บทที่ 3 อาณาจักรทมิฬ 100%
1/
บทที่ 3 อาณาจักรทมิฬ 100%
ดุจตะวันใต้เงาทราย
(
)
已经是第一章了
บทที่ 3 อาณาจักรทมิฬ 100%
สิรินดาถูกขังไว้ในเรือนรับรองหลังเล็กๆ หญิงสาวไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่พายุทะเลทรายพัดตัวเองไปตกในหลุมเธอหมดสติไป รู้สึกตัวอีกครั้งชายแปลกหน้าก็จับตัวเธอมาให้ใครที่ไหนก็ไม่รู้เหยียดหยามกล่าวหาว่าเธอเป็นคนร้ายแถมยังมองอย่างจะกินเลือดกินเนื้อทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เรือนรับรองที่อบอุ่นมีแสงจากเทียนไขทออ่อนๆ ส่องให้เห็นว่าภายในนั้นสวยงามไม่ต่างจากห้องพักของโรงแรม ติดอยู่ตรงที่เธอไม่มีสิทธิ์ออกไปไหนและยังถูกพันธนาการด้วยเชือกป่านที่คมบาดเนื้อ เตียงนอนสีน้ำตาลอ่อนของผ้าที่ไม่ได้ผ่านการฟอกและย้อมสีดูน่านอนที่สุด เป็นการตกแต่งแบบริยาร์ดที่สวยงามมาก กลิ่นหอมอ่อนๆ ดอกไม้ที่ถูกเด็ดมาลอยน้ำในอ่างทำให้คนเหนื่อยล้ารู้สึกเคลือบเคลิ้ม เปลือกตาบางเหมือนจะหนักอึ้งในทันที สิรินดาเดินไปล้มตัวลงนอนอย่างยากลำบากเพราะมือที่ถูกมัดไพล่หลังเอาไว้ทำให้หญิงสาวต้องนอนคว่ำหน้า แต่เธอก็หลับลงง่ายดายจากความเพลีย เช้าวันใหม่คฤหาสน์อัลลัยล์ต้องรีบเปิดต้อนรับหญิงสาวที่กำลังตื่นเต้นกับข่าวการจับคนร้ายที่เข้ามาหาข้อมูลของแคว้นอัลลัยล์ไปขายให้ต่างชาติ นาเดีย บัน ซีมอร์ พี่สาวของชีคคามิสรีบมาหาน้องชายเพื่อจะสอบถามเรื่องของคนร้าย “คามิส...พี่ได้ข่าวว่าจับคนลักลอบขายข้อมูลของเราได้แล้วเหรอ” “อืม สายข่าวของท่านพี่เร็วกว่าทหารของผมเยอะนะครับ” “โธ่ พี่อยากจะรู้ใจแทบขาดคนเลวคนไหนกันที่กล้าทำแบบนี้ คนของเราหรือเปล่า” เธอถามอย่างร้อนรนกังวลใจ “ไม่ใช่...ผมให้ทหารคุมตัวไว้ที่เรือนรับรองท้ายสวนดอกไม้ ถ้าอยากเห็นท่านพี่ก็ไปดูได้แต่ห้ามปล่อยเธอออกมานะ” “ธะ เธอ” นาเดียขมวดคิ้วเมื่อได้ยินสรรพนามที่น้องชายเรียกคนร้าย “ก็ใช่นะสิ...ฝากท่านพี่ด้วยแล้วกันวันนี้ผมมีธุระต้องออกไปที่เหมืองแร่ทั้งวัน อ่อขอเตือนไม่ควรใจอ่อนกับผู้ต้องสงสัยเป็นอันขาด” เขาย้ำเสียงหนักแน่น “ดะ เดี๋ยวผู้หญิงเหรอ...เป็นไปไม่ได้ พี่คิดว่าน่าจะเป็นผู้ชายนะแล้วก็ต้องทำเป็นขบวนการ โธ่คามิส” “อย่าด่วนตัดสินใจถ้าท่านพี่ยังไม่รู้จักผู้หญิงคนนั้น” ชีคคามิสทิ้งท้ายราวกับตำหนิว่าพี่สาวของเขาใจอ่อนเสมอ “คามิส...