ตอนที่ 4
แม่ส้มจีนชักพาให้หลายคู่ได้ตบแต่ง รวมทั้งคู่ของคุณหญิงชบาด้วย แม้ครั้งนั้นคุณหญิงในวัยสาวรุ่นจะไม่ได้สานต่อความสัมพันธ์กับท่านเจ้าคุณ ที่ยามนั้นเพิ่งได้บรรดาศักดิ์เป็นคุณพระใหม่ๆ แต่ก็ถือว่าการพบกันครั้งแรกก็ได้แม่ส้มจีนเป็นสื่อชักพา
แม่ส้มจีนสนุกกับการจับคู่และยินดีชื่นชมกับสินจ้างจึงไม่คิดจะออกเรือนไปกับชายใด ประจวบกับอัธยาศัยดี รู้จักผู้คนกว้างขวาง เมื่อออกจากวัง แม่ส้มจีนจึงยึดแม่สื่อแม่ชักเป็นอาชีพ จนถึงวันนี้เมื่อเพื่อนฝูงมีลูกมีหลาน จึงไม่เว้นจะไหว้วานให้แม่ส้มจีนช่วยดูกุลบุตรและกุลธิดาในตระกูลที่เหมาะสมให้ นั่นก็ยิ่งทำให้แม่ส้มจีนอู้ฟู้กว่าเดิม และก็ถึงคราวที่คุณหญิงชบาจะไหว้วาน
คุณหญิงชบาพาแม่ส้มจีนเดินลัดเลาะจากหน้าร้านเข้ามาด้านหลังซึ่งเดิมเป็นบ้านเก่าของคุณหญิงชบาเอง แต่เมื่อออกเรือน ท่านเจ้าคุณกรุณาปลูกเรือนใหม่ให้พ่อแม่และเหล่าคนงานทำทอง คุณหญิงจึงปรับเปลี่ยนหน้าบ้านทำเป็นร้านขายทอง ส่วนห้องทำทองซ่อมทองก็เลื่อนเข้ามาอีกชั้น เพื่อให้สะดวกในยามที่ลูกค้าต้องการเลือกหาสร้อย แหวน หรือกำไลที่ถูกใจ ในตัวบ้านยังตกแต่งตามแบบชาวจีนคงไว้สำหรับพักอาศัยได้ดังเดิม
จากห้องทำทองก็เข้าสู่ส่วนรับรองผู้มาเยือน จากนั้นก็เข้าสู่บริเวณสวนกลางบ้านที่ด้านบนนั้นเปิดโล่งให้รับลมรับแดดจากภายนอกได้ทั่ว แต่เดิมนั้นบริเวณนี้คือที่ตากผ้า ตากอาหารแห้งให้เก็บไว้กินได้นานปี แต่ตอนนี้มีเพียงต้นไม้ให้ร่มเงาอยู่มุมหนึ่ง และเมื่อมองถัดเข้าไปด้านในก็จะเป็นเขตส่วนตัวของเจ้าของบ้าน ซึ่งได้แก่ ห้องพักผ่อน ห้องนอน ห้องครัว และห้องน้ำ
“บ้านยังคงเหมือนเดิมทุกอย่างเลยนะคะคุณหญิง”
แม่ส้มจีนมองไปทั่วบริเวณ แม้จะเคยมาเยือนเพียงครั้งเดียวเมื่อเป็นสาวรุ่น แต่ก็จำได้ไม่ลืม เพราะลูกสาวพ่อจีนแม่ไทยมีไม่มากนักที่จะเข้าไปถวายตัวรับใช้เจ้านาย ความสัมพันธ์ระหว่างหล่อนและคุณหญิงชบาในยามนั้นจึงแน่นแฟ้น
“ใช่ค่ะคุณพี่ ฉันไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลยค่ะ ครั้งที่คุณเตี่ยกับคุณแม่สิ้นไป ฉันก็คิดว่าคงแล้วแต่พ่อทองเขาจะปรับจะเปลี่ยนอะไรให้ตามสมัย เพราะตัวฉันเองก็ไม่ได้มาค้างที่นี่ มีแค่คนงานนอนเฝ้าร้านและก็พ่อทองที่เทียวมานอนพักน่ะค่ะ แต่พ่อทองน่ะสิคะ เขาบอกว่าเก็บไว้แบบนี้ก็ดีแล้ว ตัวฉันเองจะได้รู้สึกเหมือนกลับบ้านทุกวัน และก็เป็นจริงอย่างที่ลูกพูดไว้ไม่มีผิดค่ะ ฉันเหมือนได้กลับบ้านทุกวันจริงๆ ที่นี่มีความทรงจำมากมาย”
