บทที่ 4. จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง...   1/    
已经是第一章了
บทที่ 4. จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง...
“นายบอกว่าไอ้ลูเชียสมันท้าให้ฉันไปหามันที่บ้านเหรอ” “ครับคุณลูเชียสบอกว่าหากคุณอาร์มีอะไรข้องใจให้ไปพบที่บ้านได้เลย ตอนนี้เขามาเมืองไทยพอดี” ริชาร์ตรายงานความคืบหน้าเรื่องที่เขาตามอยู่ซึ่ง ลูเชียส เวอร์เลนติโน นักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อชาวอิตาเลี่ยนทายาทอดีตมาเฟียใหญ่ซึ่ง เวอร์เลนติโน นั้นเป็นตระกูลเก่าแก่และร่ำรวยที่สุดในอิตาลีด้วยและลูเชียสก็เป็นหนึ่งในหนุ่มหล่อผู้ร่ำรวยและทรงอิทธิพอๆ กับอาเธอร์ “ดี งั้นฉันจะไปตามคำท้า” อาเธอร์กล่าวเสียงเข้มดวงตาคมกล้าทอดมองไปนอกหน้าต่างซึ่งภายนอกนั้นมืดมิด ดวงดาวนับล้านสิ่งแสงระยิบเต็มท้องฟ้า “ให้ผมเตรียมอาวุธพร้อมเลยมั้ยครับ” “ไม่ต้อง ฉันจะไปแต่ตัว ฉันเชื่อว่าไอ้ลูเชียสมันมีศักดิ์ศรีพอไม่ลอบกัดแน่นอน นายไปจัดการตามหาร่องรอยของแพรดาวมาให้ฉันที” “ครับ” ริชาร์ตรับคำแล้วเดินออกไปพอดีกับที่พลอยไพลินเดินเข้ามา “คุณมีอะไรจะใช้ฉันหรือคะ” หญิงสาวกล่าวอย่างอ่อนเพลีย เพลียใจกับเจ้านายอารมณ์แปรปรวนที่ชอบฉีกสัญญาเป็นว่าเล่นอย่างเขานัก “ทำเหมือนเบื่อเลยนะ นี่เธอเพิ่งเริ่มงานได้ไม่ถึงสองวันเลยนะพลอยไพลิน” “เป็นใครก็ต้องเบื่อทั้งนั้นล่ะค่ะ” พลอยไพลินตอบเบาๆ หลบสายตาคมที่หันมาจ้องมองเหมือนเยาะหยัน เธอไม่ชอบสายตาแบบนี้ของเขาเลย หากเขาเกลียดเธอขยะแขยงเธอเขาจะมากอดจูบเธอทำไม โอ๊ย คิดอีกก็หน้าร้อนผ่าวๆ อีกแล้ว หญิงสาวคิดอย่างฉุนตัวเอง... “ไปเตรียมเสื้อผ้าให้ฉันสักสามชุดฉันจะไปธุระสักสองวัน” “ค่ะ” หญิงสาวรับคำแล้วกำลังจะเดินออกไปหากเขาเรียกเธอไว้ “เดี๋ยวก่อน เธอก็เตรียมของเธอไปด้วยเพราะเธอต้องไปรับใช้ฉัน” “ค่ะ” “ค่ะแค่นั้นเหรอ พูดได้แค่นี้...” เขาถามด้วยน้ำเสียงยียวนใบหน้าคมเข้มที่มีเคราเข้มหนาจนเธอมองไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขานั้นดูเหมือนโจรสลัดเจ้าเล่ห์เสียเหลือเกิน พลอยไพลินถอนหายใจอย่างระอาและนึกหมั่นไส้ว่าทำไมเขาไม่โกนหนวดเคราเสียบ้างนะ “ก็แล้วคุณจะให้ฉันพูดอะไรล่ะคะ ขอบคุณนะคะคุณอาเธอร์ผู้แสนดีที่ให้เกียรติดิฉันได้เป็นสาวใช้ส่วนตัว แบบนี้เหรอคะ” “เธอกำลังจะลองดีกับฉันหรือพลอยไพลิน” “เปล่าเลยค่ะ ไม่เคยคิด... แค่นี้ใช่มั้ยคะที่คุณจะใช้ฉัน” หญิงสาวเชิดหน้าขึ้นถามเขามองเขาอย่างไม่สบอารมณ์และแน่นอนเขาต้องไม่พอใจ แต่จะให้ทำอย่างไรล่ะ เขาเป็นเจ้านายที่ไม่มีสัจจะแบบนี้เธอจะทำดีหรือไม่ดีเขาก็สามารถฉีกสัญญาได้เสมอและเธอก็เสียเปรียบเขาทุกที เธออยากกลับบ้านไปให้พ้นหน้าเขาแต่การจะไปจากที่นี่มันไม่ใช่เรื่องง่าย รู้แต่เพียงว่าเธออยู่ในจังหวัดหนึ่งทางภาคใต้เพราะท้องทะเลเบื้องหน้าและได้ยินลูกน้องของเขาพูดกัน เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าตนจะมาไกลราวคนละฟากประเทศอย่างนี้ เธอมาไกลและไม่มีของมีค่าอะไรติดตัวมาเลยสักนิด เธอจะไปจากที่นี่ได้อย่างไรกัน แต่เอ๊ะ เขาจะไปธุระนี่นา นั่นก็หมายความว่าต้องมีโอกาสออกไปจากที่นี่และเธอจะมีโอกาสหลบหนีเขาด้วย อีตาฝรั่งหน้าเลือด... ชาตินี้อย่าได้เจอกันอีกเลย พลอยไพลินคิดในใจแล้วเดินสะบัดหน้าออกมาอย่างฉุนเฉียวที่เธอไม่เคยแสดงอาการแบบนี้กับใครเลยเพราะปรกติแล้วเธอจะเป็นคนใจเย็นและอ่อนโยน แต่ในตอนนี้เธอกำลังจะกลายร่างเป็นนางมารอยู่แล้ว... อาเธอร์มองตามแผ่นหลังบางไปอย่างรู้ทันความคิดของหญิงสาว เขาอยากรู้นักว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอที่เสียเปรียบเขาทุกทางอย่างพลอยไพลินจะทำอย่างไร เกมนี้เริ่มสนุกแล้วสิ... คฤหาสน์หลังงามที่ตั้งตระหง่านอยู่บนเนื้อที่กว่าหนึ่งร้อยไร่นั้นแวดล้อมด้วยสวนผลไม้และทุ่งหญ้าซึ่งที่มองเห็นอยู่ลิบๆ และมีม้ากำลังเล็มหญ้าอยู่หลายตัว ที่นี่คงเป็นทั้งสวนผลไม้และฟาร์มม้ากระมัง พลอยไพลินมองดูรอบๆ กายมาตลอดเส้นทางที่ร่วมทางกับเจ้านายหนุ่มหน้าเข้มที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารตรงหน้าและโทรศัพท์ติดต่องานของเขาอย่างคร่ำเคร่ง เธอพบว่าอาเธอร์เป็นคนที่จริงจังกับงานมากทีเดียวและคงดุมากด้วยเพราะได้ยินเขาต่อว่าลูกน้องอยู่หลายครั้ง ใบหน้าเข้มรกครึ้มนั้นก็ดูดุดันจนเธอต้องมานั่งตัวลีบเบียดชิดประตูอีกด้านของรถยนต์คันหรูราคาหลายสิบล้านของเขา หากเธอกับเขาเจอกันอย่างปรกติทั่งๆ ไป เธอก็คงคิดว่าเธอช่างมีบุญเสียเหลือเกินที่มีโอกาสนั่งรถราคาแพงและหากมารดากับพี่สาวเธอรู้ว่า นังลิน ได้นั่งรถหรูหราราคาแพงกับฝรั่งหน้าเข้มผู้ร่ำรวยจะว่าอย่างไรนะ... “มองหาทางหนีกลับบ้านหรือไง..” เสียงห้าวถามขึ้นลอยๆ ซึ่งทำให้คนที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ ถึงกับสะดุ้งหันมามองเขาหน้าตื่น “ปละ เปล่านะคะ” “เหรอ ก็ดีที่ไม่คิดหนี เพราะหากเธอคิดหนีแม่ของเธอแย่แน่ๆ” “ไม่ต้องมาขู่กันมากก็ได้ค่ะ ฉันรู้ค่ะว่าคุณยิ่งใหญ่คับฟ้า” หญิงสาวกล่าวประชดแล้วหันหน้าหนีเขาอย่างไม่อยากคุยด้วยพลางนึกในใจว่าของอะไรของเขาหายไปมันสำคัญมากแค่ไหนถึงได้ต้องตามล่าคนที่ขโมย แต่เขาก็ได้ตัวคนขโมยแล้วเพียงแต่ไม่ได้ของของเขาเท่านั้นเองเพราะพี่สาวของเธอเป็นคนส่งของชิ้นนั้นไปให้ใครอีกคนซึ่งได้ยินแว่วๆ ว่าเป็นมาเฟียข้ามชาติตัวร้าย จะใช่คนที่กำลังจะมาพบหรือเปล่านะ ถ้าอย่างนั้นพี่สาวเธอก็ต้องอยู่ที่นี่สิ... พลอยไพลินคิดไปต่างๆ นานาจนรถแล่นมาจอดหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ซึ่งมีคนรอต้อนรับและชายสามคนสวมสูทสีดำอีกทั้งยังใส่แว่นตาดำอีกด้วยทำให้เธอคิดถึงแก๊งของมาเฟียในภาพยนตร์ที่เคยดู นี่เธอกำลังอยู่ในดงมาเฟียหรือผู้ก่อการร้ายรึเปล่านะ... “เชิญคุณคิงส์ที่เรือนรับรองเลยครับ” ชายหนึ่งในสามกล่าวขึ้น น้ำเสียงและสีหน้าเรียบเฉยทำเหมือนหุ่นยนต์ อาเธอร์พยักหน้าช้าๆ แล้วเดินตามชายคนนั้นไป พลอยไพลินทำท่าลังเลไม่รู้จะทำตัวอย่างไรดีท่าทางเงอะๆ งะๆ ของเธอทำให้อาเธอร์ชักสีหน้าแล้วเดินกลับมากระชากแขนเรียวให้เดินตามเขาไป ส่วนเจ้าของแขนเรียวก็ได้แต่มองตามเขางงๆ และหน้าแดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เธอรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านมาจากมือหนาลามไปทั้งแขนและลามไปทั้งตัว... พลอยไพลินลอบมองชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่พอๆ กับอาเธอร์อย่างชื่นชม ลูเชียส เวอร์เลนติโน่ เป็นชายหนุ่มรูปงามใบหน้าหล่อเหลานั้นขาวสะอาดค่อนข้างคมหวานดวงตายาวใหญ่สีน้ำตาลเข้มนั้นดูมีแววรื่นรมย์อยู่เสมอ จมูกโด่งเป็นสันงดงามรับกับริมฝีปากหยักสวยได้รูปอย่างชายชาตรี เรือนผมสีน้ำตาลเข้มนั้นยาวระบ่ากว้าง โดยรวมแล้วลูเชียสดูเหมือนพวกศิลปินหรือคนทำงานเกี่ยวกับศิลปะมากกว่าเป็นนักธุรกิจหรือมาเฟีย และลูเชียสก็น่าเข้าใกล้มากกว่าคนที่เธอมาด้วยมากมายเลยทีเดียว... “ฉันว่านายน่าจะมองคนอื่นบ้างนะอาร์ คนที่ต้องการของของนายไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียว” “แต่ฉันรู้ว่าเธอมาที่นี่” “ใช่... เธอมาที่นี่ แต่ฉันไม่เห็นเธอเลยและไม่ได้เห็นของที่นายตามหาเลยแม้แต่น้อย แต่หากนายอยากให้ฉันช่วยตามก็ขอร้องให้ช่วยดีๆ ก็ได้ไม่ต้องใช้กำลังกับคนของฉันเหมือนหมาลอบกัด” ลูเชียสกล่าวเสียงจริงจังดวงตาสีน้ำตาลเข้มสบมองท้าทายดวงตาสีฟ้าจัดอย่างไม่เกรงกลัว... “ฉันไม่เคยลอบกัดใคร อีกอย่างนายก็น่าจะมองคนอื่นบ้างเพราะมีหลายคนที่จ้องจะกัดนายไม่ใช่มีแค่ฉัน...” อาเธอร์กล่าวสวนกลับไปบ้าง ชายหนุ่มทั้งสองจ้องหน้ากันนิ่งอย่างไม่มีใครยอมหลบแล้วทั้งสองก็ต้องหันมาตามเสียงสดใสของใครบางคน “อาหารว่างมาแล้วค่า เลิกเขม่นกันแล้วมาทานคุกกี้ฝีมือน้องโรสดีกว่า อุ้ย...