เดี๋ยวสิรอพี่ก่อน โอ๊ยพี่ไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ นะมันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ” ชีคหนุ่มจงใจทำเป็นไม่ได้ยินแล้วรีบเดินออกจากห้องทำงานไป นาเดีย บัน ซีมอร์ สตรีที่งามที่สุดในแคว้นอัลลัยล์เธอเปรียบดั่งแม่พระของประชาชนทุกคน ความสวยงดงามที่สะดุดตาและจิตใจอ่อนโยนทำให้มีชีคจากแคว้นต่างๆ ต้องการให้เธอไปเป็นชีคคาแต่หญิงสาวกลับเลือกที่จะอยู่โดดเดี่ยวเช่นนี้เพราะความเป็นห่วงน้องชาย “มาตา...พาเราไปดูหญิงคนนั้นหน่อย” “ค่ะท่านนาเดีย” มาตาก้มศีรษะอย่างนอบน้อมต่อหญิงผู้เป็นนาย หน้าเรือนรับรองที่ใช้เป็นห้องขังนักโทษ ทหารองครักษ์สองนายพร้อมอาวุธยืนเฝ้าหน้าประตู เมื่อเห็นว่าใครกำลังมาเยือนทั้งสองรีบก้มศีรษะทำความเคารพนาเดีย “เปิดประตู” “ครับท่านนาเดีย” ประตูเปิดออกแล้วนาเดียก้าวเดินอย่างมาดมั่น เธออยากจะเห็นหน้าของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ต้องสงสัย นาเดียหยุดยืนหน้าเตียงนอนเล็กๆ สายตาไล่ตั้งแต่ปลายเท้าของคนที่นอน เอวบางคอด แผ่นหลังบอบบาง จนถึงศีรษะ เธอนอนคว่ำหน้าดูแล้วคงไม่สบายตัวเท่าไรนักเพราะมือทั้งสองข้างยังถูกมัดอยู่ ดวงตากลมถึงเบิกกว้าง เมื่อเห็นร่องรอยเลือดแห้งติดอยู่ที่ข้อมือเล็กทั้งเขียวช้ำ “มาตา รีบแก้มัดให้เธอเร็วเข้า” “ค่ะท่านนาเดีย” หญิงสาวรู้สึกโกรธเคืองน้องชายจับใจ จะเป็นคนร้ายยังไงก็ไม่น่าจะใจร้ายขนาดนี้อย่างน้อยแก้มัดให้เธอได้นอนสบายบ้างก็ยังดี “เร็วสิมาตา...เธอคงจะเมื่อยแย่แล้ว” ขณะที่สาวใช้กำลังแก้มัดเชือกที่หนาแน่น ร่างบางก็ขยับตัวรับรู้การสัมผัส “จะทำอะไร” สิรินดาร้องถามด้วยเสียงแหบแห้งของคนเพิ่งตื่นนอน “อยู่เฉยๆ เรากำลังให้มาตาแก้มัดอยู่” สิรินดายอมอยู่เฉยตามคำบอกของเสียงที่ฟังดูมีอำนาจ “ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวเอ่ยขอบคุณอย่างสุภาพ ก่อนจะลูบคลำรอบข้อมือที่เขียวช้ำ ใบหน้าสวยมุ่ยอย่างเจ็บปวด เธอเอียงคอจนกล้ามเนื้อมีเสียงด้วยกรอบคลายอาการเมื่อยล้าที่ต้องท่าเดิมทั้งคืน “เธอพูดอารบิคได้มั้ย” “ไม่ได้ค่ะ...