บทที่14 เรียกชื่อจริงเลย   1/    
已经是第一章了
บทที่14 เรียกชื่อจริงเลย
บทที่14 เรียกชื่อจริงเลย คำตอบของเฉียวซู่นเฉินนั้นเป็นไปตามที่ฉินจิ้งเวินคาดเดาเอาไว้ แต่หลังจากที่ได้ยินดังนั้นแล้ว ในใจก็ยังคงรู้สึกไม่สบายซักเท่าไหร่อยู่ดี แต่รู้สึกว่าความกระตือรือร้นที่ถูกเหยียบย่ำอย่างไร้ความรู้สึกแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกเป็นทุกข์ แต่เธอก็ไม่ยอมอยู่ดี “ครอบครัวของคุณฉันไม่มีสิทธิเข้าไปยุ่งหรอกค่ะ แต่คุณทำแบบนี้กับลูก จะทำให้เป็นการสร้างร่องรอยเงามืดไว้ในใจของเขาได้ ช่วงวัยเด็กมีแค่ครั้งเดียวนะคะ ทำไมคุณต้องทำให้ลูกของคุณต้องระวังตัวเองขนาดนั้นด้วย?” ฉินจิ้งเวินตอบโต้กลับไป จุดประสงค์ที่เธอคุยเรื่องนี้กับเขาก็เป็นเพราะอยากจะเห็นรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าของเฉียวจือซวนเพียงเท่านั้น อยากจะเห็นเด็กคนนี้แสดงออกหรือทำในสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำ เธอทนไม่ได้ที่จะเห็นเด็กคนนั้นต้องเก็บกด และขี้ขลาดแบบนั้น “……….” เฉียวซู่นเฉินไม่ได้พูดอะไรออกมา ดวงตาของเขานั้นมืดมน มองดูรู้ว่าเขากำลังโมโห “คุณอย่าใช้สายตาแบบนั้นมองฉันเลยค่ะ ฉันเคยบอกคุณแล้วว่าฉันไม่ใช่พนักงานของคุณ ฉันไม่ได้รับเงินเดือนจากคุณ ฉันไม่กลัวคุณอยู่แล้ว” ผู้ชายที่ฉินจิ้งเวินเคยเจอล้วนมีแต่คนที่เย็นชาราวกับตู้น้ำแข็งแบบนี้ทั้งนั้น เธอรู้สึกชินไปเสียแล้ว ดังนั้นเฉียวซู่นเฉินเป็นแบบนี้สำหรับเธอแล้วทำอะไรเธอไม่ได้เลย ฉินจิ้งเวินจึงเอ่ยพูดต่อ “ฉันรู้สึกว่าพวกคุณสองสามีภรรยาให้ลูกของคุณอยู่ในกฎระเบียบที่เข้มงวดเกินไป ซวนซวนไม่กล้าที่จะเข้าไปอยู่ใกล้ๆพวกคุณเลยด้วยซ้ำ คุณทำแบบนี้คุณควรจะคิดถึงลูกบ้างนะคะคุณรู้หรือเปล่า? วิธีการของคุณมันเป็นเหมือนกันมัดมือมัดเท้าลูกของตัวเอง จะทำให้เขาเก็บกด แล้วเด็กก็จะเกิดโรคทางจิตใจด้วยนะคะ” ฉินจิ้งเวินพูดมาถึงตรงนี้แล้วเธอจึงหยุดลง เนื่องจากว่าเฉียวซู่นเฉินยังคงจ้องมองเธออยู่ตลอด ไม่มีปฏิกิริยาใดๆกับคำพูดของเธอเลยแม้แต่นิดเดียว “พูดจบแล้วหรือ?” เฉียวซู่นเฉินมีแววตาที่ดุดันและน้ำเสียงที่เย็นชายิ่งขึ้น “ยังพูดไม่จบค่ะ เมื่อไหร่ที่คุณรู้ว่าวิธีการสอนลูกของตัวเองมีปัญหา ตอนนั้นแหละที่ฉันถึงจะหยุด.......” “อา.....