ตอนที่377 บทสรุป   1/    
已经是第一章了
ตอนที่377 บทสรุป
ตอนที่377 บทสรุป ญาณิดากวาดตามองคนอื่นๆ ที่อยู่ในห้องอาหารนี้ ญาณิดาท่าทางสงบนิ่ง และมองพี่ชายและน้องชายที่วางตัวอยู่นอกเรื่องนี้ “ได้... พวกนายสินะที่เป็นครอบครัวของฉัน” “พี่ ผมอยากให้ทุกคนในครอบครัวได้มีชีวิตที่ดี ตอนที่พี่สามออกจากบ้านไป บรรยากาศในบ้านมันมาคุมากเลย แต่พี่ก็ยังทำเป็นไม่รับรู้ และก่อเรื่องอยู่ร่ำไป อำนาจที่มีต้องการ มันสำคัญขนาดนั้นเลยหรือ” “ที่เธอได้ขึ้นเป็นรองประธานของบริษัท เป็นเพราะเธอคือคุณหนูใหญ่ของตระกูลวีรภัทรเมธีก็เท่านั้น นอกจากฐานะนี้แล้ว เธอก็ไม่มีอะไรเลย แต่เธอกลับไม่พึงระลึกถึงจุดนี้และไม่หวงแหนมันไว้...” นรัตม์เลี่ยงสายตาไป “ไม่ใช่พวกเราที่บังคับให้เธอไป แต่เป็นเธอที่ละทิ้งครอบครัวของตัวเองก่อน” “ที่สำคัญที่สุด พี่สามไม่เคยเห็นพี่เป็นศัตรูด้วยซ้ำ แต่พี่ล่ะ แม้ว่าเธอจะเป็นคนในครอบครัวแต่พี่ก็ยังไม่รามือ ต้องเห็นเธอล่มจมเท่านั้นพี่ถึงจะสบายใจ ผมอายมากที่มีพี่สาวแบบนี้” “ผลลัพธ์ในตอนนี้คือผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้ว” พรยศส่ายหน้า การที่ต้องมาเห็นวันที่ญาณิดาตกอับ พวกเขาบอกไม่ถูกว่ารู้สึกเช่นไร เสียดาย หรือจนใจ... พวกเขาสองพี่น้องนั้นคอยนิ่งเงียบมาโดยตลอด ไม่ใช่ว่าไม่กล้าพูด แต่เพราะเป็นคนในครอบครัว ถึงได้ไม่อยากพูด ใช้ชีวิตใต้หลังคาเดียวกันมาเนิ่นนานหลายปี พวกเขาเข้าใจนิสัยของญาณิดาดี เรื่องที่เกิดขึ้น นอกจากเธอก็ไม่มีคนน่าสงสัยคนอื่นอีกแล้ว พวกเขาเลือกที่จะเย็นชา ก็เป็นเพราะญาณิดาทำเรื่องที่เลวร้ายก่อน ญาณิดาไม่คาดคิด ว่าในตอนนี้ทุกคนเอาแต่ช่วยจิดาภา เธอถูกทิ้งเสียแล้ว... “กลับบ้านเถอะ กลับไปเก็บข้าวของของเธอ” ท่านจิรชยาหันกลับมามองลูกชายของตัวเอง “แกเองก็รับผิดชอบเรื่องที่ตัวเองก่อด้วย การหนีคือการกระทำที่ขี้ขลาด” ในบ้านหลังนี้ คนที่สมควรได้รับบทลงโทษยังมีอีกคนหนึ่ง นั่นก็คือวรพล “พ่อ ผมเองก็ทรมานมาตลอด เพียงแค่ผมไม่มีความกล้าพอจะยอมรับมัน... ผมรู้ว่าผมทำร้ายทั้งสองคนขนาดไหน” “ผมเองก็จะไป... คนไม่ควรอยู่ก็คือผม” “ดี ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตระกูลวีรภัทรเมธีไม่มีแก และไม่มีญาณิดา” ท่านจิรชยาประกาศลั่น เรื่องนี้ได้มีบทสรุปแล้ว ด้วยเช่นนี้ เรื่องทั้งหมดก็ได้จบลงแล้ว กล่าวจบ ท่านจิรชยาก็รู้หมดแรงที่จะยืนหยัด มองไปทางรุจาภา และมองไปทางจิดาภา “ฉันน่าจะแก่มากแล้วจริงๆ จิดาภามาพยุงปู่หน่อย” จิดาภามองไปทางเขา ก่อนจะก้าวไปหาอย่างเงียบๆ สองคนปู่หลานเดินออกจากโรงแรมไปพร้อมกัน ในเวลานี้เอง ท่านจิรชยาก็ได้ถามคำถามเดิมขึ้นมา “เรื่องราวก็ได้รับการชี้แจงแล้ว หลานเองก็เห็น ปู่ได้เลือกทางเลือกแล้ว แล้วหลานล่ะ จะไม่รับตำแหน่งสืบทอดบริษัทLGDจริงๆ อย่างนั้นหรือ” จิดาภาก้มหน้าเล็กน้อยเพื่อหลบสายตา "คุณปู่คะ หนูมีเรื่องที่อยากจะทำค่ะ การทำงานในบริษัทนั้น ไม่ใช่ความฝันของหนูเลย ขอบคุณที่คุณปู่เห็นหนูสำคัญ แต่ว่า... ขอโทษค่ะ" “ไม่มีอะไรให้ต้องขอโทษทั้งนั้น ความจริง ปู่ก็รู้อยู่แล้วว่าความฝันจริงๆ ของหลานไม่ใช่การทำธุรกิจ ต่อจากนี้ปู่คงไม่เที่ยวไล้เที่ยวขื่อหลานอีกแล้ว” “คุณปู่คะ ความจริงแม่ของหนูก็ถือเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวนะคะ” “เด็กคนนี้ ตัวไม่รับปาก ก็เลือกดันแม่ตัวเองขึ้นแทนอย่างนั้นรึ” ท่านจิรชยามองเธออย่างมีเลศนัย “หากมีวันหนึ่ง ปู่และแม่ของหลานไม่สามารถดูแลบริษัทได้อีก หลานยังจะปฏิเสธข้อเสนออีกหรือไหม” วันนั้นยังคงอีกยาวไกล... “ไม่ได้ค่ะ” จิดาภาเงียบไปอึดใจ และอดที่จะปฏิเสธอีกไม่ได้ “ปู่จะจำสิ่งที่หลานพูดในวันนี้ไว้ ปู่เป็นหนี้หลานมากจริงๆ” ความจริงจิดาภาเข้าใจมากกว่าใครๆ ท่านจิรชยาในฐานะผู้นำเพียงคนเดียวของตระกูลวีรภัทรเมธี มีเรื่องมากมายที่ทำอะไรไม่ได้ ถึงแม้เธอจะได้รับบาดแผลมามาก แต่เมื่อเวลาผ่านไป เธอเองก็สามารถเข้าใจความลำบากของท่านจิรชยาได้ “คุณปู่คะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว ต่อจากนี้มันจะดีขึ้นค่ะ” “ปู่จะไม่บังคับให้หลานออกจากวงการอีกแล้ว แต่หลานจะต้องดูแลตัวเองให้ดี อย่าได้รับบาดเจ็บอีก ส่วนเจ้าเด็กจิรภาสนั่น... เลือกเวลาสักวันพากลับบ้านมาทานข้าวด้วยกันสิ” เขาในตอนนี้ไม่มีแรงใจจะไปใส่ใจเรื่องของเด็กๆแล้ว พวกเขาต่างมีหนทางของตัวเอง ถึงเวลาที่เขาต้องปล่อยมือแล้ว “หนูจะพาเขามาพบคุณปู่ให้เร็วที่สุดเลยค่ะ” จิดาภาลงจากรถด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เหมือนกับครั้งที่แล้ว จิรภาสรอเธออยู่ที่ไม่ไกลจากตัวเธอ เพียงแต่ความรู้สึกของพวกเขานั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว “คุณปู่อยากพบคุณค่ะ” “ผมจะกลับไปเตรียมของเยี่ยม” จิรภาสโอบไหล่ของเธอไว้แน่น “คุณประธานจิรภาสคะ คุณจะเป็นลูกเขยที่เป็นที่ชื่นชอบของผู้อาวุโสแน่ๆ ค่ะ” “นี้คุณกำลังอวยผมหรือ ไปกันเถอะ พวกเราไปรับแม่ของคุณกลับบ้านกัน” พวกเขาพูดคุยพร้อมเดินไปยังหน้าประตูโรงแรม ในเวลานั้น คนของตระกูลวีรภัทรเมธีก็ออกมาเช่นกัน รุจาภาและนรัตม์เดินตามอยู่ข้างหลัง