ฉันเป็นคนไทย” นาเดียมองผู้ต้องสงสัยสาวด้วยความสนใจเพราะเธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่การพูดจาดูฉะฉานไม่มีแววเกรงกลัวคนแปลกหน้าเลยซักนิด “เจ็บมากล่ะสิ...เดี๋ยวจะให้มาตาเอาสมุนไพรมาทาให้” “ไม่ต้อง ปล่อยฉันไปเถอะนะฉันไม่ได้ทำอะไรผิด” สิรินดาวิ่งเข้ามาหานาเดียโดยที่มาตาไม่ทันได้ปกป้องนายหญิงเลยซักนิด หญิงสาวจับมือนาเดียกุมเอาไว้อ้อนวอนขอร้องเธอด้วยเสียงที่เศร้า “ฉันไม่ได้ขโมยอะไรไปทั้งนั้น...เชื่อฉันเถอะ” “หยุดนะ...ปล่อยมือท่านนาเดียเดี๋ยวนี้ กล้าดียังไงมาแตะตัวท่านนาเดีย” มาตาสั่งเสียงเข้มด้วยความตกใจ แต่สิรินดาไม่สนใจ สาวใช้จึงผลักเธอล้มลง “ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจริงๆ” “ฮือๆ ทะ ท่านนาเดียคะฉันไม่ได้ทำผิดจริงๆ ฉันถูกใส่ร้าย ฮึกๆ ฮือ” คนฟังคำวิงวอนถึงกับทำอะไรไม่ถูก เธอสงสารหญิงสาวจับใจแต่เรื่องนี้ไม่ใช่หน้าที่ของผู้หญิงอย่างเธอ สภาอาวุโสคงไม่ยอมแน่ๆ ถ้าเธอจะโต้แย้งไม่เชื่อว่าหญิงสาวคนนี้เป็นคนร้ายที่ลักลอบเข้ามาขโมยข้อมูลการขุดเจาะบ่อน้ำมันให้กับต่างชาติ “อะ เอ่อเราก็อยากจะเชื่อเธอนะแต่ว่า” “ท่านนาเดีย” มาตาเตือนความใจอ่อนของนาเดีย “หิวมั้ย...เราจะให้คนเอาอาหารมาให้” นาเดียรีบเปลี่ยนเรื่องทันที “ฉันอยากออกไปจากที่นี่ ฉันอยากกลับบ้าน” “ไม่เอาน่าอย่างอแงสิ...ที่นี่ไม่น่ากลัวหรอก” นาเดียโอบไหล่คนโรยแรงไปนั่งที่เตียง “ล้างเนื้อล้างตัวซะ เดี๋ยวคนของเราจะเอาอาหารมาให้” สิรินดามองตามร่างสูงเพรียวที่สง่างามเธอกำลังเดินออกไปสั่งสาวใช้อีกคนให้นำอาหารมาให้ ใบหน้าที่คมคายไม่ต่างจากชายหนุ่มที่เธอเจอเมื่อวาน แต่จิตใจนั้นต่างกันราวฟ้ากับดิน นาเดียดูใจดีมีเมตตามากกว่าคนที่ใครก็เรียกว่าชีค “ชื่ออะไร” “สิรินดา...ฉัน สิรินดา เจมส์ ปาร์คเกอร์ นักโบราณคดี ฉันไม่ใช่คนร้ายอย่างที่ถูกกล่าวหานะคะ” “อย่าเพิ่งโวยวายสิ...