คุณจะทำอะไรน่ะ?” คำพูดยั่วยุของฉินจิ้งเวินยังพูดไม่ทันจบนั้น เฉียวซู่นเฉินก็ใช้แรงดึงฉินจิ้งเวินเข้ามากอดไว้ ถ้าหากไม่มีมือของฉินจิ้งเวินที่ยันตัวเอาไว้อยู่ตรงด้านบนหน้าอกของเขานั้น ทั้งสองคนก็คงจะไม่มีช่องว่างจากกันเลย “ปล่อยฉันค่ะ คนอื่นมาเห็นเข้าฉันจะกลายเป็นอะไรไปแล้ว?” ฉินจิ้งเวินใช้แรงที่จะพยายามเอาตัวเองออกมาให้หลุดจากอ้อมกอดของเขา แต่ทว่าลองอย่างไรแล้วก็ไม่มีประโยชน์เลย “ที่นี่ไม่มีคนอื่นหรอก พื้นที่ของผมไม่มีใครกล้าเข้ามารบกวน” เฉียวซู่นเฉินเอ่ยพูดขึ้นด้วยความโอ้อวดและเอาแต่ใจ สีหน้าเย็นชา ในแววตากลับมีความอยากรู้ที่ไม่มีสาเหตุ “อย่าขยับ คุณขยับก็จะยิ่งอันตรายนะ” แววตาของเฉียวซู่นเฉินยิ่งมีความโมโหเพิ่มขึ้นด้วย ฉินจิ้งเวินดิ้นรนขยับไปมาอยู่ตลอดเวลา เช่นนี้แล้วก็ทำให้ยิ่งเข้าใกล้แนบชิดมากกว่าเดิม การดิ้นรนของเธอราวกับเป็นการเปลี่ยนรสไปเสียอย่างนั้น “คุณ...ปล่อยฉัน คุณทำแบบนี้คือคุณไม่เคารพฉันเลยนะคะ” ฉินจิ้งเวินอ่านความโมโหในแววตาของเฉียวซู่นเฉินเข้าใจแล้ว เธอจึงไม่กล้าที่จะดิ้นอีก แต่ปากก็ยังคงไม่ยอมแพ้ สถานการณ์เช่นนี้ฉินจิ้งเวินเองก็ไม่คาดคิด การได้มาสัมผัสกับเขาในระยะห่างเพียงแค่นี้ ทำให้กฎเกณฑ์การเต้นของหัวใจเธอนั้นหายไป และหัวใจที่เต้นแรงอย่างไม่มีกฎเกณฑ์เช่นนี้ทำให้เธอรู้สึกเกลียดมาก “คุณเคารพผม ผมถึงจะเคารพคุณ คุณมายุ่งกับเรื่องครอบครัวของผมนั่นก็เท่ากับว่าคุณไม่เคารพผม นี่ผมกำลังเตือนคุณเอาไว้ เตือนคุณว่าอย่ามายุ่งกับความคิดของผม” แววตาของเฉียวซู่นเฉินเย็นชาราวกับมีดที่แหลมคมบนใบหน้าอันหล่อเหลานั้น ไม่เห็นความอบอุ่นอยู่เลยแม้แต่น้อย “คุณ...คุณปล่อยฉันก่อน เดี๋ยวเด็กเห็น.....” ในใจของฉินจิ้งเวินนั้นก็รู้สึกโมโห แต่ตอนนี้ปัญหาหลักที่สุดคือเธอจะต้องหนีออกไปจากอ้อมกอดนี้ของเขาให้ได้เสียก่อน เมื่อเอ่ยถึงลูกแล้วนั้นเฉียวซู่นเฉินยอมปล่อยเธอแล้วจริงๆ บางทีเฉียวซู่นเฉินอาจจะกลัวว่ากลับบ้านไปลูกคงจะไปพูดอะไรกับภรรยาของเขาสินะ นึกถึงตรงนี้แล้วฉินจิ้งเวินที่มีความรู้สึกแปลกๆเช่นนั้นก็ได้หายไป ฉินจิ้งเวินจัดแจงเสื้อผ้าที่ยับยุ่งเหยิงของตัวเอง แล้วสงบสติอารมณ์ลง “ท่านประธานเฉียวคะ คุณเห็นว่าไม่ว่าฉันจะทำอะไรก็ล้วนแต่เป็นการที่ฉันคิดจะยั่วยวนคุณไปหมดเลยใช่ไหมคะ?” ฉินจิ้งเวินจำเป็นที่จะต้องพูดเรื่องนี้ให้เข้าใจ จะไม่ให้เขามาบิดเบือนความคิดของเธอแบบนี้ “ไม่ใช่อย่างนั้นหรือ? ตั้งแต่ครั้งแรกที่คุณเจอผมคุณก็เริ่มความทะเยอทะยานนี้ของคุณ” เฉียวซู่นเฉินมองฉินจิ้งเวินอย่างโมโห น้ำเสียงเย็นชาที่ไม่ได้เป็นการสงสัยแต่เป็นการสรุปว่าเป็นเช่นนั้น “ครั้งแรกที่ฉันเจอคุณ?” ฉินจิ้งเวินมองเฉียวซู่นเฉินอย่างเหลือเชื่อแล้วเอ่ยพูดต่อ “คุณล้อเล่นหรือไงคะ ครั้งแรกที่ฉันเจอคุณฉันไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าคุณคือใคร ฉันจะมายั่วคุณได้ยังไง?” “ไม่มีผู้หญิงคนไหนไม่รู้จักผม คุณเพียงแค่โชคดีเท่านั้นที่เจอผมบนเครื่องบิน แล้วก็เริ่มความทะเยอทะยานนั่นของคุณ เริ่มเข้าหาซวนซวน” ความเย็นชาของเฉียวซู่นเฉินนั้นปรากฏความสุขุมเยือกเย็นออกมา ราวกับทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงอย่างไรอย่างนั้น ราวกับว่าเขาสามารถมองทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่งแต่เพียงแค่ไม่ได้เปิดเผยออกมาเท่านั้น “เฉียวซู่นเฉิน คุณมีสิทธิอะไรมาพูดกับฉันแบบนี้? ตั้งแต่ครั้งแรกที่ถูกคุณสงสัย ฉันก็คอยระมัดระวังตัวเองมาตลอด จะรายงานเรื่องงานฉันก็ให้หัวหน้าฝ่ายคุณเห่าไปแทน อยากจะพาลูกออกมาเที่ยวข้างนอก ฉันก็บอกคุณแล้วว่าคุณไม่ต้องมา ทั้งที่ฉันพยายามจะหลีกจากคุณแต่คุณก็ยังมองฉันแบบนี้เฉียวซู่นเฉินในเมื่อคุณสงสัยฉันขนาดนี้ ในเมื่อในสายตาของคุณฉันเป็นผู้หญิงจอมวางแผน ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะขอให้ทางบริษัทเปลี่ยนคนตอนนี้เลยก็ได้ค่ะ” ฉินจิ้งเวินรู้สึกโมโหและร้อนใจมาก เธอไม่สนใจอะไรอีกแล้ว จึงเรียกชื่อจริงของเฉียวซู่นเฉินออกมาเลยเสียอย่างนั้น เธอไม่เคยคิดที่จะจับหรือยั่วผู้ชายคนไหนมาก่อน และสิ่งที่พูดออกมาจากปากของคนอื่นๆนั้นเธอก็ไม่ได้เป็นผู้หญิงประเภทนี้ด้วย เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเฉียวซู่นเฉินจะต้องมาใส่ร้ายเธอแบบนี้ด้วย คนอวดดี คิดว่าตัวเองมีเงินมีความสามารถ ก็สามารถจะมองใครไล่จากบนลงล่าง หรือเป็นคนควบคุมอำนาจ ใครก็จะสามารถขึ้นเตียงไปเป็นผู้หญิงของเขาได้หมดเลยหรือไงกัน? สีหน้าของเฉียวซู่นเฉินเคร่งขรึม นัยน์ตามืดดำสนิท ไม่เอ่ยพูดอะไรออกมาแต่กลับเข้าใกล้เธออีกครั้งหนึ่ง ฉินจิ้งเวินที่ได้รับบทเรียนจากครั้งที่แล้ว รู้ว่าเขาจะทำอะไร จึงรีบถอยหลังออกไป แต่ทว่าช่วงเวลาต่อมานั้นมือของเธอก็ถูกดึงเอาไว้ แล้วถูกลากออกไปจากที่เดิม “คุณปล่อยฉัน คุณจะทำอะไร?” ฉินจิ้งเวินเอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำ กลัวว่าเด็กๆที่อยู่ไม่ไกลออกไปนั้นจะได้ยินเข้า เฉียวซู่นเฉินไม่ได้สนใจคำพูดของฉินจิ้งเวินเลย เขาในตอนนี้ถูกผู้หญิงยั่วยุ ตอนนี้ไฟที่อยู่เต็มท้องของเขานั้นจะต้องถูกระบายออกมา ฉินจิ้งเวินถูกลากมายังด้านหลังของต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ขณะที่กำลังคิดว่าจะทำให้ตัวเองหลุดออกจากเฉียวซู่นเฉินได้อย่างไรนั้น เฉียวซู่นเฉินกลับก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็วแล้วจับตัวเธอยันไว้กับต้นไม้ “คุณ....