บทที่ 11 แฟนาติกที่ถูกจับได้
1/
บทที่ 11 แฟนาติกที่ถูกจับได้
Selena and the Vampire เซลีน่ากับผู้มาจากรัตติกาล
(
)
已经是第一章了
บทที่ 11 แฟนาติกที่ถูกจับได้
“นอส!” ’ใครเรียกอีกเนี่ย’ แวมไพร์ที่กำลังนอนพักผ่อนงัวเงียโผล่หน้าออกมาจากใต้ผ้าห่ม เห็นเซลีน่าเปิดประตูเข้ามาก่อนที่เธอจะพุ่งมาเขย่าร่างเขาแรง ๆ “ตื่นได้แล้วนอส วันนี้เจ้าต้องลงไปที่หมู่บ้านกับข้า อย่าลืมสิว่าคนในหมู่บ้านอยากเห็นหน้าเจ้า” “ไม่อยากไปเลย” เนื่องจากเมื่อคืนออกแรงเยอะ กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็เลยเที่ยงคืนไปได้ระยะหนึ่งแล้ว นอสรู้สึกเหมือนตัวเองนอนไม่เป็นเวลา กลางวันเขาควรพักผ่อนแต่ตอนนี้คงทำแบบนั้นไม่ได้ จึงจำใจลุกจากที่นอนไปจัดการธุระส่วนตัว “ข้าจะจัดการมื้อเช้ารอนะ” เซลีน่ากลับมานั่งที่โต๊ะอาหารจากนั้นเธอก็กวาดของกินลงกระเพาะ ส่วนของนอสก็คงไม่พ้นเลือดที่นำกลับมาจากแบล็ควอลซึ่งตอนนี้เธอเทใส่แก้วไว้ให้แล้ว จากเหตุการณ์เมื่อคืนทำให้เธอรู้ว่านอสไม่ใช่แวมไพร์ระดับราชวงศ์อย่างเดียว ก่อนที่เขาจะทำงานเป็นหน่วยขนส่ง เขาเป็นสมาชิกหน่วยล่าสังหารซึ่งเป็นกลุ่มแวมไพร์ที่เก่งที่สุดในดินแดนรัตติกาล ทว่าบันทึกที่เธอเจอทำให้เธอสงสัย เพราะในสมุดเล่มนั้นบอกเป็นเชิงว่าหน่วยล่าสังหารกลุ่มใหม่ถูกส่งมาแนวหน้าและพวกเขาไม่แข็งแกร่งเท่ากลุ่มก่อน “นอส” “อะไรเหรอ” เจ้าของชื่อเดินหาวนอนมานั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเจ้าของบ้าน “เจ้าเป็นหน่วยล่าสังหารรุ่นไหน รุ่นก่อนหน้านี้หรือรุ่นกำแพงแตก” “ถ้าข้าเป็นรุ่นกำแพงแตก ข้าคงไม่ได้ทำงานเป็นหน่วยขนส่งหรอก อีกอย่างหน่วยล่าสังหารที่ข้ารู้จักไม่ได้อ่อนแอ เราสู้กับแฟนาติกและป้องกันกำแพงมาตลอด พวกมันไม่เคยล้ำเข้ามาในรัศมีสามกิโลเมตร” อดีตสมาชิกหน่วยที่เก่งที่สุดมีสีหน้าหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด เจ้าตัวยกแก้วเลือดขึ้นมากระดก เซลีน่าที่นั่งฟังเงียบ ๆ ก็กะพริบตาปริบ ๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเขาทำหน้าเหมือนอยากฆ่าคน “หน่วยล่าสังหารในตอนนี้อ่อนแอมากเหรอ” “ไม่เชิงว่าอ่อนแอ แต่พวกเขาเป็นคนจากหน่วยอื่นที่เบื้องบนจับยัดใส่เอา ในขณะที่หน่วยล่าสังหารเดิมถูกส่งไปอยู่หน่วยอื่นหมด...