ส่วนญาณิดาเดินข้างหน้ากับพรยศ “พี่เขย” เมื่อพรยศเห็นจิรภาส ก็รีบปรี่เข้าไปทักทายทันที แต่ก็ถูกจิดาภาขวางไว้เสียก่อน รุจาภาที่เห็นท่าทางย่ำแย่ของวรพล ก็ได้แต่ส่ายหน้า “รุจาภา ผมผิดไปแล้ว ขอโทษกับเรื่องในอดีตที่ทำกับคุณด้วย ต่อจากนี้เรื่องในบ้านคงต้องขอฝากไว้กับคุณด้วย” สายตาของวรพลนั้นเต็มไปด้วยความเสียใจ หากไม่ใช่เพราะความโลภของเขา ก็คงไม่ตกอับดั่งเช่นในวันนี้ “คุณจะมีชีวิตที่ดี แล้วผมจะกลับมาอยู่ข้างๆ คุณอีกครั้ง” เมื่อกล่าวจบ วรพลจะจากไปเพียงคนเดียวท่ามกลางความมืด แต่สายตาของญาณิดานั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชังในตอนที่มองพวกเขา “ฉันจะไม่ยอมให้จบลงเช่นนี้แน่ พวกเธอรอฉันก่อนเถอะ...” “หากจะเอาคืน มาเอาคือที่ฉัน ไม่ต้องไปยุ่งกับคนอื่น” รุจาภายืนขวางอยู่ด้านหน้าของจิดาภา “เรื่องในวันนี้ยังไม่ทำให้เธอสำนึกได้อย่างนั้นหรือ เป็นเพราะสันดานของเธอทั้งนั้นที่ทำให้เจอบทสรุปเช่นนี้ หากเธอไม่ทำเรื่องที่เลวร้ายก่อน ตระกูลวีรภัทรเมธีก็เป็นของเธอไปแล้ว” “ฉันจะกลับมาทวงคืนสิ่งที่เป็นของฉันทั้งหมด” ญาณิดากล่าวจบ ก็วิ่งจากไป พรยศที่อยู่อีกข้างอดที่จะแค่นเสียงไม่ได้ “เธอคงไม่รู้สำนึกไปตลอดชาตินั่นแหละ” และเมื่อเห็นจิรภาสกำลังจะพาจิดาภาจากไป ก็รีบวิ่งไปขอร้องกับจิดาภาในทันที “พี่สาม พี่ช่วยพูดกับพี่เขยหน่อยนะ ผมเป็นนักร้องที่มีพรสวรรค์เลยนะ ให้ผมเข้าเค.เอฟได้หรือไม่” “ทุกปีเค.เอฟจะรับสมัครเด็กฝึกอยู่แล้ว หากอยากไปจริงๆ ก็ใช้ความสามารถตัวเองผ่านการคัดเลือกมาซะ” “แล้วภาพยนตร์ของพี่ต้องการตัวประกอบฉากไหม ให้ผมแสดงเป็นคนเดินผ่านก็ทำได้” “ทุกวันไปทานข้าวที่กองถ่าย ต่อแถวเพื่อแสดงตัวประกอบที่ไม่ต้องพูดอะไรสักคำก็ยอมหรือ” จิรภาสที่อยู่ด้านข้างเอ่ยปากขึ้นมา “ถ้าข้อเสนอเช่นนี้ สามารถทำให้ได้อยู่” “จริงหรือครับ” “แต่มาตรฐานของนักแสดงประกอบของเค.เอฟนั้นสูงมาก โดยเฉพาะฉากของจิดาภา แม้แต่คนเดินผ่านที่ไม่พูดสักคำ ก็ต้องเข้าฝึกสองเดือนเช่นกัน” “ภาพยนตร์เรื่องใหม่ของพี่ผมยอดเยี่ยมมากหรือครับ แม้แต่คนเดินผ่านทางยังต้องฝึก...” พรยศยังคงถามต่อด้วยความสงสัยไม่หาย “ภาพยนตร์แนวสืบสวน ช่วงเวลาสั้นๆ นี้นายก็ต้องตั้งใจเรียนให้ดี ค่อยๆ คิดเรื่องที่จะเข้าไปวงการบันเทิง” “พวกพี่อย่าทำตัวเป็นนักข่าวกับผมเลย ผมทนความลำบากได้ และผมเป็นนักร้องที่มีพรสวรรค์จริงๆ” พรยศที่ตื่นเต้นก็เอ่ยชวนเชื่อไม่หยุด “เรื่องที่พี่ทำได้ ผมก็ทำได้ และปู่ก็ยอมให้ผมทำตามใจชอบได้แล้ว...”
已经是最新一章了
加载中