บทที่ 8 ผลักเธอล้ม   1/    
已经是第一章了
บทที่ 8 ผลักเธอล้ม
บทที่ 8 ผลักเธอล้ม ในระหว่างที่พูดอยู่เซี่ยซีหวั่นก็ชี้ไปที่เซี่ยเสี่ยวแด๋ และมองไปที่ลู่หานถิงแล้วพูดว่า“คำพูดนี้เธอเป็นคนพูด” เซี่ยเสี่ยวแด๋และขงเจินเอ๋อต่างก็รู้สึกตะลึง ที่แท้ผู้ชายคนนี้เป็นหนุ่มหน้าขาวที่เซี่ยซีหวั่นเลี้ยงไว้เหรอ? พระเจ้า! เซี่ยเสี่ยวแด๋รู้สึกว่าตัวเองถูกตบที่หน้าของเธออย่างรุนแรง ในเวลานี้เองผู้จัดการร้านก็ถือเค้กแยมสตรอเบอร์รี่ออกมา แล้วลู่หานถิงก็ถือเค้กไว้ในมือแล้วพูดว่า“ไป กลับกันเถอะ” “ได้ค่ะ” เซี่ยซีหวั่นเดินตามไป และเธอก็ยังหันมาแล้วโบกมือเล็ก ๆของเธอให้เซี่ยเสี่ยวแด๋“บ้ายบาย” เซี่ยเสี่ยวแด๋ตกตะลึงอย่างที่สุด และเธอคาดไม่ถึงว่าเซี่ยซีหวั่นจะเลี้ยงหนุ่มหน้าขาวระดับยอดเยี่ยมไว้คนหนึ่งจริง ๆ และขงเจินเอ๋อก็พูดขึ้นอย่างโง่ๆในขณะนี้ว่า“เสี่ยวแด๋ ดูเหมือนว่าคุณต้องเรียกเซี่ยซีหวั่นว่าแม่นายจริง ๆแล้วล่ะ” เซี่ยเสี่ยวแด๋รีบหันไปจ้องขงเจินเอ๋อด้วยท่าทีที่รุนแรงอย่างรวดเร็ว และขงเจินเอ๋อยิ้มและพูดขึ้นมาทันทีว่า“เสี่ยวแด๋ ความหมายของฉันคือ หนุ่มหน้าขาวที่เซี่ยซีหวั่นเลี้ยงไว้หล่อมากเลย และค่าเลี้ยงเขาต้องใช้เงินเท่าไหร่เหรอ?” เหตุการณ์ในเมื่อกี้นี้ลู่หานถิงไม่ได้มองที่เธอเลยแม้แต่นิด ซึ่งทำเหมือนกับว่าเธอไม่มีตัวตนอยู่เลย และนี่ก็ทำให้เซี่ยเสี่ยวแด๋ที่มั่นใจว่าตัวเองสวยรู้สึกพ่ายแพ้และโกรธมาก แต่ว่าคำพูดของขงเจินเอ๋อกลับเตือนเธอขึ้นมาอย่างรวดเร็ว มันก็แค่หนุ่มหน้าขาวที่ถูกเซี่ยซีหวั่นเลี้ยงดูอยู่ และเธอก็สามารถออกเงินหลายเท่าเพื่อเอาเขามาเลี้ยงได้ และเมื่อคิดเช่นนี้ เซี่ยเสี่ยวแด๋ก็รู้สึกตื่นเต้นและมีความสุข “ผู้จัดการ เอาเค้กที่ฉันซื้อให้ฉัน พวกเราจะกลับไปแล้ว” เซี่ยเสี่ยวแด๋เดินมาเอาเค้ก ผู้จัดการร้านไม่ได้ให้“ต้องขออภัยด้วยครับคุณหนูทั้งสอง เงินเราสามารถคืนให้พวกคุณได้ และสามารถชดใช้ให้พวกคุณสองเท้าได้ แต่ว่าเค้กชิ้นนี้ไม่สามารถให้พวกคุณได้” “ทำไมล่ะ?” เซี่ยเสี่ยวแด๋และขงเจินเอ๋อต่างก็รู้สึกตะลึง ผู้จัดการร้านยิ้มแล้วพูดว่า“เพราะว่า เค้กชิ้นนี้ฉันจะให้หมาของฉันกิน” อะไรนะ? เซี่ยเสี่ยวแด๋ตบไปที่โต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน“ผู้จัดการ คุณหมายความว่าอย่างไร คุณเหยียบหยามเราเหรอ?” ผู้จัดการร้าน“หรือว่าฉันยังเหยียบหยามได้ไม่ชัดเจนอีกเหรอ พวกคุณยั่วยุโดนบุคคลใหญ่ และต่อให้เค้กชิ้นนี้ให้หมากิน ก็ไม่ให้พวกคุณกิน!” …… รถหรูจอดลงที่รีสอร์ทโยวหลาน