สวัสดีค่ะพี่อาร์ เชิญค่ะๆ แหมไม่อยากเชื่อเลยว่าพี่อาร์จะมาเยี่ยมพี่ลูซที่รักของโรสถึงที่นี่” “มาอีกแล้วยายน้องโรสตัวยุ่ง ใครให้เด็กมาดื้อมาวุ่นวายตอนผู้ใหญ่คุยกัน ฮึ” ลูเชียสพูดอย่างหงุดหงิดเมื่อเห็นหน้าสาวน้อยที่ดูจะชะงักไปกับคำพูดของเขา “น้องโรส พี่บอกกี่ครั้งแล้วว่าเวลาผู้ใหญ่คุยกันอย่ามาวุ่นวาย หากวุ่นวายมากๆ พี่จะให้ไอ้อาร์มันพาเรากลับไปส่งที่บ้านแล้วห้ามหนีมาหาพี่อีก เด็กอะไรน่ารำคาญที่สุดเลย” ลูเชียสกล่าวเสียงเข้มกับสาวน้อยหน้าใสที่ยืนมองเขาตาแป๋ว... น้องโรส หรือ รสิตา เรืองโรจน์ คิงส์ สาวน้อยลูกครึ่งไทย อเมริกัน วัยยี่สิบที่แอบชอบลูเชียสมานานแอบหนีบิดาออกจากบ้านมาอยู่ที่บ้านของลูเชียสเพียงเพื่อจะได้ทำหน้าที่ดูแลชายหนุ่มในขณะที่เขามาพักที่เมืองไทย รสิตาเป็นบุตรสาวของบิดาบุญธรรมของอาเธอร์ด้วยซึ่งบ้านของรสิตาก็มีอาณาเขตติดกับคฤหาสน์ของลูเชียสนี่เอง “น้องโรส พี่บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่ามาบ้านไอ้ขี้เก็กนี่ แล้วคุณพ่อเรารู้รึเปล่าว่ามาที่นี่ ทำไมเกเรอย่างนี้นะ” อาเธอร์ต่อว่าสาวน้อยบ้างและน้องโรสก็ทำหน้าจ๋อยๆ ตาแดงๆ เหมือนจะร้องไห้ด้วย ดวงตากลมโตสีเขียวมรกตนั้นเอ่อคลอด้วยน้ำตา ใบหน้าเรียวได้รูปขาวใสอมชมพูนั้นดูเศร้าสลดลงทันตา... “พี่อาร์ไม่เข้าใจน้องโรสเลย คุณพ่อก็ด้วยพี่ลูซก็ด้วย ไม่ต้องกินแล้วไอ้คุกกี้นี่ น้องโรสเกลียดพี่อาร์ เกลียดพี่ลูซ คำก็ไล่สองคำก็ไล่น้องโรส เกลียดๆ...” รสิตาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสะอื้นแล้วปาจานคุกกี้ทิ้งต่อหน้าทุกคนจนจานกระเบื้องลายสวยแตกกระจายอย่างฉุนเฉียวก่อนจะวิ่งหายเข้าไปในบ้าน... พลอยไพลินมองตามร่างระหงของสาวน้อยไปอย่างนึกเห็นใจที่โดนผู้ชายทั้งสองคนต่อว่า หญิงสาวลุกขึ้นมองหน้าทั้งสองหนุ่มอย่างไม่พอใจ... “พวกคุณเป็นผู้ชายที่น่าเกลียดที่สุดเลย โดยเฉพาะคุณมิสเตอร์เวอร์เลนติโน่ตอนแรกฉันชื่นชมคุณนะคะ คิดว่าคุณน่าจะเป็นคนดีอ่อนโยน มีน้ำใจ แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าคุณก็ร้ายกาจพอๆ กับคุณคิงส์นั่นล่ะ” พลอยไพลินโพล่งออกมาอย่างเหลืออดโดยไม่ทันนึกว่าตนอยู่ในฐานะอะไร