เรื่องนี้โอลิเวอร์รับมือไม่ได้หรอก” นอสบ่นถึงใครบางคนซึ่งเซลีน่าไม่เคยได้ยิน เธอเดาว่าน่าจะเป็นใครสักคนที่ชายหนุ่มรู้จัก “โอลิเวอร์นี่ใครเหรอ” “เจ้าชายลำดับที่หนึ่ง โอลิเวอร์ เทเปส ทรานซิลเวีย เขาเป็นคนดูแลหน่วยล่าสังหาร แต่อย่างที่เห็น แบล็ควอลล่มแล้ว เขารับมือไม่ไหวหรอก” “ทำไมสกุลยาวจัง ตั้งสั้น ๆ ไม่ได้หรือไง” นึกแล้วก็อดคิดชื่อเต็ม ๆ ของคู่สนทนาไม่ได้ นอสเป็นพวกราชวงศ์ ชื่อของเขาคงไม่ได้สั้น ๆ แค่พยางค์เดียวแน่ “มันมีที่มา ราชวงศ์ที่ปกครองดินแดนคือทรานซิลเวีย แต่บรรพบุรุษของเรามาจากตระกูลเทเปสของวลาด แดร็กคูล่า เทเปส แวมไพร์ตนแรกของโลก พวกเทเปสถูกนักล่ากวาดล้างหมดแล้ว พวกที่ยังอยู่ก็คือลูกหลานอย่างทรานซิลเวียนี่แหละ” “งั้นชื่อเจ้าคงไม่ใช่แค่ ‘นอส’ เฉย ๆ แน่” “ข้าออกจากราชวงศ์แล้ว ชื่อนั้นคงไม่จำเป็นต้องนึกถึงหรอก” ท่าทางเจ้าตัวจะอยากตัดขาดจริง ๆ เพราะแม้แต่ชื่อที่แท้จริงก็ยังไม่อยากนึกถึง “แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้นี่ เจ้าออกจากตระกูล แต่สายเลือดของเจ้ายังคงเป็นพวกราชวงศ์อยู่วันยังค่ำ และข้าก็คิดว่าชื่อจริงของเจ้าคือสิ่งที่บอกตัวตนของเจ้า เจ้าไม่ต้องบอกข้าก็ได้แต่ขอให้จำชื่อตัวเองไว้ เจ้าจะได้ไม่ลืมว่าตัวเองเป็นใคร” เจ้าของเสียงหวานลุกไปเก็บจานชาม ปล่อยให้แวมไพร์ผู้อาศัยนั่งเงียบอยู่คนเดียว “...ข้าว่าเราควรจะไปได้แล้ว” นอสเดินไปหยิบร่มคันใหญ่มาสองคัน เซลีน่ารับมาคันหนึ่งก่อนที่ทั้งสองจะกางแล้วค่อยเปิดประตูบ้านเดินออกไปข้างนอก “นั่นนังเซลีน่านี่” “มีใครมาด้วย” “ใช่สามีที่พูดถึงหรือเปล่า” ช่วงสาย ๆ พอเห็นว่าใครเดินเข้ามาในหมู่บ้าน พวกผู้หญิงขี้อิจฉาซึ่งไม่ชอบเจ้าของเรือนผมสีแสงจันทร์ก็โผล่หน้ามาดูอย่างพร้อมเพรียง พอเห็นว่าเธอไม่ได้มาคนเดียวแต่มีผู้ชายแปลกหน้าเดินกางร่มมาด้วย ด้วยความอยากรู้จึงทำให้พวกสาว ๆ แอบย่องตามมา “เซลีน่า วันนี้พาผัวมาด้วยเหรอ!” “เอ่อ...ค่ะ นี่สามีข้า ชื่อนอสค่ะ” หญิงสาวฝืนยิ้มพลางแนะนำตัวคนข้าง ๆ ให้หญิงชราได้รู้จัก ในขณะที่นอสก็ถึงกับหน้าเหวอเพราะไม่นึกว่าจะโดนถามแบบนี้ “ยายน่าจะพูดคำว่าสามีเหมือนเจ้า” “เอาน่า คุณยายท่านก็แบบนี้แหละ ชอบพูดตรง ๆ ไม่เน้นสุภาพ” เธอเข้าใจว่าเขาเคยเป็นพวกราชวงศ์ บางครั้งการใช้คำพูดคำจามันก็จะออกแนวผู้ดี พอมาเจออย่างนี้จึงตกใจ “เซลีน่า เจ้ามาแล้วเหรอ” คุณน้าคนหนึ่งเดินมาหาหญิงสาว พอเห็นว่าเธอไม่ได้มาคนเดียวจึงสนใจชายแปลกหน้า “เจ้าคือคนที่นางพูดถึงสินะ” “สวัสดีครับ ข้าชื่อนอส เป็นสามีของเซลีน่า” ชายหนุ่มปั้นหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสพลางยกมือโอบไหล่คนข้าง ๆ เพื่อความแนบเนียน แม้คุณน้าสาวจะแปลกใจที่สองคนนี้กางร่มแต่เดาว่าทั้งคู่น่าจะอยากสร้างโลกส่วนตัวจึงไม่ว่าอะไร “ยินดีที่ได้รู้จักนะนอส ดูแลเซลีน่าดี ๆ ล่ะ อ้อ! ไหน ๆ ก็มาแล้ว พอดีเกิดเรื่องเมื่อคืน มีตัวอะไรก็ไม่รู้บุกเข้ามาในหมู่บ้าน ตอนนี้มันอยู่ที่คอกสัตว์ คนต่างถิ่นที่มาเมื่อวันก่อน ๆ เอ...เห็นบอกว่าเป็นนักล่าอะไรนี่แหละ เขาคุมสัตว์ตัวนั้นอยู่ เซลีน่าไปดูหน่อยไหม กลางคืนจะได้ระวังตัว” “ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวหันมาสบตากับนอสอย่างแปลกใจว่าตัวอะไรบุกหมู่บ้าน เนื่องจากเมื่อคืนทั้งสองไปที่แบล็ควอลจึงไม่รู้สถานการณ์ทางนี้เลย เซลีน่ากับนอสเดินตามผู้นำทางไปยังคอกสัตว์กลางหมู่บ้านซึ่งตอนนี้มีผ้าคลุมไว้กำบังแสงแดด แถมยังมีคนสวมชุดดำยืนเฝ้าไม่ให้ใครเข้าใกล้อีก มองปราดเดียว เผ่าพันธุ์แห่งรัตติกาลในคราบคนธรรมดาก็รู้ทันทีว่าพวกนี้เป็นใคร “พวกนี้คือนักล่าแวมไพร์” “จริงเหรอ” หญิงสาวหันมาสบตากับคนข้าง ๆ “ดูดี ๆ สิ พวกนี้คือพวกที่ล่าแฟนาติกเมื่อคราวก่อน” “จริงด้วย งั้นแสดงว่าเจ้าโคลวิสอะไรนั่นต้องอยู่แถวนี้น่ะสิ” เซลีน่ามองหาหัวหน้ากลุ่ม พลันเสียงกรีดร้องแหลมสูงก็ดังมาจากคอกสัตว์ ทำเอาหญิงสาวหลุดสะดุ้ง “นี่มันเสียง...” “นั่นคือเสียงแฟนาติก” คนพูดเดินเข้ามาหาทั้งสองก่อนที่สายตาจะเบนไปทางคอกสัตว์ซึ่งลูกน้องที่เป็นนักล่าแวมไพร์ด้วยกันก็กำลังช่วยกันทำให้มันไม่โวยวาย “เมื่อคืนมีแฟนาติกกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาในหมู่บ้าน ยังดีที่พวกข้ารู้ตัวก่อนจึงไม่มีใครเป็นอะไร” “แฟนาติกเหรอคะ” เซลีน่าทำเป็นไม่รู้จักทั้งที่เมื่อคืนเธอกับนอสเพิ่งไปเสี่ยงตายมา “ใช่ เป็นสัตว์ประหลาดที่ไม่น่ามองเลย เซลีน่าเคยได้ยินเรื่องแวมไพร์หรือเปล่า แฟนาติกคือแวมไพร์ที่บ้าคลั่งเพราะขาดเลือดอย่างหนัก อันตรายมาก ระวังตัวไว้หน่อยก็ดี ยิ่งมีบ้านอยู่บนเขาด้วย” จากนั้นโคลวิสก็เบนสายตามายังร่างสูงที่กางร่มอยู่ข้าง ๆ นอสทำหน้ายิ้ม ๆ ตามด้วยค้อมศีรษะเล็กน้อย “นอสครับ เป็นสามีของเซลีน่า” “โคลวิส เซนวิก เป็นนักล่าแวมไพร์ครับ” คนแนะนำตัวยื่นมือมาให้ชายผมยาวเพื่อจับมือทักทาย นอสก้มมองมือของอีกฝ่าย เสี้ยววินาทีนั้นเขาก็รู้ทันทีว่าถุงมือที่อีกฝ่ายสวมอยู่มีส่วนผสมของแร่เงิน “ยินดีที่ได้รู้จักครับ” เจ้าตัวจับมือคนตรงหน้า ผ่านไปสักครู่ทั้งสองจึงปล่อยมือออก โคลวิสลอบมองมือตัวเอง ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแสดงว่าปกติดี ในขณะที่นอสรู้สึกแสบมือเพราะเริ่มมีบาดแผลปรากฏขึ้นแต่เขาไม่ให้ใครเห็น พลันแผลพุพองก็สมานตัวกันจนหายเป็นปกติ “แฟนาติกน่ากลัวมากเหรอคะ ถึงต้องขังไว้ในนั้น” เซลีน่าแกล้งทำเป็นอยากรู้ “น่ากลัวสิครับ ถึงพวกมันจะแพ้แสงก็เถอะ เราขังมันไว้ในคอกจากนั้นก็นำผ้ามาคลุมไว้ คิดว่าช่วงบ่าย ๆ จะย้ายเข้าไปในป่า ตอนกลางคืน พรรคพวกจะต้องตามเสียงมันมา และเราจะกำจัดพวกมันที่นั่น” นั่นคือแผนของโคลวิสที่ตั้งใจจะกำจัดแฟนาติกทั้งหมดในเขตนี้ “แล้วคนในหมู่บ้านจะไม่เป็นไรเหรอครับ” นอสเป็นห่วง กลัวว่าคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่จะพลอยได้รับอันตรายหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน “แฟนาติกจะไม่ได้เฉียดเข้าใกล้หมู่บ้าน ตราบใดที่ข้ายังอยู่ที่นี่” โคลวิสยืนยันหนักแน่นแต่สายตากลับเบนไปทางเซลีน่า ซึ่งใช่ว่าเธอจะไม่รู้และนอสก็มองออกเช่นกัน ’ถึงจะมีเจ้าของแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็ปล่อยหญิงสาวแห่งดวงจันทร์ไปไม่ได้’ ชายหนุ่มส่งสายตาที่สื่อความหมายว่าเขาจะทำทุกอย่างให้ทุกคนปลอดภัยรวมทั้งเซลีน่าด้วย เพื่อที่เธอจะได้ประทับใจ ’สายตาแบบนี้อีกแล้ว ไม่ต้องมาทำอะไรให้ข้าดีใจหรอก ข้าเบื่อแล้ว’ ถ้าไม่ติดว่าต้องปั้นหน้ายิ้ม ๆ ป่านนี้เธอพ่นลมหายใจเฮือกใหญ่แล้ว ตั้งแต่เมื่อก่อน เพราะความสวยเป็นเหตุ หนุ่ม ๆ ถึงพยายามมาวุ่นวายกับเธอ หนึ่งในนั้นก็คือใช้สายตาสื่อความหมาย ไม่ก็แสดงออกว่าทำอะไรสักอย่างเพื่อให้เธอประทับใจ ’โห...จีบสาวตรงนี้เลยเหรอ’ นอสเป็นผู้ชายเหมือนกัน เขาจึงดูออกว่าโคลวิสคิดอะไร ทว่าความรู้สึกลึก ๆ กลับหงุดหงิด เหมือนไม่อยากให้ใครหน้าไหนมาส่งสายตาแบบนี้ใส่เธอ “ถ้ามีโคลวิสดูแลหมู่บ้านอยู่ ข้าก็เบาใจ ตอนกลางคืน ข้าจะได้อยู่กับภรรยาอย่างมีความสุข” ว่าแล้ว แวมไพร์ผู้จำแลงเป็นมนุษย์ก็จับเซลีน่ามาหอบแก้มฟอดใหญ่โดยไม่สนใจสายตาประชาชีที่มองมาเลยแม้แต่น้อย ทางด้านคนถูกหอมแก้มก็ยืนนิ่งค้างเพราะสติบินออกจากร่างไปแล้ว ’อีตาแวมไพร์โรคจิต! พวกชอบฉวยโอกาส! น่าเกลียดที่สุด!’ หลังจากสติเข้าร่าง หญิงสาวก็ตะโกนลั่นในใจ ตั้งแต่เกิดมา นอกจากพ่อแม่แล้วก็ไม่เคยมีใครหอมแก้มเธอเลยจนกระทั่งตอนนี้ “โคลวิส เรื่องดูแลความปลอดภัยต้องขอบคุณมากนะครับ แต่ข้ากับภรรยาต้องขอตัวไปทำธุระก่อน ไว้คราวหน้าพบกันใหม่นะครับ” นอสดึงร่างบางเข้ามากอดอย่างหวงแหนก่อนจะพาเธอรีบเดินไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว เซลีน่าพยายามแกะมือเขาออก แต่ยิ่งแกะ มือเขายิ่งเกาะแน่นจนเธอยอมแพ้ ฝากไว้ก่อนเถอะ! “เบื่อจริง ๆ เมื่อก่อนผู้ชายทั้งหมู่บ้านก็ส่งสายตาเจ้าชู้ใส่ข้า มาคราวนี้อีตาโคลวิสอะไรนั่นก็หาเรื่องอยากโชว์ให้ข้าประทับใจอีก ทำไมเป็นคนสวยแล้วลำบากอย่างนี้ นี่ถ้าไม่ติดว่าช่วยหมู่บ้านข้าไว้ ป่านนี้แม่เอาตะกร้าตบหน้าไปแล้ว” “เซลีน่าใจเย็น ๆ ก่อนนะ” นอสที่เดินกางร่มตามหลังหญิงสาวก็พยายามปลอบให้ใจเย็นหลังจากระเบิดอารมณ์ทันทีที่ก้าวขาพ้นเขตหมู่บ้าน “เงียบเลย เจ้าแวมไพร์จอมฉวยโอกาส ดีแค่ไหนแล้วที่ข้าตัดสินใจไม่เอาเรื่องเจ้า เห็นทำตัวดี ๆ แต่ใครจะนึกว่าชอบแต๊ะอั๋งผู้หญิง เดี๋ยวปั๊ด...” เจ้าของเสียงหวานหยิบมีดทำครัวปลายแหลมในตะกร้าออกมา นอสรีบถอยหลังหนีไปห่าง ๆ ทันควันเพราะมีดเล่มนั้นทำจากแร่เงิน “ข้าไม่ได้ตั้งใจนะ” นัยน์ตาสีไพลินมีน้ำตาคลอ สายตาก็เหมือนเด็กน้อยกำลังอ้อน เซลีน่าถึงกับส่ายหน้าเอือมระอา นี่เธออยู่กับผู้ชายประเภทไหนกัน ถ้าไม่เห็นฝีมือเมื่อคืน เธอคงไม่เชื่อว่าเขาคืออดีตหน่วยล่าสังหาร แวมไพร์อะไรบ๊องเกินไปแล้ว! “ช่างเถอะ แต่ตอนนี้ที่ข้าหนักใจก็คือเรื่องแฟนาติก” เจ้าของเสียงหวานเปลี่ยนเรื่องคุยขณะเดินทางกลับบ้าน ซึ่งเรื่องที่ว่าก็คงไม่พ้นสัตว์ร้ายที่เข้ามาในเขตหมู่บ้าน “หวังว่าโคลวิสจะทำสำเร็จนะ เรื่องใช้แผนล่อน่ะ” “ข้ารู้สึกสังหรณ์ใจ” “สังหรณ์ใจเหรอ” เธอสงสัยว่าคนข้าง ๆ รู้สึกไม่ดีเรื่องอะไร “คงเป็นลางสังหรณ์สมัยอยู่หน่วยล่าสังหาร เอาเป็นว่าคืนนี้ข้าจะแอบไปดูพวกโคลวิสละกัน ส่วนเจ้าก็อยู่บ้าน ไม่ต้องตามไปหรอก อันตรายเปล่า ๆ เพียงแต่กลางคืน ล็อกประตูหน้าต่างให้ดี ถ้าข้ายังไม่กลับมา เจ้าห้ามออกมาข้างนอกเด็ดขาด” “ได้ ข้าจะทำตามที่เจ้าบอก” แม้จะรู้สึกหงุดหงิดที่โดนดักทาง แต่ถ้าคิดดีๆ แล้วจะพบว่าช่วงนี้ไม่สมควรก้าวขาออกนอกบ้านตอนกลางคืนจริง ๆ ท่าทางชีวิตอันแสนสงบในสมัยก่อนจะจากไปแล้ว! ช่วงเวลากลางคืน เซลีน่าก็หลบอยู่ในบ้านและไม่ออกไปไหนตามที่นอสต้องการ ส่วนแวมไพร์หนุ่มก็ใช้ความเร็วเหนือมนุษย์ดีดตัวไปตามกิ่งไม้ ประสาทสัมผัสที่ไวกว่ามนุษย์ทำให้เขาได้ยินเสียงร้องของแฟนาติกที่เป็นเหยื่อล่อ เจ้าตัวมุ่งหน้าไปหาที่มาของเสียงจนกระทั่งพบมันถูกล่ามโซ่ไว้กลางลานกว้างในป่า ’พวกโคลวิสคงซ่อนตัวอยู่สินะ’ คนมาสังเกตการณ์กล่าวในใจพลางทิ้งตัวลงบนกิ่งไม้ เสียงร้องของสัตว์ร้ายดังไม่หยุดจนกระทั่งมีเสียงแหลมสูงดังแว่วมาแต่ไกล ท่าทางจะมีการตอบกลับของพรรคพวกที่กำลังมา “มาแล้วสินะ” นัยน์ตาสีไพลินมองร่างของแฟนาติกทั้งหมดสามตัววิ่งออกมาจากแนวป่า พอเห็นเพื่อนร่วมฝูงถูกล่ามโซ่ พวกมันจึงช่วยกันดึงออก พลันลูกธนูสีเงินก็พุ่งมาปักตามตัวสัตว์ร้ายทั้งหมดก่อนที่มันจะกรีดร้องสุดเสียง กลุ่มนักล่าแวมไพร์กระโจนออกจากที่ซ่อนแล้วล้อมพวกมันไว้ ต่อมาก็ใช้ปืนพกยิงกระสุนเงินใส่ทันที พวกแฟนาติกพยายามวิ่งหนีแต่สังขารไม่อำนวย ก่อนที่สัตว์ร้ายตัวสุดท้ายจะตาย มันคำรามก้องป่าชนิดที่ฝูงนกกาถึงกับบินแตกฮือ จากนั้นมันก็ขาดใจตาย “นี่คือแฟนาติกที่เหลือในแถบนี้สินะ” โคลวิสเดินมาใกล้ ๆ ซากสัตว์ประหลาดพลางเอาเท้ายัน เมื่อเห็นมันแน่นิ่งจึงแน่ใจว่ามันตายสนิทแล้ว “คงเป็นกลุ่มสุดท้ายแล้วค่ะ คราวก่อนเราก็ล่าไปเยอะ” หญิงสาวเพียงคนเดียวของกลุ่มยืนยันขณะเก็บดาบเข้าฝัก “ต่อไปก็เหลือแต่เรื่องหญิงสาวแห่งดวงจันทร์คนนั้น...” กี๊ซ! นักล่าสาวพูดไม่ทันขาดคำ เสียงร้องแหลมสูงก็ดังแว่วมาแต่ไกลทำให้ทุกคนเตรียมอาวุธพร้อมสู้อีกรอบ โคลวิสถึงกับหน้าเครียด เขาคิดไปเองหรือเปล่าว่าเสียงมันร้องประสานกันราวกับมาหลายตัวแถมยังดังขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่ามันใกล้เข้ามาเร็วมาก “หัวหน้า!” ชายคนหนึ่งทิ้งตัวลงมาจากต้นไม้ คาดว่าคงเป็นฝ่ายดูลาดเลา เขาวิ่งมาค้อมศีรษะให้โคลวิสจากนั้นก็รายงานด้วยใบหน้าซีดเผือด “มีแฟนาติกฝูงใหญ่กำลังมาทางนี้ครับ” “เยอะแค่ไหน” “ไม่ทราบครับ แต่ฟังจากเสียงแล้วน่าจะเยอะมาก” “ถ้าเป็นอย่างนั้นคงไม่ใช่กลุ่มย่อยเหมือนที่เราเจอแล้วล่ะ” ชายหนุ่มหันไปยังทิศที่มาของเสียงก่อนจะสั่งงาน “กลับไปที่หมู่บ้าน เตรียมตัวตั้งรับให้ดี ท่าทางเราจะเจอฝูงใหญ่แล้ว!” ’ฝูงใหญ่สินะ ไม่ได้การแล้ว’ นอสได้ยินการสนทนาทั้งหมดจึงหันหลังมุ่งหน้ากลับไปยังบ้านของเซลีน่า เสียงร้องแหลมสูงที่อยู่ไกล ๆ นั้นต้องเป็นแนวหน้าของกองทัพที่ทำลายแบล็ควอลแน่ ทางด้านหมู่บ้าน พวกโคลวิสคงรับมือไป แต่กับผู้อาศัยอยู่บนภูเขาคนเดียวอย่างเซลีน่า เขาต้องช่วยเธอ พลันร่างของนอสก็กลายเป็นฝูงค้างคาวสีดำจากนั้นก็บินขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้วอ้อมภูเขาไปยังจุดหมายปลายทาง ก่อนที่พวกมันจะมา เขาต้องถึงบ้านก่อน!
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 11 แฟนาติกที่ถูกจับได้
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A