ตอนที่ 10
ทองปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปตามแต่หัวใจจะนำพา คิดไปถึงวันที่เขากับลูกจันทร์ได้ครองคู่ คิดไปถึงพิธีแต่งงานที่คงมีทั้งพิธีไทยและพิธีจีน ทว่าก็ต้องตื่นจากภวังค์ด้วยมีเสียงผู้หนึ่งเรียกชื่อเขา
“คุณพระนาย... คุณพระนายทอง”
“ครับ คุณป้า... คุณป้านั่งเรือมา...”
ทองอึ้งที่เห็นคุณป้าส้มจีนยืนอยู่ตรงหน้า และเมื่อนึกได้ว่าเขาปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปไกลจนไม่ทันสังเกตว่าคุณป้าส้มจีนเป็นหนึ่งในผู้โดยสารอยู่ในเรือลำเดียวกัน ความร้อนก็พุ่งวูบขึ้นใบหน้า ด้วยในห้วงความคิดของเขามีเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มมาวิ่งเล่น จนคิดเตลิดไปไกลคล้ายเป็นหนุ่มน้อยริรัก
“ผมไหว้ครับคุณป้า มาครับ ผมช่วย”
เขาพนมมือไหว้ก่อนจะเอื้อมมือไปช่วยประคองคุณป้าส้มจีนให้ก้าวขึ้นจากลำเรือ ช่วยถือกระเป๋าสัมภาระ ก่อนจะพาเดินเข้าไปในส่วนของตลาดซึ่งมีเก้าอี้จัดเตรียมไว้สำหรับให้ผู้โดยสารเรือได้นั่งพักเพื่อรอเรือหรือรอญาติพี่น้องมารับ
“รอตรงนี้แหละจ้ะคุณพระนาย ประเดี๋ยวหลานสาวจะมารับ แต่เอ... มาหรือยังนะ ไม่เห็นเรือเลย”
คุณป้าส้มจีนชะเง้อคอมองเรือหลายสิบลำในคลองก่อนจะหันมาชะเง้อไปทางปากคลอง ทองจึงรู้ว่าคุณป้าไม่ได้ต่อเรือลำเดียวกันกับเขาแน่
“คุณป้าไม่ได้เข้าในตัวแปดริ้วหรือครับ”
“ไม่จ้ะ ป้าจะไปบ้านของน้องสาวที่ตลาดสี่แยกน่ะ ยังไม่ถึงแปดริ้ว นั่งเรือตัดคลองพญานาคราชออกไปทางคลองจระเข้น้อย เข้าคลองเปรง คลองขวาง ก็ถึงจ้ะ อาจจะค่ำหน่อย แต่ก็ไม่ต้องย้อนไปย้อนมาให้ยุ่งยาก แล้วนี่คุณพระนายจะเข้าแปดริ้วหรือจ๊ะ อ้อ... คุณพระนายประจำที่สถานีแปดริ้ว”
ทองอมยิ้มน้อยๆ กับท่าทางร้องอ้อของคุณป้าส้มจีน เพราะท่านคงทราบจากแม่แล้วว่าเขาประจำอยู่สถานีฉะเชิงเทรา
“ผมขอประทานโทษด้วยครับ ที่ไม่เห็นคุณป้า ถ้าเห็นเสียตั้งแต่ลงเรือจะได้นั่งด้วยกัน”
“ไม่เป็นไรดอกจ้ะ ป้าน่ะเห็นคุณพระนายตั้งแต่ลงเรือแล้วล่ะ แต่เรียกไปก็ไม่ได้ยินดอก เสียงเครื่องยนต์มันดัง แล้วนี่คุณพระนายไม่มีสัมภาระหรือจ๊ะ”
ใบหน้าหล่อระบายไปด้วยรอยยิ้มเมื่อคุณป้าส้มจีนมองหาสัมภาระของเขา “ไม่มีดอกครับคุณป้า คราวนี้มาแค่สองวันน่ะครับ เสื้อผ้าที่เรือนพักก็พอมีให้ผลัดเปลี่ยน”
“ป้าก็ว่าจะมาแค่สองวันเหมือนกันจ้ะ นี่ลงมารับหลานสาวไปอยู่ด้วย แม่เชื้อเขาอยากให้ไปเรียนรู้มารยาทชาววังบ้าง อยู่บ้านเหมือนม้าดีดกะโหลก”
“คงกำลังโตเลยนะครับ”