แล้วลู่หานถิงก็ยื่นบัตรแบล็กโกลด์สีดำใบนั้นให้เซี่ยซีหวั่นแล้วพูดว่า“บัตรนี้ให้คุณ” ขนตาที่เหมือนพัดของเซี่ยซีหวั่นสั่นเล็กน้อย ทำไมเขาถึงให้บัตรกับเธอ? “ฉันไม่เอา”เขาปฏิเสธ ลู่หานถิงเม้มริมฝีปากบางของเขาแล้วพูดว่า“คุณเลี้ยงหนุ่มหน้าขาวอย่างฉันไม่ไหวหรอก แต่ว่าคุณ ฉันยังพอเลี้ยงไหวอยู่ คุณนายลู่ของฉัน ” คุณนายลู่ของฉัน… เมื่อเขาใช้คำพูดและน้ำเสียงเบาๆที่ดึงดูดและพูดคำนี้ออกมาจากปากของเขา เซี่ยซีหวั่นรู้สึกเพียงแค่ว่าในหัวใจของเธอสั่นเล็กน้อย และการเคลื่อนไหวของหัวใจเธอก็เคลื่อนไหวไม่เป็นจังหวะ เซี่ยซีหวั่นรีบเปิดประตูรถข้างคนขับออกอย่างรวดเร็ว แล้วลงจากรถ ผู้ชายคนนี้นี่มันร้ายจริง ๆ เซี่ยซีหวั่นนำบัตรแบล็กโกลด์ที่เขาให้มาวางเข้าไปในกระเป๋าของเธออย่างระมัดระวัง แล้วเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น และคุณนายหญิงลู่ออกมาต้อนรับด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม“ซีหวั่น หนูกลับมาแล้วเหรอ วันนี้กลับบ้านทุกอย่างราบรื่นหรือเปล่า?” “คุณย่า ราบรื่นดีค่ะ เราไปทานเค้กด้วยกันเถอะค่ะคุณย่า” ดวงตาของคุณนายหญิงลู่สว่างขึ้นทันที และเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นอย่างรวดเร็ว และตื่นเต้น“เค้กดีเลย ย่าชอบกินเค้กที่สุดเลย” และในเวลานี้เองลู่หานถิงก็เดินเข้ามา เขาไม่ได้ไปที่ห้องนั่งเล่น แต่เขาเดินขึ้นไปชั้นบนโดยตรงเลย เพียงแต่ว่าเมื่อเขาอยู่ชั้นบนเขาก็หยุดอยู่ที่บันได จากนั้นดวงตาของเขาก็มองมาที่คุณนายหญิงลู่“คุณย่าครับ คุณย่าความดันสูง เค้กน่ะทานแค่คำเดียวก็พอนะครับ” คุณนายหญิงลู่ตักเค้กรอบที่Nเข้าปากของตัวเอง แล้วพูดไร้สาระอย่างจริงจังว่า“ย่ารู้ ย่าแค่ลองทานและชิมดูคำเดียว เค้กหวานจริง ๆ” เซี่ยซีหวั่นถูกการกระทำของท่านหญิงทำให้ขบขัน จากนั้นเธอเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปที่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงบันได“คุณจะทานเค้กหรือเปล่า?” ลู่หานถิงไม่ชอบของหวาน“ไม่ต้องแล้ว” “ค่ะ” “ตรงมุมริมฝีปากของคุณ…” ลู่หานถิงมองไปใบหน้าเล็ก ๆของเธอ ที่เพราะทานเค้ก ผ้าคลุมหน้าที่อยู่บนในหน้าของเธอถูกเปิดออกเล็กน้อย จนเผยคางเล็ก ๆ และริมฝีปากสีแดงครึ่งหนึ่งของเธอ ริมฝีปากของเธอเป็นสีแดงลูกเชอร์รี่ และสวยงามมาก เมื่อก่อนเคยมีนิตยสารฉบับหนึ่งคัดเลือกริมฝีปากที่ผู้ชายอยากจูบมากที่สุดออกมา ซึ่งริมฝีปากของเธอก็คือริมฝีปากแบบนั้น และตอนนี้ตรงมุมริมฝีปากของเธอก็มีครีมนมสดของเค้กติดอยู่ตรงมุมปากเล็กน้อย หลังจากการกล่าวเตือนของเขาเซี่ยซีหวั่นก็แลบลิ้นออกมาตามสติของหญิงสาวแล้วเลียคราบครีมนมสดนั้นเข้าไปในปากของเธอโดยตรง และเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปที่เขา ก็เห็นลู่หานถิงมองมาที่ริมฝีปากของเธอ พร้อมกับยกมือขึ้นมาแล้วดึงเนกไทที่คอเสื้อของเขา และขึ้นไปชั้นบนพร้อมกับลูกกระเดือกที่เคลื่อนไหวไปมาของเขา แล้วเดินเข้าไปในห้องทำงาน ติ่งหูที่ขาวดั่งหิมะของเซี่ยซีหวั่นแดงขึ้นทันที การแสดงท่าทางดึงเนกไทที่ลู่หานถิงแสดงนั้นร้ายแรง ราวกับว่าเขากำลังใช้สายตาของเขาสื่ออะไรบางอย่างอยู่ เซี่ยซีหวั่นรีบเอาทิชชู่ออกมาเช็ดริมฝีปากของเธอแรงๆอย่างรวดเร็ว และในเวลานี้เองพ่อบ้านก็พาชายวันชราคนหนึ่งขึ้นไปชั้นบน แล้วเซี่ยซีหวั่นจึงถามขึ้นว่า“คุณย่า คนนั้นคือใครเหรอคะ?” “อ๋อ คนนั้นคือคุณหนานยวน และเขาจะมาที่นี่เดือนละครั้ง” หัวใจของเซี่ยซีหวั่นสั่นสะเทือน เพราะคุณหนานยวนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการสะกดจิตที่มีชื่อเสียงระดับโลก ซึ่งเธอเรียนแพทย์ แน่นอนว่าเธอเคยได้ยินชื่อเสียงของเขามาก่อน คุณหนานยวนมาที่นี่ เขาต้องมาเพื่อรักษาอาการนอนไม่หลับของลู่หานถิงแน่นอน ดูเหมือนว่าโรคนอนไม่หลับของเขาจะร้ายแรงกว่าที่เธอคิดไว้มาก …… เซี่ยซีหวั่นรู้สึกไม่วางใจ ดังนั้นเธอจึงมาถึงที่หน้าประตูของห้องทำงาน และในขณะนี้ก็มีเสียงที่แปลกประหลาดดังออกมาจากด้านใน ทำให้เซี่ยซีหวั่นรู้สึกตกตะลึง แล้วรีบผลักประตูแล้วเข้าไปในห้องทำงานทันที ภายในห้องทำงานนั้นยุ่งเหยิงมาก และเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานก็ตกอยู่บนพรหมหมด และแม้แต่นาฬิกาที่อยู่ในมือของคุณหนานยวนก็แตกและพังไปหมด ลู่หานถิงยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงาน และมือใหญ่ทั้งสองข้างของเขาก็ฝืนจับไว้บนโต๊ะ และเขาฝืนจนเส้นเลือดบนแขนของเขาโผล่ออกมาหมด และหน้าอันบอบบางของเขาก็หอบราวกับสัตว์ร้าย และเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู ลู่หานถิงก็เงยหน้าขึ้นมา และเซี่ยซีหวั่นก็สบกับดวงตาที่ลึกและแคบของเขา ซึ่งตอนนี้ภายในดวงตาของเขานั้นเป็นสีแดงเลือดที่น่ากลัว อีกทั้งมีความโหดร้ายที่รุนแรงอยู่ เขาในตอนนี้ เหมือนเป็นคนละคนเลย และเซี่ยซีหวั่นก็ไม่รู้สึกไม่คุ้นกับคนคนนี้แล้ว เพราะเมื่อคืนนี้เธอก็เพิ่งได้เห็นมัน ทั้งสองคนสบตาซึ่งกันและกัน แล้วลู่หานถิงก็เม้มริมฝีปากของเขาลงจนกลายเป็นเส้นและขาวซีด จากนั้นเขาก็พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า“ออกไป!” เซี่ยซีหวั่นยืนนิ่งอยู่และไม่ขยับตัว และพ่อบ้านเก็บเศษที่แตกและพังของนาฬิกาแล้วพาคุณหนานยวนออกมา