คุณจะทำอะไร? ที่นี่......” ฉินจิ้งเวินรู้สึกตกใจ ตกใจกับไฟที่กำลังลุกโชนภายใต้แววตานี้ของเฉียวซู่นเฉิน เธอกลัว กลัวว่าไฟที่ลุกโชนนั้นจะกลืนเธอเข้าไป หัวใจเต้นเร็ว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอารมณ์โมโหหรือเป็นเพราะเฉียวซู่นเฉินเข้ามาใกล้เธออีกครั้งกันแน่ ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไร เธอก็รู้สึกเกลียดปฏิกิริยาตอบสนองแบบนี้ของตัวเองเป็นอย่างมาก ที่สุขุมได้ไม่มากพอ สงบนิ่งได้ไม่มากพอ ไม่ใช่ฉินจิ้งเวินที่ได้รับความเจ็บปวดมามากมายคนนั้น “ตรงนี้เด็กๆมองไม่เห็น” รอยยิ้มมุมปากที่ดูมีแผนการของเฉียวซู่นเฉินปรากฏออกมา กลับเอาความโมโหที่มีนั้นกดเอาไว้ให้อยู่ในอกแทน “คุณอยู่ห่างๆจากฉันนะ” ฉินจิ้งเวินเหลือบตาขึ้นมอง หัวใจเต้นแรง เมื่อกี้ที่เธอพูดไว้ว่าเด็กๆอาจจะเห็น เขากลับหาที่ที่เด็กๆมองไม่เห็น แล้วหลังจากนั้น..... “อยู่ไกล? ไกลแล้วจะลงโทษคุณได้ยังไงล่ะ?” ดวงตาสีเข้มของเฉียวซู่นเฉินไม่ได้ดูประหลาดใจอะไร เป็นน้ำเสียงที่เย็นชาแต่กลับมีความรู้สึกเบื่อหน่ายอยู่ด้วย มองผู้หญิงคนนี้ในระยะห่างที่ใกล้กัน ใบหน้าเล็กๆที่กำลังโมโหเสียจนกลายเป็นสีแดง นัยน์ตามีความหวาดกลัวอยู่เล็กน้อย ริมฝีปากแดงที่กำลังสั่นเทาด้วยความโมโหนี้ ทำให้เฉียวซู่นเฉินหลงทางไปเสียอย่างนั้น “คุณมีสิทธิอะไรที่จะมาลงโทษฉัน ฉันทำผิดอะไรอย่างนั้นหรือ?” ฉินจิ้งเวินยังคงเอ่ยถามต่อไป แต่เสียงของเธอนั้นยิ่งเบาลงๆ เนื่องจากว่าใบหน้าหล่อเหลานั่นของเฉียวซู่นเฉินกำลังเข้ามาใกล้เธอ ทั้งยังเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆอีกด้วย ฉินจิ้งเวินกลัวว่าลมหายใจของเธอจะรดหน้าของเขา ความรู้สึกแบบนี้ดูแนบชิดกันมากเกินไปแล้ว “คุณทำผิดอยู่สองเรื่อง หนึ่ง คือคุณเรียกชื่อของผม” สิ้นเสียงที่เอาแต่ใจของเฉียวซู่นเฉินแล้วนั้น เขาก็จูบลงที่ริมฝีปากชมพูของฉินจิ้งเวิน เขาเพียงแค่อยากจะทำให้เธอตกใจ แต่ทำไมถึงควบคุมตัวเองไม่ได้แบบนี้กัน? “อือ.....” ดวงตาเบิกกว้างของฉินจิ้งเวิน มีความตกใจอยู่ไม่น้อย เป็นความรู้สึกเหลือเชื่อ แต่คำปฏิเสธนั้นกลับไม่มีหลุดออกมาจากปากเลยแม้แต่คำเดียว เวลานั้นราวกับฉินจิ้งเวินสติหลุดไป แต่ที่มากไปกว่านั้นคือความรู้สึกโกรธและอาย เธอใช้แรงผลักเฉียวซู่นเฉินออก และตามมาด้วยฝ่ามือที่ยกขึ้นมาและปล่อยลงไปบนหน้าของเฉียวซู่นเฉินอย่างไม่ทันตั้งตัว
已经是最新一章了
加载中