แม่ส้มจีนแตะข้อศอกคุณหญิงชบาแผ่วเบา วาวน้ำตาที่รื้นขึ้นนั้นบ่งบอกถึงความผูกพันในสถานที่ คุณหญิงชบายิ้มน้อยๆ ก่อนจะเชิญแม่ส้มจีนไปนั่งที่ตั่งรับรองผู้มาเยือนบริเวณร่มไม้ใหญ่ริมสวนสวย แค่อึดใจคนงานหญิงก็นำน้ำและขนมหวานออกมารับรอง
“คุณพี่ดื่มน้ำและรับประทานขนมก่อนนะคะ พักให้หายเหนื่อย ประเดี๋ยวค่อยคุยกัน”
“โอ้โห! ลาภปากของฉันแท้ๆ ค่ะ ที่ได้มากินกระท้อนลอยแก้วเลื่องชื่อ ฝีมือคุณหญิงท่านเจ้าคุณชาญชลากิจ”
“แหม... คุณพี่คะ หน้านี้บ้านไหนๆ ก็มีกระท้อนลอยแก้วกันทุกบ้านนั่นแหละค่ะ”
“แต่จะมีบ้านไหนจักเนื้อเป็นดอกไม้และคว้านได้สวยเท่าคุณหญิงล่ะคะ”
“คุณพี่ก็ชมฉันร่ำไป ตัวคุณพี่เองก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ แม่สายพิณอีกคน รายนั้นเก่งนัก”
แม่ส้มจีนแตะหลังมือที่ริมฝีปากหัวเราะน้อยๆ เพราะนึกขันตัวเอง “ก็ใช่อยู่ค่ะ ฉันก็ทำได้ แต่ไม่ใคร่จะทำดอกค่ะ เพราะคิดถูกที่ไม่มีลูกมีผัวก็เลยไม่ต้องทำ อาศัยกินจากบ้านน้องบ้านเพื่อนนี่แหละค่ะ ไม่ลำบากดี ส่วนแม่สายพิณก็รับใช้ลูกผัวไป ฉันน่ะรอดตัว”
ครานี้เป็นฝ่ายคุณหญิงชบาที่หัวเราะน้อยๆ เมื่อนึกถึงความหลังครั้งที่ไปเฝ้าเสด็จในกรม
“เสด็จท่านถึงว่า คุณพี่ไม่เอาผัวเพราะขี้งก กลัวว่าจะต้องรับใช้ผัวรับใช้ลูก สู้เอาเงินจากเป็นแม่สื่อดีกว่า รวยและสบายกว่ากันเยอะ ส่วนฉันกับแม่สายพิณก็อาจจะลำบากหน่อยเพราะว่าผัวรักมาก”
“เสด็จท่านพูดถูกทุกอย่างค่ะ” แม่ส้มจีนรับคำหัวเราะน้อยๆ พลางตักกระท้อนลอยแก้วเข้าปาก เคี้ยวช้าๆ ดื่มด่ำรสชาติ ยิ้มน้อยๆ ถูกใจนัก
“คุณพี่รับประทานให้อิ่มนะคะ ประเดี๋ยวเราค่อยพูดธุระกัน ฉันให้เด็กจัดใส่ปิ่นโตไว้ให้คุณพี่นำกลับไปรับประทานที่บ้านด้วยค่ะ”
“พูดตอนนี้แหละค่ะคุณหญิง พูดไปกินไปก็ได้ ฉันไม่ถือดอกค่ะ ส่วนปิ่นโตนั้นจัดเยอะๆ นะคะ ประเดี๋ยวจะไม่อิ่ม ฉันล้อเล่นน่ะค่ะ ไม่ต้องตักไปเยอะ วันพรุ่งฉันก็จะกลับแปดริ้วแล้วค่ะ จะไปกินกระท้อนลอยแก้วฝีมือแม่สายพิณเขา”
แม่ส้มจีนป้องปากหัวเราะคิกคักเหมือนสาวรุ่นเพราะขันกับท่าทีตาโตของคุณหญิงจนหล่อนต้องรีบบอกว่าพูดล้อเล่น คุณหญิงชบาหัวเราะตามกิริยาเฉกเช่นเดียวกัน ด้วยอยู่กันตามลำพังไม่ใช่คุณหญิงและแม่สื่อที่ต้องรักษากิริยาเมื่อสนทนา ในยามนี้จึงเหมือนเพื่อนสนิทเล่าสู่ความหลัง ถ้อยสนทนาถูกคอเป็นกันเองจึงดำเนินไป
เนื้อหาทั้งหมดก็ไม่พ้นเรื่องราวความหลังหนเก่า ที่ไม่ว่าจะพบกันกี่ครั้งก็พูดเรื่องเดิมทุกคราไป จนมาถึงเรื่องที่คุณหญิงชบาต้องการไหว้วานแม่ส้มจีน