“ใช่จ้ะ ปีนี้ก็... อ้าว! นั่นเรือท่าถั่วมาแล้วนะ”
ทองมองตามเรือที่กำลังเข้าท่าก่อนจะหันกลับหาผู้สูงวัย “งั้นประเดี๋ยวผมไปบอกคนเรือก่อนนะครับว่าผมอยู่ตรงนี้ จะได้กลับมารอเป็นเพื่อนคุณป้า”
“จ้ะ แต่ถ้าเรือเขาออกเร็ว คุณพระนายไปได้เลยนะจ๊ะ ไม่ต้องห่วงป้า ป้ามาบ่อย คุ้นเคยกับร้านค้าแถวนี้ดี”
“ครับ คุณป้ารอประเดี๋ยวนะครับ”
แม่ส้มจีนมองเจ้าของร่างสูงที่อยู่ในชุดสูทตามสมัยนิยมเดินตรงไปยังท่าเรือ รอยยิ้มชื่นชมระบายบนใบหน้า นึกอิ่มใจแทนท่านเจ้าคุณและคุณหญิงชบาที่มีลูกชายโทนเอาการเอางานได้ดิบได้ดีทั้งที่อายุยังน้อย หล่อนยิ่งหมายใจว่าจะต้องหากุลธิดาที่เหมาะสมมาเป็นคู่กับคุณพระนายให้จงได้ แม่ส้มจีนคิดเพลินก่อนจะสะดุ้งโหยง
“ว้าย! ตาเถรตกยายชีหล่น”
อุทานเสียงดังเพราะมีคนมากอดรัดจากด้านหลัง แต่เมื่อเห็นท่อนแขนที่กอดรัดเป็นผู้หญิงใส่เสื้อแขนยาวสีนวลลวดลายดอกไม้กระจิริด พร้อมได้ยินเสียงหัวเราะคิกคัก แม่ส้มจีนมันเขี้ยวจึงเปลี่ยนเป็นหยิกหมับที่เนื้อแขนอย่างแรง
“โอ๊ย! คุณป้าขา หนูเจ็บนะคะ โอย... หนูไหว้ค่ะ”
คนกอดรัดปล่อยทันทีพร้อมทำเสียงโอดโอยแต่ก็ยังพนมมือไหว้ จากนั้นก็ลูบต้นแขนที่ถูกหยิก ดวงตาปรอยๆ มองมาจนแม่ส้มจีนที่หน้าง้ำเพราะถูกทำให้ตกใจต้องรีบรุดมาดูแขนหลานสาวว่าเจ็บจริงหรือแสร้งโอดโอย
“ไหนป้าดูสิลูก เจ็บจริงรึนี่”
“หูย... ก็เจ็บสิคะ คุณป้าหยิกเสียแรง”
“ก็เราน่ะทำให้ป้าตกใจทำไมเล่า”
“หนูแค่หยอก ก็หนูคิดถึงคุณป้านี่คะ ว่าแต่...”
“แต่อะไรรึยัยหนู”
“ตาเถรตกกับยายชีหล่นนี่ คุณป้าเก็บขึ้นมาหรือยังคะ”
“ยัยหนูลูกจันทร์!”
แม่ส้มจีนง้างมือจะตีก้น แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าลูกจันทร์เป็นสาวเต็มตัวแล้ว ไม่ใช่เด็กหญิงเล็กๆ อย่างที่คุณพระนายเข้าใจผิดเมื่อครู่ และหล่อนก็ยังไม่ได้อธิบายเรือจากท่าถั่วก็มาซะก่อน
“คุณป้ามองหาใครหรือคะ รีบไปลงเรือเถอะค่ะ ประเดี๋ยวจะค่ำ”
ลูกจันทร์บอกพลางแตะข้อศอก แต่คุณป้าก็ยังคงชะเง้อไปที่ท่าจอดเรือเหมือนรอใครบางคน
“ก็ดูคุณพระนายทองน่ะสิ นั่งเรือมาด้วยกัน นี่คุณพระนายไปดูเรือท่าถั่วว่าจะออกเร็วไหม”
“คุณป้าจะคอยคุณพระนั่นหรือคะ”
“คุณพระนั่นที่ไหน ต้องเรียกว่าคุณพระนาย”
“ก็เหมือนกันแหละค่ะคุณป้า คุณพระผู้ชายก็เรียกคุณพระนาย คุณพระผู้หญิงถึงจะเรียกว่าคุณพระนาง แต่ถ้าคุณพระผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงานก็เรียกว่าคุณพระนางสาว”
“ยัยหนูลูกจันทร์!”