บทส่งท้าย ความสุขมันเป็นแบบนี้นี่เอง จบตอน   1/    
已经是第一章了
บทส่งท้าย ความสุขมันเป็นแบบนี้นี่เอง จบตอน
“วันนี้คุณคีย์บอกรึยังนะว่าอุ้มสวยที่สุด” คีแรนพูดพลางไล้แก้มนวลของคนที่กำลังทาครีมอยู่หน้ากระจก สลักจิตสบตาสามีในกระจกอย่างขัดเขินแต่ก็แกล้งทำหน้านิ่ง “ก็อยู่แล้วล่ะค่ะ ใครจะสวยสู้อุ้มได้ล่ะคะ” “นั่นน่ะสิ แบบนี้เราต้องมีทายาทสืบทอดความสวยอีกคน” “คุณคีย์น่ะ บ้าจัง..” สลักจิตหันมาทุบอกกว้างของสามีเบาๆ แก้มแดงจัดเมื่อเห็นแววตาพราวพรายด้วยไฟเสน่หา “ไม่ต้องพูดมากแล้วเสียเวลาทำเลยดีกว่า” คีแรนช้อนร่างบอบบางไปที่เตียงอย่างรวดเร็วและง่ายดายเหมือนเธอเป็นเพียงสิ่งของที่ไร้น้ำหนัก สลักจิตหวีดร้องอย่างตกใจรีบเขาร่างแกร่งไว้แน่นเพราะกลัวตก “คุณคีย์เนี่ย อุ้มตกใจหมดเลย แล้วเจ็บขาไหมคะ” เธอยังมีแก่ใจห่วงเขาเมื่อรู้ว่าเขาเคยประสบอุบัติเหตุ “ไม่เป็นไรเลยอุ้มตัวแค่นี้เอง คุณคีย์อุ้มได้สบายๆ ทำอย่างอื่นก็ได้” “ทะลึ่งอีกแล้วคุณคีย์เนี่ย” สลักจิตแก้มแดงหยิกอกกว้างอย่างขัดเขินแกมหมั่นไส้ “ทะลึ่งอะไรกัน คุณคีย์หมายถึงว่าคุณคีย์ทำอาหารก็ได้ เลี้ยงลูกก็ได้ ทำงานได้เก่งเหมือนเดิมต่างหากล่ะ คิดไปถึงไหนกันน้า” คีแรนล้อเธอแล้วหอมแก้มนวลหนักๆ “อย่ามาเฉไฉเลยค่ะ อุ้มรู้ทันหรอก” “เก่งจริงนะตัวแค่นี้” คีแรนยิ้มหวานไล้แก้มเนียนอย่างรักใคร่อ่อนโยน “คุณคีย์เชื่อไหมว่าทุกวันนี้อุ้มยังไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณคีย์จะรักอุ้มมากมายขนาดนี้” สลักจิตประคองใบหน้าหล่อเหลาไว้แล้วลูบไล้กรามแกร่งเล่นเบาๆ “ทำไมล่ะ..” “ก็อุ้มเป็นแค่เด็กกะโปโลคนหนึ่ง ไม่มีอะไรเลย ไม่มีอะไรที่จะเทียบกับคุณคีย์ได้เลยสักอย่างเดียวนี่คะ..” “ใครบอกอุ้มแบบนั้น” หญิงสาวนิ่งเงียบไปนิดหนึ่งแล้วถอนใจเบาๆ “ก็ดูแค่รองเท้าก็รู้แล้วค่ะว่าเราต่างกันแค่ไหน” “ไปเอาสำนวนนี้มาจากไหนกันเนี่ย” คีแรนหัวเราะเบาๆ แล้วขยี้เรือนผมนุ่มเบาๆ อย่างมันเขี้ยวคนช่างคิด “ก็แหม.. คุณคีย์น่ะ ล้ออุ้ม.. แล้วคุณคีย์ไม่คิดบ้างหรือคะว่าเราต่างกันมาก” “ก็รู้ และคิด.. แต่คุณคีย์ถึงต้องทำให้อุ้มมาอยู่เสมอเทียบเท่ากันกับคุณคีย์ไง