีจากบ่าวมากรวดน้ำก่อนยกมือพนมขึ้นกราบลาพระภิกษุสงฆ์เช่นเดียวกับคนอื่นๆ ข้าวมองตามก่อนหันมองสร้อยทองที่ลุกขึ้นให้บ่าวนำพานไปเก็บ
“อีกประเดี๋ยวขุนภาพย์จะมาเยี่ยม ข้าฝากเรือนด้วยนะจันทร์หอม”
“อ้าว แล้วพี่จะไปไหน” ข้าวถามกลับทันทีอย่างแปลกใจ
“ข้าต้องไปเยี่ยมแม่ปิ่น”
“แม่ปิ่นไหนไปด้วยไม่ได้หรอ” ข้าวทำหน้างอ
“เจ้าต้องอยู่รับขุนภาพย์หากเรือนไม่มีเจ้าเรือนอยู่เห็นทีไม่ดีนัก แม่ปิ่นเพิ่งคลอดบุตรข้าจักต้องไปเยี่ยมปะหนึ่งพบมิตรสหายเก่าแก่นานแล้วที่ไม่พบกัน”
“ให้ตายเถอะแค่รับอีตาขุนต้องรออย่างกับรับเสด็จ วิเศษมาจากไหนเนี้ย มาอยู่ได้” ข้าวเท้าเอวบ่นหัวเสียไม่พอใจ
“อุทานเยี่ยงนี้ไม่ดีไม่งามเลยนะแม่จันทร์หอม แม้เจ้าจะจำไม่ได้ว่าระหว่างเจ้ากับขุนภาพย์สนิทสนมกันเพียงใดแต่เจ้าก็ไม่ควรกล่าววาจาเช่นนี้ เจ้าเป็นหญิงจักเสียหายแลดูไม่ดี”
“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ รีบไปรีบมานะพี่” ข้าวลดมือลงวางข้างลำตัวมองสร้อยทองที่จับบ่าเธอด้วยรอยยิ้มก่อนก้าวลงเรือที่บ่าวดึงเข้ามาเทียบท่าตามด้วยบ่าวสี่ห้าคนออกจากท่าไป ข้าวถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนเลิกคิ้วมองเรือของภาพย์พายเข้ามาเทียบท่าต่อ
“ท่านขุนขอรับแม่หญิงมารอรับทูลหัวของบ่าวแต่เช้าตรู่เลยขอรับ” แก้วพายเรือเข้ามาด้วยสีหน้าระรื่น ภาพย์ยิ้มกริ่มมองหน้าหญิงที่ยืนกอดอกอยู่บนท่า “เชิญขอรับทูลหัวของบ่าว”
ข้าวเลิกคิ้วฉีกยิ้มชอบใจกับคำเชื้อเชิญของแก้วก่อนเงยหน้ามองภาพย์เดินขึ้นมายืนอยู่ตรงหน้าช้าๆความสูงล่ำสมชายชาตรีทำให้เธอต้องเลื่อนสายตามองไปทางอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงเสน่ห์ในตัวชายหนุ่ม
“ไม่สบายหรือแม่จันทร์หอม”
“อะไรเปล่าสักหน่อย ปกติ” ข้าวเลิกคิ้วตอบกลับแต่ไม่มองหน้าเขา
“แก้มเจ้าแดงราวกับลูกตำลึง เช่นนี้จะให้พี่คิดเช่นไร” คำกล่าวของภาพย์ทำข้าวยกมือจับแก้มตวัดหางตามองเขาทันที ภาพย์อมยิ้มมองท่าทีของเธออย่างชอบใจ
“ลูกตำลึงเป็นยังไง ลูกเขียวนะหรอคงตายแล้วมั้ง” ข้าวลดมือลงเชิดใส่เอามือกอดอก
“พยศราวกับม้าศึก หากเจ้าออกรบคงได้รับชัย” ภาพย์โน้มหน้าลงมามองหน้าหญิงสาวใกล้จนเห็นแก้มใสกับริมฝีปากที่เอิบอิ่มอมชมพูชัดเจนก่อนเลื่อนสายตาสบกับเจ้าของดวงตาคมดุ รอยยิ้มกรุ้มกริ่มส่งหาข้าวช้าๆก่อนก้าวถอยห่างทิ้งระยะห่างให้หญิงสาวหายใจหายคอสะดวก ข้าวยกมือลูบอกลดสายตามองพื้นไม้อย่างประหม่าถอนหายใจตั้งสติก่อนเหลือบเห็นเท้าที่ก้าวเข้าใกล้เล่นงานเธออีกรอบพาหัวใจเต้นแรงไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“เชิญเข้าไปในเรือน” ข้าวขมวดคิ้วก้มหน้าหมุนตัวเดินมองพื้นนำหน้าไป ภาพย์มองตามก่อนหลุดขำในลำคอรีบก้าวขาเดินตาม ปล่อยแก้วมองตามด้วยรอยยิ้มไปหาที่นั่งรอ
ข้าวก้าวขาขึ้นบันไดพลางเหล่เหลียวหลังมองคนที่เดินตามขึ้นมาติดๆอย่างอึดอัดใจก่อนมองบ่าวเดินเข้ามาวางจานใส่ผลไม้แกะสลักไว้ที่แท่นนั่งกลางเรือน หญิงสาวนั่งลงบนแท่นหยิบจานใส่ผลไม้มาหมุนดูอย่างชื่นชมก่อนที่ภาพย์จะนั่งลงข้างๆมองท่าทีของเธอจนไม่อาจละเลยสายตาได้
“ฝีมือพี่สร้อยทองแน่ ขอนะ” ข้าวหันมาบอกภาพย์ที่มองฉงน
“นี่เรือนเจ้าทุกอย่างเป็นของเจ้า ไม่ต้องขออันใดพี่ สิ่งที่เจ้าชอบพี่ยินดีจักหามาให้” คำพูดแสนคมปักเข้าอีกดอกยิ่งกว่าลูกดอกอาบยาพิษ ข้าวชะงักลดจานลงไว้บนหน้าตักสบตาชายหนุ่มที่หยิบหยอดส่งคำหวานความจริงใจไม่หยุดหย่อนแม้หญิงสาวจะโต้กลับด้วยความเฉยชาแต่เขาไม่อาจหยุดการกระทำเช่นนี้ได้
“เงาะน่าจะอร่อย” ข้าวบ่ายเบี่ยงก้มมองผลไม้แล้วหยิบเข้าปากเคี้ยวอย่างชอบอกชอบใจ
“ดีขึ้นมากหรือไม่แม่จันทร์หอม”
“อะไรคือดีขึ้น ก็ดีขึ้นเรื่อยๆต้องปรับอะไรอีกเยอะ ทำไม”
“เจ้าคุณพ่อได้ฤกษ์พิธีซัดน้ำ”
“เดี๋ยวๆๆ อะไรซัดน้ำ หมู่นี้ไม่ค่อยถูกกับน้ำ เพราะน้ำนี่ไงถึงหลุดมาอยู่นี่” ข้าวยกมือขัดภาพย์อย่างงุนงงขมวดคิ้วไม่เข้าใจ
“เราสองต่างหมั้นหมายกันมานานสิ่งที่จักเกิดขึ้นต่อไปคืออันใดเล่า เจ้าลองไตร่ตรองดูสิแม่จันทร์หอมของพี่” ภาพย์วางมือบนหน้าขายิ้มกริ่มเอียงหน้ามองหญิงคู่หมายอย่างไม่อาจเก็บอาการหยุดหยอกเย้าได้