บทที่ 10
เมื่อพูดคุยกันเสร็จเรียบร้อยคริสก็ขอตัวกลับ เพราะต้องเตรียมตัวเดินทางไปมัลดีฟส์เพื่อพูดคุยกับเจติยาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทันทีที่คริสเดินลับตาไปอัมราถึงกับหันไปเอ่ยปากกับสามี
“ไม่นึกไม่ฝันว่าจะมีลูกเขยเป็นฝรั่งแถมยังหล่อเหลาเอาการ”
“นั่นสิ แต่เจนีนโตแล้วคงรู้ว่าจะต้องจัดการยังไงกับเรื่องนี้”
“นี่ถ้าเจนีนมีลูก หลานของเราคงจะออกมาหน้าตาดีนะคะว่าไหม”
“ก็คงจะเป็นอย่างนั้น”
“ฉันรู้สึกถูกชะตากับว่าที่ลูกเขยคนนี้”
“ผมก็เหมือนกัน หวังว่าเขาจะหว่านล้อมเจนีนได้สำเร็จ”
“ไม่ง่ายนะคะบอกเลย”
“คริสคงจะมีวิธีที่จะจัดการเรื่องนี้อยู่แล้ว เพราะเขาดูจะมั่นใจว่าจะทำได้อย่างที่พูด เราก็คงต้องรอดูกันต่อไป”
ทันทีที่กลับออกมาจากบ้านของเจติยา คริสก็ออกเดินทางไปมัลดีฟส์ด้วยเครื่องบินส่วนตัวพร้อมกับคนสนิทของเขา และตามเฝ้าดูการทำงานของหญิงสาวโดยที่เธอไม่รู้ตัว เธอทำผลงานออกมาได้ดีไม่มีที่ติสมกับเป็นมืออาชีพ จึงเป็นนางแบบที่มีงานล้นมือ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงมีแต่คนอยากร่วมงานกับเธอ เมื่อเห็นว่าการทำงานงานของเจติยาเสร็จสิ้นลง คริสได้โทรศัพท์เข้ามือถือเธอ
“เมื่อไรคุณจะมาคุยเรื่องนั้นกับผมซะที”
ทันทีที่ได้ยินเสียงเขาสีหน้าของเธอก็แปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึง และโต้ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงห้วนสั้น บ่งบอกให้รู้ถึงความไม่สบอารมณ์
“เมื่อฉันพร้อม”
“ตอนนี้คุณก็ว่างอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“ใครบอก! ฉันกำลังทำงานอยู่ คงไม่มีเวลามาคุยเรื่องไร้สาระกับคุณหรอก อย่างที่บอกว่างเมื่อไรฉันจะเป็นฝ่ายติดต่อกลับไป”
“เอาเป็นว่าผมจะไปหาคุณเอง”
“รู้เหรอว่าฉันอยู่ที่ไหน”
“ผมรู้ว่าคุณมาถ่ายแบบชุดว่ายน้ำสุดเซ็กซี่วาบหวิวอยู่ที่มัลดีฟส์”
“ใครบอกคุณ” เธอกระชากเสียงถาม
“ภรรยาผมจะไปทำอะไรที่ไหน ผมสืบหาข้อมูลเหล่านี้เองได้ โดยไม่จำเป็นต้องถามใคร ชุดว่ายน้ำที่คุณใส่เซ็กซี่ดี แต่คงจะดีกว่าถ้าจะใส่ให้ผมดูคนเดียว ผมหวงเข้าใจไว้ด้วย”
“พูดบ้าอะไร ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน” เจติยาตวาดกลับไปพร้อมกับเหลียวมองหา
“ผมก็ยืนอยู่ด้านหลังคุณนี่ไง”
ขณะที่คริสเดินตรงไปหาเธอ เจติยาก็หันหลังกลับมามองหาเขาด้วยใบหน้าบึ้งตึง
“คุณสะกดรอยตามฉันทำไม เป็นพวกโรคจิตหรือไงถึงได้ชอบสะกดรอยตามคนอื่นแบบนี้”
“ใครเขาเรียกว่าสะกดรอยกันล่ะที่รัก”
“อย่าบังอาจเรียกฉันแบบนั้น”
“หรือจะให้ผมเรียกคุณว่าเมียจ๊ะเมียจ๋า คนเขาจะได้รู้ว่าเราเป็นอะไรกัน”
“คุณนี่มันตัวมารในชีวิตฉันจริงๆ ฉันไม่น่าซวยมาเจอคุณเลย ตามฉันมานี่”