ตอนนี้เธอต้องการปกป้องศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิงด้วยกัน เธอดูออกว่าน้องโรสนั้นรักลูเชียสแน่นอน และลูเชียสไม่น่าตอบแทนความรักของสาวน้อยน่ารักอย่างน้องโรสอย่างนี้เลยพลอยไพลินเสียมารยาทเดินหนีชายหนุ่มทั้งสองคนตามน้องโรสไป... อาเธอร์กับลูเซยสหันมาสบตากันแล้วมองตามพลอยไพลินไปอย่างงงๆ แล้วก็หันมามองหน้ากันอีกครั้ง... “นี่คู่ขาใหม่ของนายหรือวะไอ้อาร์ ปากร้ายชะมัด” “ไม่ใช่ อย่ามาเสือกรู้ดี ฉันไม่มีวันเอาผู้หญิงไทยมาเป็นเมียหรือแม้แต่คู่ขา” อาเธอร์ปฏิเสธเสียงแข็ง ใบหน้าคมเข้มด้วยหนวดเคราดูไม่สบอารมณ์หากเขาไม่มีหนวดเคราพรางตาลูเชียสคงได้เห็นปื้นแดงๆ ที่กระจายไปทั้งใบหน้าเขาแน่ๆ “เออ... ขอให้จริง แต่คนไทยเขาว่าเกลียดอะไรได้อย่างนั้นนะเว้ย” “นายก็เหมือนกันนั่นล่ะ อย่ามาปากดี และอย่ามาหลงรักน้องสาวฉันก็แล้วกันเพราะฉันจะขัดขวางให้ถึงที่สุด” “ไม่มีทาง ฉันไม่มีวันรักยายเด็กกะโปโลร้ายกาจนั่นแน่ๆ” ถึงคราวที่ลูเชียสจะปฏิเสธบ้าง “เออ... แล้วฉันจะคอยดู...” ชายหนุ่มทั้งสองมองสบตากันอย่างไม่มีใครยอมใครและไม่ยอมรับในสิ่งที่อีกฝ่ายเอ่ยมา โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ตนพูดมานั้นมันจะย้อนมามัดใจของพวกเขาจนดิ้นไม่หลุดและพวกเขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่กับผู้หญิงที่พวกตนต่างตั้งแง่ปฏิเสธ.. “เอ่อ ขอโทษนะคะ เมื่อกี้เห็นน้องโรสมั้ยคะว่าไปทางไหนคะ” พลอยไพลินเดินงงอยู่ในห้องโถงโอ่อ่าของคฤหาสน์หลังงาม ทำไมมันถึงได้กว้างขวางขนาดนี้และมีประตูที่ไปได้หลายที่ซึ่งเธอไม่รู้ว่ารสิตาไปทางไหน “อ๋อ คุณหนูโรสไปที่สวนด้านหลังค่ะที่นั่นมีสระว่ายน้ำและสวนดอกไม้สวยๆ เธอชอบไปที่นั่นค่ะยามทะเลาะกับคุณลูเชียส” ป้านิ่ม แม่บ้านวัยกลางคนบอกกับเธอเป็นภาษาไทยเมื่อมองใบหน้าเรียบๆ หญิงสาวตรงหน้าแล้วมั่นใจว่าเธอเป็นคนไทยเหมือนๆ กับนางแม้ค่อนข้างแปลกใจที่เห็นพลอยไพลินมากับอาเธอร์ “ขอบคุณนะคะ แหมลินดีใจจังที่เจอคนไทยเหมือนกันบ้าง” หญิงสาวบอกอย่างยินดี “ค่ะ ป้าก็ดีใจ อ้อ ป้าชื่อป้านิ่มนะคะ” “ค่ะ ขอบคุณค่ะป้านิ่มลินขอตัวไปหาน้องโรสก่อนนะคะ” พลอยไพลินขอตัวอย่างอ่อนน้อมสร้างความชื่นชมให้แก่ป้านิ่มเป็นอย่างมาก แล้วร่างอวบอ้วนของนางก็เดินไปหาผู้เป็นนาย “คุณลูเชียสทำร้ายจิตใจคุณหนูโรสอีกแล้วนะคะ” นางกล่าวตำหนิคนที่เป็นทั้งเจ้านายและเป็นเสมือนบุตรชายเพราะนางเลี้ยงดูลูเชียสมาตั้งแต่เด็กๆ “สวัสดีครับป้านิ่ม” อาเธอร์กล่าวทักทายหญิงสูงวัยอย่างเคารพ นับว่าป้านิ่มเป็นผู้หญิงไทยคนเดียวที่เขาให้ความเคารพอย่างไร้อคติ “สวัสดีค่ะคุณอาร์ นี่พวกคุณสองคนยังไม่เลิกทะเลาะกันเหมือนเด็กๆ อีกหรือคะ สามสิบกว่าปีกันแล้วนะคะ ไม่ใช่เด็กๆ อายุสิบสาม อย่าให้ป้ารู้อีกเชียวว่าทะเลาะกันเรื่องไร้สาระเหมือนเดิมอีก” ป้านิ่มคาดโทษ “ครับป้านิ่ม” สองหนุ่มรับคำพร้อมกันลูเชียสเข้ามาโอบบ่าของอาเธอร์เหมือนจะยืนยันคำสัญญาอาเธอร์เองก็โอบตอบเช่นกันแต่มือที่ไขว่หลังอยู่ของทั้งสองกำลังซัดกันนัวเนีย ผู้สูงวัยก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอาความร้ายกาจของเด็กชายอาเธอร์กับเด็กชายลูเชียส... พลอยไพลินกับรสิตาคุยกันอย่างออกรสเมื่อได้ทำความรู้จักกันแล้ว รสิตารู้สึกถูกชะตากับพี่สาวคนนี้มากๆ แล้วขอเรียกพลอยไพลินว่า พี่ลิลลี่ และยังแอบคาดหวังว่าพลอยไพลินจะรักษาใจด้านชาของพี่ชายได้ สองสาวหย่อนขาลงไปในสระว่ายน้ำใสแจ๋วแกว่งเล่นไปมาอย่างปลอดโปร่งมากขึ้น “น้องโรสดีใจนะคะที่พี่ลิลลี่มาที่นี่ น้องโรสจะได้มีเพื่อน แต่จะว่าไปชื่อเราสองคนคล้องจองกันดีนะคะ” สาวน้อยชวนคุยอย่างเป็นกันเอง “ค่ะ พี่ลินก็ยินดีค่ะ ดีใจมากด้วยที่พบเจอคนอื่นบ้าง” “พี่ลิลลี่มาอยู่กับพี่อาร์นานรึยังคะทำไมน้องโรสไม่รู้เลย” “พี่เพิ่งมาอยู่กับคุณอาเธอร์ได้ไม่ถึงอาทิตย์เลยค่ะ มาแบบงงๆ ด้วย” แล้วพลอยไพลินก็เล่าความเป็นมาให้สาวน้อยฟังและแอบคาดหวังว่ารสิตาจะเห็นใจเธอ “ตายจริง... จริงหรือคะเนี่ย น้องโรสไม่คิดเลยนะคะว่าพี่อาร์จะเป็นคนอย่างนั้นปรกติพี่อาร์ไม่เข้าใกล้ผู้หญิงไทยหรือไม่เคยให้ผู้หญิงไทยคนไหนอยู่ร่วมบ้านค่ะ ครั้งนี้แปลกมาก” “ไม่แปลกหรอกค่ะ เขาคงอยากได้ของสำคัญคืนและพี่สาวของพี่ลินก็เป็นคนเอามันไป พี่ลินก็เหมือนตัวประกัน” “ช่างเถอะค่ะ เราอย่าไปเครียดกับเรื่องนี้เลย เรามาเล่นน้ำกันดีกว่ามั้ยคะ น้องโรสอยากว่ายน้ำ” “แต่พี่ไม่มีชุดมานะคะ อีกอย่างคุณอาเธอร์คงคุยธุระเสร็จแล้ว” “ไม่หรอกค่ะ เชื่อน้องโรสเถอะว่าเขาคุยกันอีกนาน เผลอๆ ถึงเย็น เร่ามาเล่นน้ำกันดีกว่าแล้วเรื่องของพี่ลิลลี่น้องโรสจะจัดการให้ รู้มั้ยพี่อาร์น่ะเกรงใจคุณพ่อของน้องโรสที่สุด หากที่ลิลลี่อยากให้คุณพ่อช่วยรับรองไม่ผิดหวังแต่เราต้องใจเย็นๆ ค่ะ” รสิตายิ้มเจ้าเล่ห์อย่างมีแผนการในใจ ใบหน้าสวยสดใสแดงปลั่งอย่างตื่นเต้นดีใจพลอยไพลินพยักหน้าเห็นด้วยเมื่อสาวน้อยชักชวนไปเปลี่ยนชุดที่ห้องของเธอ...
已经是最新一章了
加载中