มันคงไม่มีอะไรเลวร้ายหรอกเดี๋ยวเค้าสอบสวนรู้ความจริงเธอก็ถูกปล่อยตัว” “ท่านนาเดีย กลับกันเถอะค่ะ เรื่องทางนี้เป็นหน้าที่ของท่านชีคนะคะ” “รู้แล้วน่า” มาตาเตือนเธออีกครั้งเพราะกฎของที่นี่ผู้หญิงไม่มีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจใดๆ เกี่ยวกับการเมืองการปกครอง และสิรินดายังเป็นผู้ต้องสงสัยในเรื่องที่เกี่ยวกับความสำคัญของแคว้นอัลลัยล์ นาเดียสะบัดเดินออกจากเรือนรับรองอย่างไม่พอใจที่มาตาเอาแต่ขัดใจเธอ หลังจากนาเดียเดินออกไปแล้วสิรินดาก็พบว่าร่างกายของเธอบอบช้ำจากการกระแทกคราวที่ถูกพายุทะเลทรายโหมกระหน่ำพัดพาร่างเธอไปกระแทกพื้นทราย หญิงสาวขยับตัวอย่างยากลำบากเธอจัดการชำระล้างร่างกายจากคราบสิ่งสกปรกต่างๆ ก่อนจะเดินออกมาพบเสื้อผ้าชุดใหม่ อาหารคาวหวาน คงเป็นคำสั่งของนาเดียหญิงสาวคิดในใจไม่อย่างนั้นเธอคงได้ลิ้มลองเพียงข้าวเปล่าหรือเศษอาหารเป็นแน่ เสื้อผ้าชุดใหม่สวยถูกใจสิรินดาผ้าเนื้อบางเบาลายดอกไม้ที่เธอไม่รู้จักสวยสะดุดตา กระโปรงตัวยาวกรอมข้อเท้าตามสไตล์ของสาวอาหรับแต่ชุดนี้ไม่ได้ปกปิดอะไรให้มิดชิดเท่าไหร่ ความบางเบาโปร่งนั้นทำให้สามารถมองเห็นสัดส่วนของเธอเกือบชัดเจน หญิงสาวจัดการกับอาหารที่หน้าตาไม่คุ้นแต่จัดว่าอร่อยไม่แพ้อาหารในภัตคารหรูในตัวเมืองที่เธอพักอาศัย “อืม...อร่อยจังเลย” “รีบกินซะ...แม่หัวขโมยตัวแสบ” สิรินดาตกใจถ้อยคำหยาบหยามของคนที่เป็นชีค หญิงสาวหันมองใบหน้าไม่เป็นมิตรนั้นก่อนจะวางอาหารทุกอย่างลง “เอา อิ่มแล้วใช่มั้ย” “มีอะไร” “ฉันต้องสอบสวนเธอ...ตามลำพัง” ประโยคสุดท้ายชีคคามิสหันไปพูดกับอารีฟ เขาเดินออกไปพร้อมปิดประตูแน่น ชีคหนุ่มหันกลับมาสนใจเชลยของเขา ชายหนุ่มเพิ่งสังเกตเห็นว่าเธอสวมใส่เสื้อผ้าของอัลลัยล์มันสวยงามมากจนเขานิ่งไปชั่วครู่ “นี่มีอะไรก็ว่ามาสิ...มายืนมองคนอื่นอยู่ได้” เสียงแหลมทำให้ชีคหนุ่มส่ายหน้าอย่างรำคาญใจ “ใครจ้างเธอมา” คำถามแรกทำให้คิ้วเรียวขมวดเป็นปม เธอไม่แน่ใจว่าที่เขานั้นหมายถึงหัวหน้าทีมสำรวจของเธอหรือข้อกล่าวหาไร้ความปราณีของเขากันแน่ “ฉันถามไม่ได้ยินหรือไง” “ฉันเป็นนักโบราณคดี เข้ามาสำรวจสิ่งโบราณเพื่อทำงานวิจัย” คามิสเบ้ปากราวกับคำพูดนั้นเป็นการปลดเพื่อให้รอดชีวิต “แต่งเรื่องเก่งนี่...ฉันไม่เชื่อ คนของฉันเจอเธอที่บ่อน้ำมันดิบและเธออยู่ที่นั่นตลอดทั้งคืน” เธอแทบไม่ได้สังเกตเลยว่าพื้นที่ตรงนั้นเป็นบ่อน้ำมัน “เฮ้ย มันก็ต้องเป็นแบบนั้นสิ พายุทะเลทรายพัดกระหน่ำขนาดนั้น ฉันถูกลมหอบมาไม่ได้ตั้งใจจะไปใกล้บ่อน้ำมันของคุณ” “อัลลัยล์ไม่ต้อนรับคนแปลกหน้า...