บทที่ 8 ชื่อเสียงบารมีในกองทัพสร้างลำบาก (2)   1/    
已经是第一章了
บทที่ 8 ชื่อเสียงบารมีในกองทัพสร้างลำบาก (2)
บทที่ 8 ชื่อเสียงบารมีในกองทัพสร้างลำบาก (2)  เขาก็รู้สึกเชื่อที่อู๋หมิงพูดมากกว่า อย่างไรเสีย คำพูดพวกนั้นสำหรับหญิงสาวผู้หนึ่งแล้ว ที่จริงระดับความเลวร้ายไม่เป็นรองการลงทัณฑ์ให้แช่น้ำในกรงหมูเลย  “มาแล้ว!” ฮึ หลงเส้าจิ่นยิ้มเยาะ ลมหายใจที่คุ้นเคย ในชั่วพริบตาที่ลมหายใจนั้นปรากฏขึ้น หลงเส้าจิ่นก็ปล่อยให้ฝูหลิงเป็นอิสระในทันใด พุ่งทะยานออกไปในเดี๋ยวนั้น รวดเร็วเป็นพิเศษ ฝูหลิงมองเห็นเพียงภาพติดตาชั่วขณะเท่านั้น หลงเส้าจิ่นพุ่งทะยานออกไปแล้ว ทว่า เป้าหมายของนางกลับไม่ใช่ชายแข็งแกร่งที่ยืนเมาสุราอยู่นอกกระโจม แต่เป็นชายหนุ่มที่ไม่ได้เป็นจุดสนใจของผู้คนแม้สักนิด “ท่าไม่ดีแล้ว!” คนลึกลับตื่นตกใจ เขานึกไม่ถึงเลยว่า พอหลงเส้าจิ่นออกมาแล้วจะพุ่งเป้ามาที่ตน แต่ต่อให้เขาคิดจะวิ่งหนีก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว! หลงเส้าจิ่นคว้าไหล่เขาไว้ พลังล้นเหลือ ทำให้เขาฉงนใจว่า นี่ใช่กำลังปกติที่สตรีทั่วไปสามารถเค้นออกมาได้หรือไม่ “เจ้านาย!” อู๋หมิงตื่นตระหนก จึงโจมตีไปยังหลงเส้าจิ่นในทันใด เขากำมือเป็นกำปั้น ทะยานเข้าใส่อย่างไม่ลังเลแม้สักนิด หลงเส้าจิ่นเห็นคนผู้นี้มีวรยุทธ์ไม่ธรรมดา ก็ไม่กล้าที่จะลงมืออย่างไม่ยั้งในเดี๋ยวนั้น ตอนที่ฝ่ามือของอู๋หมิงใกล้เข้ามา นางก็หมุนตัว หลบการโจมตีของอู๋หมิงในบัดดล แต่พอหมุนตัวเท่านั้น ก็ทำให้คนที่เพิ่งจับตัวมาได้หลุดมือไป หลงเส้าจิ่นขมวดคิ้ว แต่ยังคงเข้าไปประชิดตัวอย่างรวดเร็ว คราวนี้ คนผู้นั้นเตรียมการป้องกันหลงเส้าจิ่นไว้ก่อนแล้ว พอหลงเส้าจิ่นจะคว้าตัวเขาไว้ เขาก็หลบหลีกไปอย่างเงียบเชียบ หลงเส้าจิ่นเห็นหน้ากากหน้าคนของคนผู้นั้น ก่อนหน้านี้ตอนที่คว้าไหล่เขาไว้ได้ หลงเส้าจิ่นก็ดูออกแล้วว่า บนใบหน้าเขาสวมหน้ากากหน้าคนไว้ นี่ก็หมายความว่า คนผู้นี้ปลอมตัวมา หน้าตาในยามนี้ไม่ใช่ใบหน้าที่แท้จริงของเขาแต่อย่างใด มองเจตนารมณ์ของหลงเส้าจิ่นออกแล้ว เขาก็รู้สึกประหลาดใจเกินบรรยาย หลงเส้าจิ่น ดูท่าแล้วคงไม่ธรรมดาจริง ๆ มิน่าล่ะ ท่านพี่ จึงต้องระวังนางไว้ สตรีเช่นนี้ ไม่ด้อยไปกว่าบุรุษเลยสักนิด ถูกแล้ว คนลึกลับผู้นั้นคือพระอนุชาร่วมพระมารดาของฮ่องเต้ นามจุนจื่อซิว เขาติดตามอยู่หลังกองทัพของหลงเส้าจิ่นมาหลายวันแล้ว ครั้งก่อน ลมหายใจที่ไม่คุ้นเคยที่หลงเส้าจิ่นสัมผัสได้ ก็คือลมหายใจของเขา “เจ้านาย ไปกันเถิด!” อู๋หมิงเห็นโอกาสประจวบเหมาะ ปล่อยฝ่ามือออกไป ทำให้หลงเส้าจิ่นเสียหลักถอยหลังไปสองก้าว จากนั้น เขาก็ร้องเตือนจุนจื่อซิวในทันใด ทั้งสองคนหมุนตัว ก่อนหายสาบสูญไปในชั่วพริบตา หลงเส้าจิ่นหยุดมือ มองไปยังที่ที่คนทั้งสองหายตัวไป