ต้องวางแผนหลอกล่อว่าจ้างให้อุ้มมาเป็นแม่อุ้มบุญให้ ทำสัญญาหลอกๆ ให้อุ้มตายใจยอมตกลงอยู่กับคุณคีย์รู้ไหมว่าลุ้นแทบแย่กลัวอุ้มจะไม่เชื่อว่าคุณคีย์ต้องการแค่แม่อุ้มบุญและหลอกว่าคุณย่าจะจับแต่งงาน” “หืม.. คุณคีย์เนี่ย เจ้าแผนการเยอะจังเลยค่ะ ไหนว่ามาสิว่ามีเรื่องไหนบ้างที่ยังไม่บอกอุ้ม” สลักจิตแสร้งทำหน้าขึงขังแต่ในใจนั้นปลาบปลื้มมากเหลือเกินที่เขาลงทุนทำทุกอย่างเพื่อให้เธอมาอยู่เคียงข้างเทียมเท่ากับเขา “ก็แค่วางแผนให้อุ้มมาอยู่ใกล้ๆ แล้วก็จะทำให้หลงรักคุณคีย์หัวปักหัวปำไปไหนไม่รอดจนยอมฉีกสัญญาทิ้งไงล่ะ” “ร้ายกาจ..” สสักจิตทำเสียงเหมือนตัวละครคนหนึ่งในภาพยนตร์ชื่อดังที่ตนชื่นชอบ “แล้วไงต่อคะ” “อุ้มก็หลงรักคุณคีย์หัวปักหัวปำจริงๆ น่ะสิ” “รู้ได้ไงคะว่าอุ้มหลงรักตัวเองหัวปักหัวปำ” สลักจิตพูดไปก็แกะกระดุมเสื้อนอนตัวเก่งของเขาไปด้วย และคีแรนก็อำนวยความสะดวกยกแขนขึ้นเพื่อให้เธอดึงเสื้อออกไปอย่างง่ายดาย ส่วนเขาเองก็กำลังปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเธอออกเช่นกัน... “ดูสายตาก็รู้ อุ้มโกหกไม่เป็นหรอก รู้ไหมว่าคุณคีย์ต้องหักห้ามใจแค่ไหนที่ไม่ให้จับอุ้มขึ้นเตียง เพราะเห็นแก่ยังเด็กยังตื่นหรอกนะถึงปล่อยให้ลั้ลลาอยู่จนครบยี่สิบ” “แหม.. ใจดีจัง” สลักจิตยิ้มหวานแล้วพลิกร่างขึ้นเหนือร่างแข็งแรงที่ยังคงงดงามน่าหลงใหลเสมอ... “เพราะอย่างนี้ไงอุ้มถึงหลงรักคุณคีย์จนถอนตัวไม่ขึ้นแล้วก็มาอ่อยมาหลอกล่อให้คุณคีย์หลงรักตัวเองหัวปักหัวปำเหมือนกัน ใช่ไหมล่ะ” “แน่นอนสิคะ คนหล่อๆ นิสัยรวยๆ ดีๆ แบบนี้หาได้ที่ไหนต้องอ่อยให้รักจนไปไหนไม่รอดสิคะ..” สลักจิตยิ้มกว้างกับคำพูดนั้น “เห็นไหมว่า แค่เราเข้าใจกัน รักกัน เราก็เท่าเทียมกันทุกอย่างแล้ว ไม่จำเป็นว่าเราจะมีฐานะหรือพื้นฐานทางครอบครัวต่างกัน.. แค่รักกัน เข้าใจและให้เกียรติซึ่งกันและกัน คุณคีย์ว่าสิ่งเหล่านี้มันทำให้มนุษย์มีความเท่าเทียม.. และมันก็ทำให้คนเราสร้างครอบครัวที่อบอุ่นได้..” “คุณคีย์หล่อจังเลยค่ะ หน้าตาก็หล่อ จิตใจยังหล่ออีก สุดๆ ไปเลยค่ะ” สลักจิตชมสามีของตนอย่างปลาบปลื้มอิ่มเอมใจ เธอโชคดีเหลือเกินจริงๆ “งั้นนี้อุ้มก็ต้องให้รางวัลคุณคีย์เยอะๆ หน่อยนะ” มือหนาลูบไล้ก้นงามงอนเปลือยเปล่าอย่างเย้าหยอก “ได้สิคะ อุ้มจะให้รางวัลคนหล่อนิสัยดีอย่างคุณคีย์หนักๆ เยอะๆ เลยค่ะ” “และต้องได้ของแถมด้วยนะ” “แหม.. เรียกร้องเยอะจริง” สลักจิตก้มลงปัดปลายจมูกของตนกับปลายจมูกของเขาเบาๆ “ผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้ถ้าไม่ได้วันนี้พรุ่งนี้ก็ต้องให้ของแถมอีก” “ได้เลยค่ะที่รักของอุ้ม..” สลักจิตยิ้มกว้างแล้วก้มลงมอบจุมพิตแสนหวานให้เขาอย่างเต็มที่ ร่ายมนต์เสน่หาใส่เขาบ้างทำให้เขาคลั่งเหมือนที่เธอเป็น และเป็นฝ่ายที่เริ่มเกมพิศวาสนี้เองอย่างมั่นอกมั่นใจว่าจะทำให้เขาได้ของแถมแน่นอน.. หนุ่มสาวต่างลูบไล้เคล้าคลอกันอย่างหวานชื่น ไฟพิศวาสแสนหวานเร่าร้อนลุกโชนไม่สร่างซา และพวกเขาก็สมหวังในอีกไม่กี่สัปดาห์ถัดมาเมื่อสลักจิตมีอาการแพ้ท้องให้เห็น คุณย่าแครอลกับชารอนต่างก็ดีใจรีบส่งข่าวบอกคีแรนที่ไปทำงานให้รู้ว่าตอนนี้สลักจิตท้องลูกคนที่สองแล้ว น้องครีมกระโดดโลดเต้นดีใจที่ตนจะมีน้อง... “อุ้มอย่าเดินเร็วสิ เดี๋ยวก็ล้มกันพอดี” ชารอนร้องบอกแล้วรีบละมือจากอาหารที่ตนตั้งใจทำเพื่อบำรุงว่าที่คุณแม่ที่ยังง่วนอยู่กับการสอนสาวใช้ทำขนมและเดินหยิบจับอะไรต่อมิอะไรอย่างคล่องแคล่วทั้งที่ท้องเริ่มโตมากแล้วและอีกสามเดือนเธอก็จะได้เห็นหน้าหลานชายคนใหม่แล้ว.. “โธ่ พี่ชารอนคะ ให้อุ้มทำเถอะค่ะ อยู่เฉยๆ เบื่อจะแย่แล้วค่ะ” สลักจิตบ่นเมื่อตนถูกแย่งงานในครัวไปทำเสียหมด เพราะชารอนนั้นจัดการทำแทนเธอทุกอย่างทั้งดูแลงานบ้านดูแลน้องครีมไปรับไปส่งที่โรงเรียนทุกวัน ทั้งสองสาวอาหลานสนิทสนมกันมาก รวมถึงเธอกับชารอนก็สนิทสนมกันดีและเธอก็เรียกชารอนว่าพี่ได้อย่างเต็มปาก ตอนนี้ชารอนก็แทบจะอยู่เมืองไทยเป็นการถาวรแล้ว และคุณย่าแครอลเองก็เช่นกัน “ไม่ได้ๆ ท้องใหญ่มากแล้ว ไปนั่งพักเลยไป ถ้าอยากทำอะไรก็นี่เลย นั่งดู” “งั้นอุ้มไปรดน้ำต้นไม้ได้ไหมคะ” “งานนี้ทำได้แต่ห้ามไปพรวนดินแบกจอบแบกเสียมนะ” “อย่างกับอุ้มจะทำได้อย่างนั้นล่ะ” สลักจิตประชดยิ้มๆ ชารอนหัวเราะเบาๆ “ก็แหงล่ะ.. อย่าขัดคำสั่งนะ ไม่งั้นจะไม่ได้กินของอร่อย” “เจ้าค่ะคุณแม่” สลักจิตรับคำแล้วเดินไปรดน้ำต้นไม้พร้อมด้วยสาวใช้ที่ชารอนให้คอยติดตามดูแลสลักจิต สลักจิตส่ายหน้ายิ้มๆ กับความห่วงใยจนเหมือนจะเกินพอดีของน้องสามี แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกอึดอักหรือลำบากใจกับความห่วงใยของชารอนเลย... สลักจิตยิ้มกว้างเมื่อสามีสุดที่รักอุ้มลูกชายตัวน้อยเข้ามาหา พร้อมด้วยน้องครีม คุณย่าแครอลและคุณอาชารอน น้องฌอร์น หรือเด็กชาย ฉัตรชนก พ่อหนุ่มน้อยทายาทคนใหม่ของครอบครัวที่ได้รับความรักจากทุกคนอย่างล้นหลาม “น้องตัวแดงยับยู่ยี่แบบนี้เราต้องใช้เตารีด รีดน้องรึเปล่าคะ แต่เตารีดมันร้อน น้องจะต้องร้อนแน่ๆ เลย” น้องครีมพูดอย่างไร้เดียงสาพลางทำหน้าครุ่นคิด “ตอนคลอดใหม่ๆ น้องครีมก็ตัวแดงๆ ยับยู่ยี่เหมือนกันจ้ะ” สลักจิตเอาลูกน้อยกินนมแล้วตอบลูกสาวอย่างขันๆ “แล้วแม่อุ้มทำไงน้องครีมถึงหายคะ” “ก็.. ใช้เตารีดรึเปล่าน้า..” สลักจิตทำท่าคิด น้องครีมตั้งใจฟังคำตอบอย่างขึงขัง จนทุกคนพากันหัวเราะอย่างขบขัน “ใช่ไหมคะ” “ไม่.. ใช้ จ้า..” สลักจิตเฉลย น้องครีมถอนใจเบาๆ อย่างโล่งอก คีแรนหัวเราะลูกสาวของตนแล้วหอมแก้มแดงๆ นั้นอย่างรักใคร่ “พอน้องโตขึ้น ตัวน้องก็หายยับยู่ยี่แล้วครับ แล้วก็จะตัวเหมือนกันกับน้องครีมไง” “จริงๆ นะคะ” “จริงสิครับ ไม่เชื่อ น้องครีมก็ช่วยคุณแม่เลี้ยงน้องและคอยดูไว้ว่าน้องหายตัวย่นตอนไหน” คีแรนเสนอแนะให้อย่างใจดี น้องครีมพยักหน้ารับอย่างมุ่งมั่นตั้งใจ “น้องครีมจะคอยจับตาดูน้องไว้ค่ะ คุณอาคุณย่าทวดก็ต้องคอยดูด้วยนะคะ” “ได้จ้า อาอยากรู้เหมือนกันว่าน้องฌอร์นจะหายตัวย่นตอนไหนน้า” ชารอนเออออกับหลานสาวสุดที่รัก คีแรนโอบกอดสลักจิตและลูกชายตัวน้อยไว้ในอ้อมแขนแข็งแรงแล้วหอมแก้มนวลที่เริ่มมีสีสันขึ้นมาอย่างแสนรัก “ขอบคุณมากนะครับที่ให้ของขวัญล้ำค่ากับคุณคีย์อีกครั้ง” “อุ้มก็ขอบคุณคุณคีย์เหมือนกันค่ะ ที่ดึงอุ้มขึ้นมาอยู่เคียงข้างคุณคีย์” หญิงสาวยิ้มอ่อนหวานแล้วหอมแก้มเขาอย่างรักใคร่พร้อมทั้งหอมแก้มน้องครีมที่ยื่นหน้ามาหอมแก้มคุณพ่อคุณแม่ด้วย “ย่าดีใจจริงๆ ที่ทุกคนมีความสุขแค่นี้ล่ะที่คนแก่ๆ อย่างย่าอยากเห็น” “เรารักคุณย่าค่ะ / ครับ” ทุกคนพูดขึ้นพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย แล้วก็มองหน้ากันก่อนจะหัวเราะสดใส่ คุณย่ารับน้องฌอร์นมาอุ้มแล้วเอ่ยขึ้นกับทุกคน “ย่าขอให้ทุกคนมีความสุขมากๆ นะลูก ขอให้เด็กๆ เติบโตมาอย่างแข็งแรงเป็นเด็กดีทั้งกายทั้งใจ ให้คีแรนและครอบครัวมีแต่สิ่งดีๆ เข้ามา” “เราก็ขอให้คุณย่าแข็งแรง อยู่กับพวกเรานานๆ เป็นที่รักเป็นร่มโพธ์ร่มไทรเป็นขวัญกำลังใจให้เราทุกคนนะครับ เพราะหากไม่มีคุณย่าคอยเตือนสติ ผมก็คงไม่มีวันนี้” คีแรนนึกถึงวันที่ชีวิตของเขามืดมนและสิ้นไร้กำลังใจ คำพูดคำสอนของคุณย่าที่คอยเตือนสติให้กำลังใจเขาในวันนั้นมันยังกึกก้องอยู่ในใจเสมอ... “ใช่ค่ะ หากไม่มีคุณย่า ชารอนคงไม่มีครอบครัวที่อบอุ่นแสนดีแบบนี้” ชารอนโอบกอดและหอมแก้มเหี่ยวย่นของคุณย่าแครอลอย่างแสนรัก “น้องครีมก็รักคุณย่าทวดมากๆ นะคะ” “ย่าทวดรู้จ้า คนดีของย่า” คุณย่ายิ้มกว้างกับความรักที่หลานๆ มีให้ หญิงชราอิ่มเอมในหัวใจ คีแรนโอบกอดสลักจิตและยิ้มให้กันอย่างมีความสุข... ชีวิตมนุษย์เป็นสิ่งมีค่า เมื่อพวกเขามีความรักมันยิ่งจะมีคุณค่ามากขึ้น และยิ่งพวกเขามีสติ รู้จักรักและให้อภัย พวกเขาจะยิ่งมีค่ามากมายมหาศาล และคุณค่าของพวกเขาจะถ่ายทอดส่งผ่านไปสู่ทายาทของพวกเขา พวกเขาจะสร้างทายาทที่ดี มีคุณค่าให้ครอบครัวและสังคม ถ้าหากพวกเขาจะเป็นคนไร้ค่า นั่นก็เพราะว่าพวกเขาไม่มีความรัก.. ไม่รู้จักรัก ว่าควรรักอย่างไรให้ตนมีคุณค่า และส่งผ่านคุณค่าความดีงามนั้นไปสู่ผู้อื่น... คีแรนคิดว่าตนช่างโชคดีเหลือเกินที่วันนั้นเขาได้สติจากคำสอนของคุณย่า ทำให้เขามีสติขึ้นมา และคิดทบทวนแล้วให้อภัยชารอน เขาคิดไม่ออกเลยว่าหากเขาไม่ให้อภัยชารอนและเอาแต่คิดเจ็บแค้นเฝ้าโทษทุกสิ่งทุกอย่าง และจมจ่ออยู่กับความทุกข์ในวันนั้น วันนี้เขาจะมีความสุขเฉกเช่นวันนี้หรือไม่ และในวันนี้ความสุขก็โอบล้อมพวกเขาไว้อย่างแน่นหนา และจะไม่มีวันจืดจาง... ...จบบริบูรณ์...
已经是最新一章了
加载中