แล้วเธอก็ล่วงล้ำเข้าไปในที่ต้องห้ามมันมีโทษถึงตาย” ดวงตากลมเบิกกว้าง “ตาย จะบ้าเหรอฉันแค่สลบไปแล้วพบว่าตัวเองเข้ามาอยู่ในที่บ้าๆ นั่นถึงตายไม่มีทางบ้านเมืองมีกฎหมาย” “ที่อัลลัยล์ฉันคือคนตัดสินเท่านั้น” ชีคคามิสส่งเสียงเข้มเมื่อหญิงสาวเริ่มโวยวายจนเขาหงุดหงิดไม่น้อย แต่เขาก็ต้องพบข้าวของลอยมากระทบร่างหนาๆ จากฝีมือของสิรินดาเชลยสาว “ไอ้บ้าป่าเถื่อน ใส่ร้ายคนอื่นแล้วยังจะมาลงโทษอีก ฝันไปเถอะว่าจะลงโทษฉันได้” หญิงสาววิ่งไปที่ประตูมันไม่ได้ล็อคอย่างที่คิด เธอถือโอกาสวิ่งออกไปหมายจะหนีให้พ้นข้อกล่าวของชีคหนุ่ม “กลับมานี่เดี๋ยวนะ” “ไม่กลับ...ใครจะอยู่ให้คุณลงโทษทั้งที่ไม่ผิด” ทหารองครักษ์ไม่ได้เฝ้าประตูไว้เพราะชีคหนุ่มเป็นคนสั่งเองว่าเขาจะอยู่กับหญิงสาวตามลำพัง คนหงุดหงิดวิ่งตามร่างบางไปอย่างรวดเร็วไม่กี่ก้าวเขาก็คว้าแขนสิรินดารั้งตัวเธอเข้ามาแนบอกแกร่งอย่างแรง เนื้อนิ่มยืดหยุ่นกระแทกแผงอกหนาและแนบชิดจากแรงรัดของแขนแข็งแรง “อ๊าย ปล่อยฉันนะ ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อยปล่อย” “หยุดส่งเสียงได้แล้ว” ร่างบางยังดิ้นรนสะบัดมือให้หลุดออกจากมือหนา เล็บยาวขูดข่วนผิวกายเขาจนเป็นรอยแดง แต่เขาก็ไม่ได้แสดงอาการเจ็บเลยซักนิด “ไม่...ฉันจะตะโกนให้คนอื่นรับรู้ว่าฉันไม่ผิด” หญิงสาวพยายามร้องขอความช่วยเหลือ และยังคงดึงตัวเองให้หลุดจากคนโหดร้าย “ช่วยด้วยค่ะ” “ฝันไปเถอะที่นี่อัลลัยล์ ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งฉัน” เสียงเข้มกำราบ “เมืองอะไรป่าเถื่อนสิ้นดี ใส่ร้ายใส่ความไร้ความปราณี” “ถ้ายังไม่เลิกโวยวายแล้วพยายามหนีแบบนี้ ฉันสาบานว่าจะเอาเธอไปนอนกลางทรายให้แดดแรงๆ เผาร่างเธอให้ไหม้เกรียมจนไม่มีใครจำหน้าได้...ฮ่าๆ เท่านี้ก็ไม่มีคนรู้ว่าเธอเป็นใครฉันแค่บอกว่าเธอเป็นขโมยแล้วถูกฟ้าลงโทษเท่านั้นก็จบ” คนตัวเล็กหยุดดิ้นรนแววตาตระหนกมองคนพูดอย่างไม่คิดว่าจะมีคนโหดร้ายขนาดนี้อยู่ในโลก น้ำเสียงของชีคคามิสไม่มีแววว่าเขาเพียงข่มขู่ เสียงหัวเราะยิ่งกระตุ้นเนื้อบางให้สั่นเทา “เป็นไง...กลัวล่ะสิ จำเอาไว้นะถ้าคิดนี้ฉันจะทำทุกอย่างที่พูด” “ฮือ ไอ้บ้าฉันไม่ได้ทำอะไรผิดปล่อยฉันนะ” เสียงสะอื้นช่วยให้คามิสคลายอ้อมแขนที่รัดเอวบางลง เขาหันไปมองหาองครักษ์คู่ใจ “อารีฟ เอาตัวเธอไปขังตามเดิม...แล้วสั่งสอนเธอด้วยนะว่าเราเป็นใครไม่ใช่คนที่จะมาขว้างปาข้าวของใส่เช่นนี้” พูดจบร่างบางของสิรินดาก็ถูกโยนไปกระแทกร่างกำยำขององครักษ์อารีฟทันที เขาแทบจะคว้าเธอเอาไว้ไม่ทัน หญิงสาวเจ็บใจที่ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ เธอไม่รู้ว่าชายคนนี้ยิ่งใหญ่มาจากไหนทำไมทุกคนต้องเคารพราวกับเป็นเจ้าฟ้า “เชิญครับ” “ไม่ต้องพูดสุภาพขนาดนั้น ยัยนี่เป็นคนร้ายไม่ใช่อาคันตุกะของเรา” “ฉันบอกว่าไม่ใช่” หญิงสาวหันมาแหววใส่ทันที สิรินดาเดินกระแทกฝ่าเท้านำหน้าอารีฟองครักษ์หนุ่มไป ความโมโหเคืองแค้นทำให้สิรินดาเดินกระแทกฝ่าเท้าจนถึงหน้าเรือนรับรอง แล้วเปิดประตูพร้อมปิดดังโครมจนอารีฟสะดุ้งตัวโหยง ประตูนั้นเกือบจะกระแทกหน้าของเขาด้วยซ้ำ องครักษ์หนุ่มส่ายหน้าให้การรอดอย่างหวุดหวิด “อารีฟ...ทำไมนายนั่นจะต้องสั่งๆ อย่างเดียว” “ท่านชีคเป็นผู้ปกครองแคว้นอัลลัยล์ครับ...หรือจะเข้าใจว่าเป็นเจ้าเมืองก็ได้” “อะไรนะ...เดี๋ยวนี้ยังมีแคว้นนอกรีตปกครองตัวเอง ออกกฎเองอยู่อีกเหรอ” “เราไม่ได้นอกรีด เรามีวัฒนธรรมและเป็นเมืองแห่งทรัพยากรที่สำคัญของประเทศ” อารีฟตอบเสียงขุ่นเมื่อหญิงสาวพูดดูถูกบ้านเกิดของเขา สิรินดารับรู้ว่าเธอพูดเกินไปแต่คนสวยก็ไม่อยากเอ่ยขอโทษ “คุณควรอยู่แต่ในนี้จนกว่าท่านชีคจะอนุญาตให้ออกไป...และควรเรียกเค้าคนนั้นว่าท่านชีค” “อะไรๆ ก็ท่านชีค ที่จับฉันมาขังแบบนี้ไหนล่ะหลักฐานการทำความผิด คอยดูนะทีมงานของฉันมาเมื่อไหร่ฉันจะเอาเรื่องท่านชีคของนาย” อารีฟไม่ตอบโต้เขาถอยออกไปแล้วปิดประตูล็อคเช่นเดิม ทิ้งให้หญิงสาวนั่งถอนหายใจหมดหนทางที่จะหนีรอดออกไป สิรินดาคิดหาทางติดต่อกับลูกทีมของเธอแต่มันคงไม่ง่ายนักเพราะการสื่อสารที่ไร้ซึ่งสัญญาณโทรศัพท์ หญิงสาวเก็บเครื่องมือสารรุ่นใหม่ลงกระเป๋าสะพายข้างเช่นเดิม เธอคิดว่าคงไม่ใช่ที่นี่ไม่มีเสาสัญญาณแต่อาจจะเพราะเครื่องตัดการสื่อสารมากกว่า
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 3 อาณาจักรทมิฬ 100%
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A