ครั้งแรก นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนหนีจากเงื้อมมือของนางไปได้ ทว่า ดูจากท่าทีของสองคนนั้นแล้ว คงจะไม่ยอมรามือไปง่าย ๆ เป้าหมายของพวกเขายังไม่ลุล่วง คงจะกลับมาใหม่อีกหน หลงเส้าจิ่นไม่กลัวว่า คราวหน้าจะจับตัวพวกเขาไว้ไม่ได้ ฝูหลิงออกมาช้ากว่าหลงเส้าจิ่นเพียงครู่หนึ่ง ทว่า นางกลับไม่ทันสังเกตเห็นเป้าหมายของหลงเส้าจิ่น คนที่นางโกรธตลอดมา คือ ชายแข็งแกร่งปากไม่มีหูรูดที่พูดแต่วาจาสกปรกหยาบคาย ดังนั้น ในชั่วขณะที่ออกมาจากกระโจม ฝูหลิงก็เข้าไปปะทะกับชายแข็งแกร่งผู้นั้น  วรยุทธ์ของบุรุษร่างกำยำไม่สูงส่ง ทว่า เหนือกว่าตนที่หนังเหนียว ฝูหลิงเข้าปะทะกับเขา สิ้นเปลืองกำลังไปมาก รอจนฝูหลิงล้มชายกำยำผู้นั้นได้ ยามที่หันศีรษะกลับมาอีกหนมองหาคุณหนูของนาง ก็เห็นคนสองคนหายไปจากเบื้องหน้าคุณหนู “คุณหนู!” ฝูหลิงไม่ใช่คนโง่ เห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าว นางก็รู้เลยว่า เรื่องราวไม่ได้ง่ายดายอย่างที่เห็น “ไม่เป็นไร คิดจะจับพวกเขา ยังมีโอกาสอีกเยอะ” หลงเส้าจิ่นพูดอย่างไม่ใส่ใจ  แต่สีหน้าของฝูหลิงไม่ได้ผ่อนคลายเหมือนกับหลงเส้าจิ่น ในค่ายทหารมีคนนอกปะปนเข้ามา ไม่ว่าจะกับทางหลวงหรือคนในหมู่ของตน พวกนางล้วนไม่รู้ว่าควรจะรายงานเช่นไร “คนจากไปแล้ว คิดไปก็เปล่าประโยชน์” เห็นใบหน้าเป็นทุกข์ของฝูหลิง หลงเส้าจิ่นก็กล่าวตักเตือนด้วยความหวังดี สายตาของนางจับจ้องไปที่ชายร่างกำยำผู้เมามายสุราที่ถูกจัดการจนล้มลงอยู่บนพื้นผู้นั้น “ในค่ายทหารนี้ คนที่ไม่ยอมรับข้าก้าวออกมา” เสียงของหลงเส้าจิ่นเต็มไปด้วยโทสะ ดวงตาคู่นั้นแหลมคมดุจดั่งแววตาของเหยี่ยว ทหารพวกนั้นพอสัมผัสได้ถึงแววตาของนาง ก็รู้สึกหวาดกลัวจนถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ทว่า ความเกรงกลัวนั้นเป็นแค่การชั่วคราวเท่านั้น ทหารพวกนั้นพอตั้งสติได้แล้วก็ก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งในทันใด ล้อเล่นกันหรือเปล่า พวกเขาที่มีประสบการณ์ในสนามรบมานาน สังหารข้าศึกมานับไม่ถ้วน จะกลัวหญิงสาวที่เก็บตัวอยู่แต่ในเรือนอย่างนั้นหรือ น่าขันยิ่งนัก ดังนั้น ในไม่ช้าหลงเส้าจิ่นก็ถูกคนกลุ่มหนึ่งล้อมไว้อยู่ตรงกลาง ท่ามกลางหมู่คน แม้นางจะสวมชุดทหารเต็มตัว แต่กลับแลดูตัวเล็กเหลือประมาณ ฝูหลิงมองจำนวนคนที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน อย่างช้า ๆ สีหน้าของนางก็เริ่มจะค่อย ๆ ไร้สีของเลือด คุณหนู คราวนี้เกิดปัญหาใหญ่แล้ว หลงเส้าจิ่นมองคนที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่กลับไม่มีท่าทีจะหลบหลีกแม้แต่น้อย ไม่ต่างอะไรกับที่นางคาดการณ์ไว้เท่าใด ถึงขนาดที่ สถานการณ์จริงยังดีกว่าที่คิดไว้เล็กน้อยเสียด้วยซ้ำ  “ดีมาก ไม่เลว