แล้วปิดประตูห้องทำงาน ประตูหนึ่งบาน กั้นออกมาสองโลก เซี่ยซีหวั่นมองไปที่คุณหนานยวน“คุณหนานยวน เขาเป็นอย่างไรบ้างคะ?” คุณหนานยวนส่ายหัว“เริ่มแรกฉันยังสามารถสะกดจิตคุณชายลู่เพื่อให้เขาหลับอยู่ และให้เขาได้นอนพักผ่อนเดือนละหนึ่งวัน แต่ว่าสภาพจิตใจของเขาร้ายแรงขึ้นไวเกินไป และคุณชายก็ตื่นตัวไวมาก อีกทั้งแนวป้องกันในใจของเขาก็แข็งแกร่งจนน่ากลัว ดังนั้นฉันไม่สามารถสะกดจิตของเขาได้อีกต่อไปแล้ว” เซี่ยซีหวั่นไม่รู้สึกแปลกใจเลย ซึ่งลู่หานถิงเป็นผู้ชายที่มีความคิดโตเป็นผู้ใหญ่และเก็บตัว และแทบจะไม่ระบายอารมณ์ของเขาสู่ภายนอกเลย ผู้ชายแบบนี้เป็นคนที่ใจเย็นและควบคุมสติของตนเอง และเข้าข่ายโรคจิต เซี่ยซีหวั่นหรี่ตาของเธอลงเบาๆ จากนั้นเธอยื่นมือออกมาแล้วจับไปที่ลูกบิดประตู เพื่อที่จะเข้าไปด้านใน “คุณนาย ไม่ได้นะครับ คุณเข้าไปตอนนี้อันตรายเกินไป คุณลืมแล้วเหรอครับว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?”พ่อบ้านลุงฝูรีบกล่าวและห้ามอย่างรวดเร็ว เซี่ยซีหวั่นมองไปที่ลุงฝูด้วยดวงตาที่สดใสของเธอ“ลุงฝู เพราะฉันไม่ลืมนั่นแหละ ฉันเลยจะเข้าไปด้านใน และเมื่อความผิดปกติของการนอนไม่หลับพัฒนาสู่ความเจ็บปวดทางจิตล่ะก็ เขาก็จะไม่สามารถควบคุมเขาที่หงุดหงิดและเศร้าหมองที่อยู่ในร่างกายของเขาได้ และเมื่อถึงเวลาก็จะแยกบุคลิกที่สองออกมา ซึ่งบุลคิกที่สองของเขาก็จะเข้ามาแทนที่เขาโดยสิ้นเชิงนะคะ” ลุงฝูหน้าซีด เซี่ยซีหวั่นผลักประตูแล้วเข้าไป …… ภายในห้องทำงาน ลู่หานถิงมองมายังเซี่ยซีหวั่นที่ออกไปแล้วกลับเข้ามาใหม่ ความมืดมนตรงหว่างคิ้วของเขาก็เพิ่มขึ้นอีกครั้ง“ออกไป อย่าให้ฉันต้องพูดเป็นครั้งที่สาม!” เซี่ยซีหวั่นก้าวเท้าเดินไปข้างหน้า และดวงตาสีเข้มของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่สดใส“คุณลู่ ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าถ้าคุณพูดครั้งที่สามแล้วจะเกิดอะไรขึ้น?” ลู่หานถิงรู้สึกร่างกายของเขาอึดอัดทรมานมาก เส้นเลือดบนหน้าผากของเขาก็โผล่ขึ้นมา และร่างกายของเขาก็ค่อยๆสูญเสียการควบคุม เขาไม่อยากทำร้ายเธอ จึงยื่นมือออกมาแล้วจับไปที่แขนที่เรียวเล็กของเซี่ยซีหวั่น แล้วส่งเสียงออกมาจากลำคอของเขา“ไปให้พ้น!” เขาผลักเธอออก และเซี่ยซีหวั่นก็ไม่ได้ยืนนิ่ง ดังนั้นเมื่อตอนที่เธอล้มลงที่บนพรหมศีรษะของเธอก็กระแทกเข้ากับมุมที่แหลมคมของโต๊ะน้ำชา ทันใดนั้นเองเลือดก็ไหลออกมาจากศีรษะของเธอ โอ๊ย เซี่ยซีหวั่นเจ็บจนอุทานออกมา แล้วใช้มือของเธอปิดบาดแผลของตัวเองไว้ และเลือดสดก็ไหลออกมาจากนิ้วมือของเธอ
已经是最新一章了
加载中