เจติยาฉุดมือเขาให้เดินตามเธอไปที่วิลล่า ซึ่งทีมงานได้จองไว้ให้เป็นที่พักของเธอและผู้จัดการส่วนตัว ในจังหวะเดียวกันนั้นเองนัตตี้หันไปเห็นหลังไวไวของเจนีนกำลังเดินจูงมือใครบางคนเดินกลับไปยังที่พัก จึงเกิดความสงสัยว่าหนุ่มคนนั้นเป็นใครก็เลยเลือกที่จะเดินตามไปดู
เมื่อนัตตี้เดินเข้าไปในที่พักก็ได้ยินเสียงของเจติยากำลังคุยอยู่กับชายปริศนา ที่ยังไม่รู้ว่าเป็นใครอยู่ในห้องพักส่วนตัวของเธอ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นจึงทำให้นัตตี้เดินไปยืนแอบฟังการสนทนาเหล่านั้นอยู่ที่หน้าประตูห้อง
“มีปัญหาอะไรจะพูดกับฉันก็รีบพูดมา พูดจบเมื่อไรก็ช่วยไปให้พ้นๆ หน้า”
คริสไม่อ้อมค้อม “คุณจะเอายังไงกับเรื่องของเรา”
“ก็ไม่เอายังไง แค่ต่างคนต่างอยู่”
“ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก เพราะตอนนี้ครอบครัวของผมเขารู้เรื่องนี้หมดแล้ว”
“คุณไปบอกเขาทำไม เวลานอนกับใครต้องกลับไปรายงานให้พ่อแม่รับรู้ทุกครั้งเลยไหม”
“ไม่จำเป็น แต่ที่ผมต้องเล่าเรื่องนี้ให้พวกท่านฟัง เพราะผมเป็นผู้ชายคนแรกของคุณ ผมจึงต้องรับผิดชอบด้วยการแต่งงาน”
“ใครจะแต่งกับคุณ จะต้องให้ย้ำอีกกี่ครั้งว่าฉันไม่แต่ง ไม่ว่ายังไงก็ไม่แต่ง ฟังไม่รู้เรื่องหรือไง”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นผมก็คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องบอกเรื่องความสัมพันธ์ของเราให้พ่อกับแม่ของคุณทราบ จะได้ให้พ่อแม่ผมมาสู่ขอคุณอย่างเป็นทางการ”
“ทำแบบนั้นไม่ได้นะ”
“ฟังผมให้ดีนะเจนีน ตอนนี้คุณมีทางเลือกอยู่สองทาง จะยอมจดทะเบียนสมรสกับผมแบบเงียบๆ มีคนรู้เพียงไม่กี่คน หรือจะเข้าพิธีวิวาห์กับผมอย่างเป็นทางการก็เลือกมา ผมจะได้ทำตามความต้องการของคุณ”
“สิ่งที่ฉันต้องการไม่ใช่การผูกมัดติดอยู่กับคุณทั้งชีวิต แต่ต้องการให้คุณเลิกยุ่งกับฉัน ได้โปรดออกไปจากชีวิตของฉัน”
“ผมทำไม่ได้ ไม่มีลูกผู้ชายคนไหนเขาทำแบบนั้นกันหรอกเจนีน คุณอาจจะยังไม่รู้ว่าผมไม่เคยมีประวัติเสียหายเรื่องผู้หญิงมาก่อน และจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นเด็ดขาด เลิกโยกโย้แล้วก็เลือกมา ถ้าคุณไม่เลือกผมจะเลือกเอง”
“นี่มันเรื่องบ้าชัดๆ”
“ตกลงจะเอาแบบไหน”
“นอกจากคุณจะเป็นตัวมารในชีวิตฉันแล้ว ยังเป็นจอมเผด็จการอีกด้วย ซวยแท้ๆ ที่ฉันต้องมาพบเจอคนประเภทนี้ อยากจดทะเบียนกับฉันนักใช่ไหม ตกลง ฉันจะยอมจดทะเบียนสมรสกับคุณ แต่มีข้อแม้ว่าคุณจะต้องเซ็นใบหย่าให้ฉันทันที และจะต้องปิดเรื่องของเราไว้เป็นความลับ ห้ามแพร่งพรายให้คนอื่นรู้เด็ดขาด”
“เซ็นใบหย่าทันทีไม่ได้หรอกเจนีน บอกแล้วไงว่ามันไม่แมน ลูกผู้ชายเมื่อกล้าทำก็ต้องกล้าที่จะรับผิดชอบ”
“ทั้งที่ฉันไม่ต้องการ”
คริสทำหูทวนลมเหมือนไม่ได้ยินคำพูดนั้นของเธอ
“เมื่อคุณเลือกแล้วก็เก็บของเราจะได้เดินทางไปอเมริกา”
“ทำไมฉันจะต้องไปที่นั่น”
“ก็ไปจัดการเรื่องของเราให้มันเรียบร้อย”
“แล้วเรื่องหย่า!!”