ออกมายืนกันให้หมด” “คุณหนู มีอันใดดีกัน มีคนไม่ยอมรับคุณหนูมากมายถึงเพียงนั้น ต่อจากนี้ไป คุณหนูจะนำทัพออกศึก บังคับบัญชาคนพวกนี้ได้อย่างไรกัน” สีหน้าของฝูหลิงจริงจังหนักแน่น คนที่โตมาในค่ายทหารอย่างนาง รู้อย่างแจ่มแจ้งว่า แม่ทัพที่ไม่ได้รับความไว้วางใจจากลูกทัพนั้น จะมีผลลัพธ์ที่น่ากลัวอย่างไร  ดังนั้นจึงช่วยไม่ได้ มือของฝูหลิงกำแน่น หลังชนหลังกับคุณหนูของตน พร้อมฝ่าวงล้อมนี้ออกไปพร้อมกับคุณหนูทุกเมื่อ เมื่อเปรียบเทียบกับความกังวลของฝูหลิง หลงเส้าจิ่นในยามนี้ ดูไปแล้วเหมือนไม่สนใจอันใดเลย นางแอบนับจำนวนคนที่ก้าวออกมาและยศทหารของพวกเขาอยู่ในใจเงียบ ๆ นำคนพวกนั้นมาจัดระเบียบออกเป็นกลุ่ม ๆ อืม หน้าเดิม ๆ กันทั้งนั้น คนพวกนั้นล้วนเคยมีความไม่ลงรอยกับบ้านตระกูลหลงมาอยู่ไม่มากก็น้อย ดูท่า ฮ่องเต้คงจะนั่งอยู่เฉย ๆ ไม่ได้แล้ว ในค่ายทหารยังจัดเตรียมคนที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับข้ามากมายถึงเพียงนี้ เช่นนั้น ในที่ลับตาคนเล่า? หลงเส้าจิ่นพลันนึกถึงเรื่องในวันนี้ที่เกือบจับตัวคนสองคนนั้นมาได้ เขาทั้งสองคงจะเป็นคนที่ฮ่องเต้ส่งมา!  ความเชื่อมโยงที่คลุมเครือปรากฏขึ้นในความคิดของหลงเส้าจิ่น ข้อสรุปที่ได้คือ ฮ่องเต้นั่งไม่อยู่แล้ว จึงคิดจะลงมือจัดการกับบ้านตระกูลหลงของนาง นี่ก็หมายความว่า ที่ท่านพ่อของนางล้มป่วย ก็อาจจะเป็นเพราะคนผู้นั้นแอบลงมืออย่างลับ ๆ หลงเส้าจิ่นกำมือแน่น เดิมทีคิดจะทำตัวสุขุมสักหน่อย แม้ว่าจะล้างแค้นก็คงไม่อาจรีบร้อนลงมือในยามนี้ ทว่า จุนหลินเย่ เป็นเจ้าที่บังคับข้าเอง ในชาติที่แล้ว ข้ากล่าวว่า ราชวงศ์จักต้องสูญสิ้น เจ้ารอข้าก่อนเถิด กลุ่มคนวิ่งกันอุตลุด พอจำนวนคนนิ่งแล้ว ไม่มีคนเข้ามาเพิ่มอีก หลงเส้าจิ่นก็เริ่มเคลื่อนไหว  เพียงแค่ทะยานตัวออกไป นางก็หิ้วผู้ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่อยู่ในกลุ่มคนออกมาได้ ยืนแน่นิ่ง ชายผู้นั้นก็ยื่นนิ่งอยู่เบื้องหน้านางเช่นกัน   “นี่! นี่มัน!” การเคลื่อนไหวนี้ของหลงเส้าจิ่น ชวนให้คนที่อยู่ในที่นั้นส่งเสียงโหวกเหวกโวยวาย อย่างไรก็ดี นางไม่มีความคิดที่จะไปขัดขวางความอลหม่านนี้เลย ไฟลูกนี้ จำต้องลุกโชติช่วง การเคลื่อนไหวของหลงเส้าจิ่นตอนที่พุ่งไปหิ้วผู้ชายวัยกลางคนผู้นี้รวดเร็วเหลือประมาณ คล้ายกับเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเพียงในชั่วพริบตา พอทหารเหล่านั้นตั้งสติได้ ผู้ชายวัยกลางคนผู้นี้ก็มายืนอยู่ท่ามกลางหมู่คนแล้ว ถูกหลงเส้าจิ่นหิ้วคอเสื้อไว้อยู่ ใบหน้าหวาดผวา “ท่านคือทหารที่ยศต่ำกว่าข้าไปเพียงระดับหนึ่ง” หลงเส้าจิ่นพูดเป็นประโยคบอกเล่า อำนาจที่แผ่ออกมาจากผู้ชายคนนี้บอกกับนางว่า ในค่ายทหารแห่งนี้ ตำแหน่งของเขาสูงส่งไม่ต่ำต้อย
已经是最新一章了
加载中