บทที่ 4. ตัวละครที่ไม่ต้องการ   1/    
已经是第一章了
บทที่ 4. ตัวละครที่ไม่ต้องการ
สลักจิตรู้สึกตื่นเต้นระคนกระวนกระวายเมื่อยามค่ำคืนมาถึง วันนี้ตอนเย็นคีแรนพาเธอเที่ยวดูรอบๆ บ้านและรีสอร์ตของเขา เธอก็ตื่นเต้น ตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่เห็นและมีความสุขที่ได้มาเที่ยว แต่คืนนี้เธอจะต้องนอนห้องเดียวกับเขานี่สิ... เสียงเปิดประตูห้องเข้ามาทำเอาใจเธอเต้นระส่ำเลือดในกายร้อนผ่าวโดยเฉพาะผิวแก้มสาวที่เธอรู้สึกเหมือนมันแทบจะมอดไหม้... “ยังไม่นอนหรือ..” ชายหนุ่มถามขณะเดินสบายๆ มาที่เตียงแล้วกอดอกมองเธอนิ่ง สลักจิตทำตัวไม่ถูกไม่รู้จะตอบเขาแล้วนอนหรือจะนอนแล้วตอบดี แต่มันเกี่ยวอะไรกับนอนไม่นอนล่ะ.. แม่สาวน้อยคิดวุ่นนวายในใจด้วยความตื่นเต้นระคนเขินอาย “คะ คือ... จะ จะนอนแล้วค่ะ” ทำไมเธอจะต้องพูดติดอ่างแบบนี้ทุกเลยเลยนะ น่าอายจริงๆ สลักจิตบ่นตัวเองในใจ แล้วก็ทำอะไรเงอะงะ วางตัวไม่ถูกเมื่อต้องอยู่กับเขาสองต่อสองแบบนี้ “วันนี้เดินทางมาเหนื่อยๆ พักผ่อนเถอะ คุณคีย์เองก็จะนอนแล้วเหมือนกัน” เขาบอกพร้อมทั้งก้าวขึ้นมานอนบนเตียงหน้าตาเฉยไม่ได้มีท่าทีตื่นเต้นทำอะไรไม่ถูกเหมือนเธอเลยสักนิด คีแรนคงชินกับการมีสาวๆ ข้างกาย และโดยเฉพาะบนเตียง.. พอคิดถึงเรื่องนี้แล้วเธอก็อดใจแป้วเจ็บแปลบในอกไม่ได้ ทั้งที่รู้ว่าตนไม่มีสิทธิ์อะไรจะไปหวงแหนหรือหึงหวงเขา... “ไม่ง่วงหรือไง” เสียงของเขาทำให้เธอหลุดจากความคิดของตัวเองแล้วยิ้มแหยๆ ให้เขา “จะนอนแล้วค่ะ..” เธอค่อยๆ เอนกายลงนอนทั้งกลั้นใจไว้อย่างพยายามข่มความตื่นเต้น แต่จะปกปิดความตื่นเต้นของตัวเองได้แค่ไหนกันในเมื่อแก้มสาวมันแดงก่ำอยู่อย่างนี้ และเขาก็คงเห็น “อุ้มไม่สบายเหรอ หน้าแดงเชียว..” สลักจิตอยากจะตอบออกไปว่าเพราะเขานั่นล่ะที่ทำให้เธอหน้าแดงอยู่แบบนี้ “คงงั้นมั้งคะ เดินทางไกลและอากาศก็เปลี่ยนไปไม่ทันตั้งตัว” โอ้.. นี่เธอตอบไปแบบนั้นได้อย่างไรกันนี่ เก่งจังสลักจิตเอ๋ย.. สลักจิตชื่นชมตัวเองในใจที่สามารถหาคำพูดมาตอบเขาได้ “อย่างนั้นหรอกรึ คุณคีย์คิดว่าอุ้มหน้าแดงเพราะตื่นเต้นที่ได้นอนเตียงเดียวกันกับคุณคีย์เสียอีก..” “จริงๆ ก็เป็นแบบนั้นล่ะค่ะ อุ๊บ..” พูดออกไปแล้วแทบปิดปากไม่ทัน ได้แต่ตาโตแก้มแดงมองคนที่หัวเราะเบาๆ ขบขันที่เธอเผลอตัวพูดออกไป “คุณคีย์แกล้งอุ้มหรือคะ” “เปล่าเสียหน่อย” “แต่คุณคีย์หัวเราะอุ้ม” สลักจิตหน้างอคีแรนจึงโน้มกายมาใกล้ๆ ดูเผินๆ เหมือนว่าเขากำลังคร่อมทับเธออยู่กรายๆ “ก็อุ้มน่าแกล้งนี่นา เวลาอุ้มหน้าแดงแล้วน่ารักดี” “น่ารักหรือคะ อุ้มนี่นะ” เธอถามเขาแล้วชี้นิ้วมาที่ตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อ “ใช่น่ะสิ อยู่กันสองคนฉันคงไม่ชมตัวเองหรอก” “อุ้มน่ารักจริงๆ หรือคะ” หัวใจของเธอพองโตอย่างช่วยไม่ได้ ไม่ว่าเขาจะชมเพื่อเอาใจหรือแกล้งชมแต่มันก็ทำให้เธอแทบลอยก็แล้วกัน “ถ้าอุ้มไม่น่ารักฉันจะเลือกอุ้มมาทำหน้าที่สำคัญหรือไง” แล้วใจที่พองๆ อยู่ก็แฟบลงเหมือนลูกโป่งที่รั่วแล้วลมก็พวยพุ่งออกอย่างรวดเร็ว “อุ้มรู้ค่ะ..” น้ำเสียงหงอยๆ อย่างเศร้าๆ แล้วยังเผลอยกมือขึ้นลูบอกกว้างของเขาเบาๆ อย่างเลื่อนลอยโดยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นคิดอย่างไร... “คุณคีย์ว่าเรานอนกันเถอะ ดึกแล้วเหนื่อยมาทั้งวัน เดี๋ยวพรุ่งนี้คุณคีย์พาไปเที่ยวให้ทั่วเมืองเลย” เขาบอกอย่างใจดีแล้วนอนลงข้างๆ สลักจิตตัวแข็งเกร็งไปหมด คีแรนหัวเราะเบาๆ แล้วพูดขึ้น “คืนนี้เราแค่นอนกอดกันเฉยๆ ก็พอ หรือถ้าอุ้มอยากทำอย่างอื่น ค่อยว่ากัน” “อุ้มไม่อยากทำหรอกค่ะ อุ้มอยากนอนแล้ว..” เธอก็ไม่ได้ไร้เดียงสาจนไม่รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร แล้วรีบหลับตาลงทันทีและไม่กล้าดิ้นเมื่อเขากระชับร่างเธอเข้าไปใกล้ๆ “ดึกๆ ที่นี่อากาศจะหนาวมาก กอดกันไว้ก่อนกันหนาว..” เสียงนุ่มทุ้มดังอยู่ชิดใบหูบางที่คงแดงก่ำไปแล้วตอนนี้.. ใจสาวน้อยไหวระทึกทั้งตื่นเต้นและหวั่นไหวกับความใกล้ชิดนอนเตียงเดียวกันกับชายหนุ่มครั้งแรกในชีวิตสาวก็ทำให้เธอเหมือนจะนอนไม่หลับ แต่ด้วยความอ่อนเพลียสุดท้ายเธอก็หลับไปในอ้อมแขนแข็งแรงของคีแรน คนข้างๆ หลับไปแล้วแต่เขายังไม่อาจจะข่มตาหลับลงได้ นี่คงเป็นการหาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ เลยสินะ คีแรนบ่นตัวเองในใจเผยอกายขึ้นเท้าแขนกับที่นอนมองดูคนที่หลับพริ้มอย่างมีความสุขอย่างเอ็นดู... “หลับสบายเชียวนะ.. ไม่รู้เลยว่าคนอื่นเขาทรมานแค่ไหน..” คีแรนค่อยๆ ก้มลงจรดปลายจมูกหอมแก้มนวลเบาๆ แล้วยิ้มบางๆ กับตัวเองก่อนจะถอนใจออกมาหนักๆ พยายามหักห้ามใจตนเอาไว้ และพยายามหลับตามสลักจิตไปให้ได้.. และสุดท้ายเขาก็ทำสำเร็จ... เช้าวันรุ่งขึ้นสลักจิตก็ได้ออกไปเที่ยวชมสวนผลไม้และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ตามที่คีแรนบอกเอาไว้ เธอรู้สึกสนุกและตื่นเต้นมากๆ กับทุกที่ที่ได้ไปจนลืมความเขินอายที่ในตอนเช้านั้นตื่นมาพบว่าตนกอดเขาแน่นแล้วยังตามมาด้วยมอนิ่งคิสจากเขาอีก แต่ตอนนี้เธอลืมความเขินอายนั้นไปได้เพราะความสนุกแปลกใหม่ที่ได้พบเจอ... “หิวรึยัง..” “หิวแล้วค่ะ หิวมากๆ ด้วย” “ก็คงหิวนั่นล่ะ มันบ่ายสองแล้วนี่นะ” “ก็คุณคีย์พาอุ้มเที่ยวเพลินนี่คะ เรารีบกินแล้วไปเที่ยวกันต่อนะคะ อุ้มอยากเล่นน้ำตกแล้ว” คีแรนหัวเราะเบาๆ กับความอยากเที่ยวของเธอจนลืมกินข้าวกินปลา “ไม่เคยได้เที่ยวสิท่า” “ไม่เคยค่ะ ทำงานช่วยป้าแล้วก็เรียนพยายามหาความรู้ไว้เยอะๆ เผื่อวันข้างหน้าอุ้มจะได้ทำตามฝัน มีร้านขนมของตัวเอง เลิกเรียนเสาร์อาทิตย์อุ้มก็ไปทำงานพิเศษด้วยเรียนทำขนมไปด้วย แม่ของรันเพื่อนสนิทของอุ้มเป็นครูเป็นเชฟสอนทำอาหารอุ้มก็ไปช่วยงานที่ร้านและเรียนทำอาหารกับคุณแม่ของรันด้วยและยังได้เรียนภาษาอังกฤษด้วยนะคะนับว่าโชคดีมาก ไปที่เดียวได้ครบเลยค่ะ..” สลักจิตยิ้มกว้างไม่อายที่จะยอมรับว่าตนไม่เคยได้มีโอกาสได้เที่ยวแบบนี้และต้องทำงานเพื่อหาเงินช่วยเหลือป้าสมจิต “ขยันน่ารักจริงๆ คุณคีย์ชื่นชมอุ้มมากเลยนะ..” คีแรนชมจากใจ “ขอบคุณค่ะ อุ้มก็ชื่นชมคุณคีย์เหมือนกัน คุณคีย์เป็นผู้มีพระคุณของอุ้ม เป็นเหมือนเทวดาเทพบุตรที่ช่วยให้อุ้มพ้นอันตรายมาได้ คุณคีย์คือซุปเปอร์ฮีโร่ของอุ้มเลยนะคะ” สลักจิตยิ้มกว้างให้เขา ดวงตางามเปิดเปลือยความรู้สึกที่มีต่อชายหนุ่มจนหมดสิ้น “ขอบใจนะที่มองฉันดีเวอร์วังขนาดนั้น จริงๆ แล้วฉันก็ไม่ได้ดีมากขนาดนั้นหรอก” “ดีสิคะ คุณช่วยอุ้ม ช่วยให้ป้าได้มีเงินใช้หนี้ด้วย” พอนึกถึงคนเป็นป้าหน้าม่อยลงไป “ไม่รู้ป่านนี้ป้าจะเป็นยังไงบ้าง คงไม่ได้เอาเงินไปให้ลุงแสงถลุงในบ่อนหรอกนะ” “ป้าเธอสบายดี ฉันให้คนไปตามดูอยู่ กลัวเหมือนกันว่าเขาจะเอาเงินไปเล่นการพนัน” “เป็นไปได้ยังไงคะที่ป้าจะไม่ให้เงินลุงแสงไปเล่นการพนัน ป้ารักลุงแสงมาก มากจนยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ลุงแสงมีเงินไปเล่น” สลักจิตขมวดคิ้วอย่างสงสัย “ป้าของอุ้มก็รักอุ้มมากนะ” “ป้าเคยรักอุ้มมากค่ะ แต่พอแต่งงานป้าก็ไม่รักอุ้มแล้ว” สลักจิตหน้าหมองลงไป “เลิกพูดเรื่องนี้กันดีกว่า ถึงร้านอาหารแล้ว ร้านนี้อร่อยทุกอย่างอุ้มอยากกินอะไรสั่งเลย” คีแรนเปลี่ยนเรื่องคุยแล้วชี้ชวนให้เธอดูเมนูของร้านอาหาร และเมื่อได้กลิ่นหอมหวนของอาหารท้องของสลักจิตก็ร้องโครกเลยทีเดียว.. “โอ๊ย ไม่รักษาหน้ากันเลย..” สลักจิตบ่นตัวเองแล้วทั้งสองก็หัวเราะให้กันอย่างขบขันและรับประทานอาหารกันอย่างมีความสุข... ในขณะที่คีแรนกับสลักจิตกำลังมีความสุขกับการได้ท่องเที่ยวด้วยกัน ทางด้านครอบครัวของคีแรนที่เดนมาร์กดูเหมือนจะมีคนไม่พอใจที่รู้ข่าวบางอย่างจากเมืองไทยโดยเฉพาะ ชารอน หญิงสาววัยยี่สิบห้าปีผู้ซึ่งเป็นน้องสาวบุญธรรมของคีแรน “คุณย่าจะยอมให้พี่คีแรนทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ” “ย่าตามใจคีแรน อะไรที่เขาทำลงไปนั่นคือเขาตัดสินใจแล้ว” คุณย่าแครอล วัยหกสิบเจ็ดปีเปิดอ่านหนังสือพิมพ์โดยไม่มองหน้าคนที่กำลังสนทนาด้วย เพราะบางทีนางรู้สึกรำคาญความเจ้ากี้เจ้าการของชารอนเหลือเกิน จนบางครั้งนางคิดว่าที่คีแรนมักไปอยู่เมืองไทยหลายๆ เดือนเพราะรำคาญชารอน อีกทั้งประเทศไทยนั้นอากาศร้อนและไม่มีอะไรที่ชารอนชอบ ชารอนจึงไม่ตามคีแรนไป แต่คราวนี้นางคิดว่าชารอนจะต้องไปเมืองไทยแน่ๆ “แต่คุณย่าคะ พี่คีแรนไปคว้าผู้หญิงที่ไหนไม่รู้เข้าบ้านนะคะ แถมยังทำท่าว่าจะจริงจังด้วย” “ถ้าเขาจะจริงจังก็เรื่องของพี่เขาไหมล่ะจ๊ะ อีกอย่างย่าเห็นด้วยที่คีแรนจะแต่งงานมีครอบครัวเสียที ย่าเองก็อยากอุ้มเหลนนะ” “คุณย่า.. นี่คุณย่าไม่แคร์ไม่สนใจเลยหรือคะว่าพี่คีแรนจะเอาใครมาเป็นเมีย” ชารอนหน้าหงิก รู้สึกร้อนรุ่มพลุ่งพล่านไปหมด “ย่าสนใจสิ แต่ย่าก็เคารพการตัดสินใจของคีแรนด้วย ปล่อยให้พี่เขามีความสุขกับสิ่งที่เลือกเถอะ เราน่ะจุ้นจ้านเรื่องพี่เขามากไป” “คุณย่าว่าชารอนหรือคะ” “ใช่สิจ๊ะ เราน่ะมันตัววุ่นวาย เข้าใจว่ารักว่าห่วงพี่แต่แบบนี้มันเกินไป อย่านึกว่าย่าไม่รู้นะว่าทำอะไรไว้บ้าง แล้วไม่ต้องไปวุ่นวายที่เมืองไทยล่ะ คราวนี้ย่าไม่ปล่อยนะ” คุณย่าแครอลวางหนังสือพิมพ์ลงแล้วมองลอดแว่นมองหน้าหลานสาวเขม็ง ชารอนเป็นลูกสาวของลูกชายคนรองของนางเองและเมื่อพ่อแม่ของชารอนเสียชีวิตตอนที่ชารอนอายุเพียงสี่ขวบ พ่อของคีแรนซึ่งเป็นลูกชายคนโตก็รับอุปการะชารอนเป็นลูกบุญธรรม ชารอนเป็นเด็กน่ารักว่านอนสอนง่ายก็จริงอยู่ แต่ก็ติดคีแรนมาก เรียกได้ว่าเธอรักคีแรนมากตอนเด็กๆ นั้นชารอนมักตามติดคีแรนและไม่ยอมให้ผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้พี่ชายของตน ถ้าคีแรนมีเพื่อนผู้หญิงมาที่บ้านชารอนจะโวยวายอาละวาดและไม่ยอมรับเพื่อนสาวๆ ของคีแรนแม้แต่คนเดียว นางพาชารอนไปพบจิตแพทย์เพราะกลัวว่ามันจะเป็นปัญหาในอนาคต ก็พบว่าที่ชารอนเป็นแบบนี้เพราะเธอกลัวความสูญเสีย กลัวว่าจะเสียคนที่รักไปภาพความสูญเสียที่หนูน้อยได้เจอทำให้ต้องยึดสิ่งที่รักไว้อย่างหวงแหนและพร้อมจะกีดกันไม่ให้ใครได้ความรักจากคีแรนเพราะกลัวว่าคีแรนจะรักคนอื่นมากกว่าตน และด้วยความที่วัยใกล้เคียงกันจึงทำให้ทั้งสองเข้ากันได้ดี และคีแรนเป็นพี่ชายที่อ่อนโยนดูแลเธออย่างดีนับตั้งแต่ก้าวแรกที่ชารอนเข้ามาเป็นน้องสาว ทำให้ชารอนรักคีแรนมากกว่าใครๆ แม้แต่พ่อแม่ของคีแรนเธอยังให้ความรักความเคารพน้อยกว่าคีแรน ไม่ว่าคีแรนจะให้ทำอะไรบอกอะไรชารอนจะเชื่อฟังและพร้อมจะทำตาม แม้แต่นางเองบางครั้งยังควบคุมและเอาชารอนไม่อยู่ อาศัยว่าคีแรนให้อำนาจการปกครองชารอนแก่นาง ชารอนจึงพอฟังที่นางพูดบ้าง... “คุณย่าไม่รักชารอนแล้ว” ชารอนเบ้ปากทำท่าจะร้องไห้เหมือนเด็กๆ ทั้งที่ปีนี้อายุยี่สิบห้าเข้าไปแล้ว “เราไม่ใช่เด็กห้าขวบนะชารอน” “แต่ชารอนก็อยากได้ความรักจากคุณย่านี่คะ” “แล้วย่าบอกตอนไหนว่าย่าไม่รักเราน่ะ ฮึ..” คุณย่าแครอลทำเสียงดุๆ ใส่หลานสาวที่นางก็รักเอ็นดูไม่ต่างจากหลานชายสุดที่รัก “คุณย่าชอบดุชารอน” “ที่ดุก็เฉพาะแค่เรื่องที่เราทำวุ่นวายเท่านั้นล่ะ ที่ผ่านมานี่ย่าก็ตามใจเราทุกอย่าง” “ชารอนรู้.. ชารอนรักคุณย่าที่สุด” ชารอนเข้ามาโอบกอดแล้วหอมแก้มเหี่ยวย่นอย่างเอาใจ “ไม่ต้องมาทำเอาใจย่าหรอก” “แต่ชารอนรักคุณย่าที่สุดจริงๆ นะคะ” “จ้า ย่ารู้แล้ว” คุณย่าแครอลหัวเราะเบาๆ แล้วขยี้เรือนผมนุ่มของหลานสาวอย่างเอ็นดู “ชารอนรักคุณย่า” หญิงสาวยิ้มกว้างแล้วหอมแก้มผู้เป็นย่าหนักๆ อย่างเอาใจ สองย่าหลานหัวเราะและคุยกันหนุงหนิงตามประสาและลืมเรื่องของคีแรนไปชั่วคราว ทางด้านไลลานั้นเมื่อไม่ได้รับข่าวอะไรจากชารอนก็เริ่มหงุดหงิดและผิดหวัง เธอคิดว่าการบอกข่าวเรื่องคีแรนกับเด็กสาวคนนั้นให้ชารอนรู้จะทำให้ชารอนโกรธและตามมาราวีคีแรนกับผู้หญิงคนนั้น แต่กลับเงียบหายทั้งที่ชารอนหวงพี่ชายมากๆ เวลามีผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้หรือทำท่าจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของพวกเขา ชารอนจะต้องออกโรงจัดการผู้หญิงเหล่านั้นจนกระเด็นกระดอนออกจากชีวิตของคีแรน “ทำไมเป็นแบบนี้นะ นังบ้านั่นไม่ทำอะไรเลยหรือไง” ไลลาเดินไปเดินมาอย่างหงุดหงิด ความอยากเอาชนะและความเคียดแค้นที่โดนคีแรนตอกกลับในคราวนั้นก็ทำให้เธอยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจ คิดถึงแต่ความเจ็บปวดสูญเสียของตนเองโดยไม่คิดว่าหากคีแรนตกเป็นเหยื่อของเธอบ้างเขาจะเป็นอย่างไร ทั้งชื่อเสียงเงินทองของเขาก็จะด่างพร้อยเสียหายและยังต้องรับผิดชอบเธอด้วยการแต่งงานอีกด้วย “แบบนี้ปล่อยให้คิดเองไม่ได้หรอก ต้องหาทางให้นังชารอนมันเต้น” ไลลาคิดแผนการยั่วยุให้ชารอนออกโรงจัดการกับผู้หญิงหน้าใสคนนั้น ที่เธอรู้สึกริษยาอย่างมาก เพราะท่าทางที่คีแรนเอาใจใส่ยายเด็กกะโปโลคนนั้น ดูเขาอ่อนโยนและใส่ใจอย่างเห็นได้ชัด จากที่เคยได้ใกล้ชิดและเคยร่วมงานกันกันหลายครั้งเธอไม่เคยเห็นว่าคีแรนจะเอาใจใส่หญิงสาวคนไหนเป็นพิเศษ ยิ่งหากเกี่ยวข้องกันเรื่องงานด้วยแล้วคีแรนจะวางตัวดีมากไม่ให้ความสนิทสนมเกินเลยมากกว่าหน้าที่ และแม้เขาจะควงหญิงสาวคนไหนก็ไม่ได้มีท่าทางว่าจะเอาใจใส่อ่อนโยนเหมือนกับที่เขาปฏิบัติต่อแม่สาวน้อยคนนั้นที่สนามบิน ความจริงแล้วเธอเห็นคีแรนกับสาวน้อยคนนั้นมาสักพักและเฝ้ามองและแอบถ่ายรูปเขาไว้เพื่อส่งให้ชารอน แต่ยิ่งเห็นรูปที่ถ่ายไว้ยิ่งทำให้ใจของเธอร้อนรุ่มด้วยความริษยา ยิ่งเมื่อเห็นภาพแววตาที่คีแรนทอดมองสาวน้อยที่กำลังยิ้มกว้างกับสถานที่แปลกใหม่ที่คงไม่เคยได้พบเจอแล้วเธอยิ่งริษยาผู้หญิงที่โชคดี คนนั้น ผู้หญิงที่คีแรนมองด้วยแววตาอ่อนโยนที่เธอเกือบจะมั่นใจว่ามันคือสายตาที่ผู้ชายคนหนึ่งใช้มองผู้หญิงที่ตัวเองรัก.... “หึ.. ตาต่ำ.. มีผู้หญิงดีๆ เยอะแยะที่ดีกว่านังเด็กกะโปโลนั่น แต่กลับไปคว้ามันมาควง” พูดไปด้วยความริษยาจนจุกอก “ฉันจะทำให้คุณเจ็บจนลืมไม่ลงเลยล่ะคีแรน..” ไลลายิ้มที่มุมปากแววตาดุกระด้าง
已经是最新一章了
加载中