“ผมพร้อมเมื่อไรค่อยมาคุยเรื่องนั้นกันอีกที ผมให้เวลาคุณหนึ่งชั่วโมงสำหรับการเก็บข้าวของ จากนั้นเราจะออกเดินทางไปอเมริกาพร้อมกัน”
“เสียใจด้วยนะ ฉันยังต้องอยู่ร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์คืนนี้ คงจะทำตามที่คุณต้องการไม่ได้หรอก”
“อยากให้คนอื่นรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเราก็ตามใจ”
“อย่านะ!”
“ถ้าอย่างนั้นก็ลงมือเก็บของสิที่รักจะรออะไร” พูดจบก็เดินจากไป
ทันทีที่ประตูห้องถูกเปิดออกนัตตี้ก็เซถลาเข้ามาปะทะอกกว้างของคริส เลยถือโอกาสนี้ซบอกแกร่งของเขา โอกาสดีดีแบบนี้มีหรือจะปล่อยให้หลุดมือไป ไม่มีทางซะล่ะ
“คุณคงได้ยินหมดแล้วช่วยจัดการทุกอย่างให้พร้อมด้วย หนึ่งชั่วโมงหลังจากนี้เราจะออกเดินทางพร้อมกัน”
นัตตี้เหลียวมองตามคริสไปจนกระทั่งเขาเดินลับสายตา
“ว้าว!! หล่อจัง กล้ามเป็นมัดๆ น่าฟัดที่สุด”
“เพ้ออะไรพี่นัตตี้ แล้วรู้ได้ยังไงว่าเจนีนอยู่ที่นี่”
“พี่ก็เดินตามเรามาน่ะสิ ว่าแต่ตัดสินใจจะจดทะเบียนสมรสกับเขาจริงเหรอเจนีน”
“จริง! ถ้าไม่ทำเขาจะแฉเรื่องนั้นให้ทุกคนรู้ อย่าลืมสิพี่นัตตี้ว่าเขาแอบถ่ายคลิปไว้ด้วย ถ้าขืนปล่อยให้เป็นเช่นนั้นชื่อเสียงที่เจนีนสะสมมาก็ป่นปี้หมด”
“ทีนี้จะเข็ดได้หรือยัง ไอ้อาการกินเหล้าเมาแล้วรั่วไล่ปล้ำคนนั้นทีคนนี้ที ผลมันถึงได้ออกมาเป็นแบบนี้”
“เข็ดจริงๆ ใครล่ะจะคาดคิดว่าเพราะความเมาเลยได้ผัวมิได้รับเชิญมาฟรีๆ หนึ่งคน รีบเก็บของเถอะทำให้มันจบๆ ไป ฝากพี่นัตตี้ไปบอกทีมงานด้วยนะคะว่าเราจะไม่อยู่ร่วมงานเลี้ยงคืนนี้และจะเดินทางกลับก่อน”
“ไม่ต้องห่วงพี่จะจัดการเรื่องนี้เอง ดีนะที่ยังไม่ได้รับงานอื่นเพิ่ม”