บทที่2.จบตอน   1/    
已经是第一章了
บทที่2.จบตอน
“อย่าทำอะไรบีเลยนะคะได้โปรดอย่าทำต่อเลยนะคะบีเหนื่อยแล้ว อุ้ย อื้อออ...” เสียงวอนขอของเธอไร้ค่าเมื่อเขาไม่นำพากับน้ำตาที่อาบแก้มใส ร่างสูงใหญ่ถาโถมเขาหากายบางอวบอิ่มด้วยวัยสาวสดอย่างหิวกระหาย ดื่มกินยอดทรวงสีหวานด้วยความร้อนแรงจนเจ้าของต้องหวีดร้องออกมาด้วยความเจ็บระคนเสียวซ่านมือหนาฟอนเฟ้นกายบางด้วยความหลงใหลลืมตัว เอวบางที่มือข้างเดียวแทบจะกำรอบถูกเขาจับพลิกให้เธอนอนค่ำพร้อมกับยกสะโพกมนขึ้นสูงก่อนจะสอดเสยความแข็งแกร่งเข้าหาช้าๆ ท่วงท่าเต็มไปด้วยความมั่นใจและหมายมาดจนเขาสามารถเข้าไปจนสุดทาง... “อา... บารนี เธอนี่แน่นสุดยอดไปเลย... โอว... มัน ไม่น่าเชื่อ...” เขาขยับสะโพกสอบเข้าหาความอ่อนนุ่มของสะโพกหนั่นแน่นนั้นช้าๆ หมุนวนบดเบียดให้ความแข็งแกร่งเสียดสีเล้าโลมจนบารนีเสียวไปทั้งกาย สาวน้อยแหงนใบหน้าขึ้นพร้อมกับสูดปากด้วยความเสียวกระสันเมื่อความใหญ่โตเคลื่อนไหวอย่างคึกคะนองในกายสาว ความร้อนผะผ่าววิ่งแล่นไปทั้งสรรพางค์จนเธอแทบจะมอดไหม้ ยิ่งเขากระแทกกายเข้าหาและบีบเฟ้นทรวงสาวอวบใหญ่เดินตัวมากเท่าไหร่ เธอก็เหมือนลอยล่องออกห่างความเป็นจริงทุกขณะ ตอนนี้บารนีรู้สึกเหมือนตัวเองฝันไป ความเสียวซ่านรัญจวนใจกับลีลาอันเจนจัดในเกมพิศวาสของของเขาทำให้เธอมึนงง ความเจ็บปวดไม่มีอีกต่อไป มีเพียงความเสียดเสียวที่ทำให้เธอแทบแตกระส่ำด้วยความสุขสมที่เขามอบให้ครั้งแล้วครั้งเล่า... “กรี๊ดดดด....อ๊า...” เสียงหวานผสานกับเสียงแหบห้าวของเขาดังก้องห้องหอที่ไร้ซึ่งความรัก เสียงเนื้อหนุ่มสาวกระทบกันราวเสียงดนตรีกามาอันไพเราะก่อนที่อัคนีจะพาเธอไปสู่จุดสูงสุดแห่งเกมสวาทอันร้อนแรง... “อา... เธอนี่มันสุดยอดจริงๆ สมกับเป็นน้องของไอ้จอมฉก ที่แย่งแฟนของคนอื่น ไม่รู้ว่าพี่ชายเธอมันจะลีลาดีเหมือนเธอรึเปล่านะแพทถึงได้หลงมันจนทิ้งฉันไปเอาพี่เธอมาเป็นผัว...” “คุณ...” บารนีพูดไม่ออกเมื่อวาจาร้ายกาจดังออกมาจากปากหยักสวยราวอิสตรีของเขา สาวน้อยน้ำตาซึมทั้งหอบด้วยความเหนื่อยอ่อนจากบทรักเร่าร้อนหลายต่อหลายครั้งในค่ำคืนนี้ และหอบหายใจไม่สะดวกจากอาการสะอึกสะอื้นในอกกับความใจร้ายของเขา... “พูดไม่ออกนี่เพราะโดนจัดหนักหรือมันคือความจริงล่ะ อย่าหันหน้าหนีฉันนะบารนี” อัคนีกล่าวเสียงเข้มและแรงขึ้นด้วยอารมณ์เมื่อเธอหลับตาลงพลางหันหน้าหนีทำท่าเหมือนรังเกียจเขากระนั้น ชายหนุ่มกระชากไหล่มนของคนที่นอนตะเคียงหันข้างให้ตนหันกลับมาแต่คราบน้ำตาและดวงตาที่ปิดสนิทพร้อมกับกายสาวสะท้านด้วยแรงสะอื้นทำให้อัคนีรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก บารนีหลับไปแล้วและไม่มีทีท่าว่าจะตื่นมาฟังคำพูดร้ายๆ จากเขา... “โธ่ เว้ย บัดซบที่สุด...” เขาลุกขึ้นจากเตียงสีหวานยับย่นแล้วเดินเข้าห้องน้ำชำระร่างกายด้วยความหงุดหงิดที่หวั่นไหวกับคราบน้ำตาของเธอ... “ไม่ ฉันไม่ไม่หวั่นไหว เธอไม่มีค่าสำหรับฉัน ไม่ๆ ม่ายยย...” อัคนีผวาเฮือกร่างสูงผุดลุกนั่งบนเตียงกว้างแล้วเสยผมหยักศกที่ยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงของตนแรงๆ ด้วยความหงุดหงิดและโมโห... ทำไม เขาต้องฝันซ้ำซากอยู่อย่างนี้มาตลอดสี่ปีเต็ม “ทำไม... ทำไมต้องเป็นแบบนี้วะ” อัคนีลุกขึ้นเปิดประตูกระจกหรูแล้วเดินไปที่ระเบียงกว้าง ดวงตาคมทอดมองไปยังความมืดก่อนจะเงยหน้ามองฟ้าที่พราวพร่างด้วยดวงดาวนับล้านๆ ดวง แล้วดาวที่มิวนิคจะเหมือนกันกับดาวที่กรุงเทพฯ ไหมหนอ... “นี่ฉันคงบ้าไปแล้วที่ออกมายืนดูดาวอยู่ได้ทุกวัน...” ชายหนุ่มบ่นอย่างฉุนเฉียวกับตัวเองก่อนจะกลับเข้าห้องและพยายามจะหลับให้ลง... “หนูเล็กว่าบีควรตัดสินใจให้เด็ดขาดเสียที” ชลิตาบอกเพื่อนสาวคนสวยแต่ดวงตาเศร้าสร้อยเหลือเกินด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ทำอย่างไรล่ะหนูเล็ก บีไม่รู้จะทำอย่างไรดี” “ก็คิดแค่คิดว่า ฉันอยากมีอิสระ อยากมีชีวิตใหม่... บี ตัวทนทุกข์มานานแล้วนะ ตัวไม่เคยเปิดโอกาสให้ตัวเองมองใครใหม่ อย่างพี่อาร์ตนั่นเขาก็รักบีกับลูกมาก เทียบกับใครบางคนที่ไม่เคยมาเหลียวแล เป็นหนูเล็กนะ หนูเล็กเลือกพี่อาร์ตแทนที่ผู้ชายใจร้ายคนนั้นแน่ๆ” ชลิตาเลือกที่จะพูดอย่างที่ใจคิด เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมบารนีต้องทนทุกข์ทรมานกับความสัมพันธ์ที่ปราศจากความรัก ผูกตัวเองติดกับทะเบียนสมรสที่ใครอีกคนไม่ได้ใยดี บารนีเป็นคนสวยสง่าและน่ารักเธอเองเป็นผู้หญิงด้วยกันยังชื่นชมและหลงรักความน่ารักของบารนีโดยเฉพาะ อธิชาติ เพื่อนรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยซึ่งหลงรักบารนีมาตั้งแต่สมัยเรียนก็คอยแวะเวียนมาสานไมตรีด้วยดีมาเสมอด้วยความอดทนและพยายามจะเอาชนะใจบารนี แต่ผ่านมาแล้วสี่ปี บารนียังคงรักษาสถานะความเป็นเพื่อนและพี่ชายไว้อย่างเหนียวแน่นจนเธอเองก็อดสงสารอธิชาติไม่ได้ “แต่...” “ไม่มีแต่จ้ะ หากอยู่แบบนี้ตัวก็ต้องทนทุกข์ทรมานต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีจบสิ้นแล้วผู้ชายใจร้ายคนนั้นก็ไม่เคยสนใจหรอกว่าตัวจะอยู่อย่างไร ทำอะไร มีภาระอะไรบ้าง... บี ตัวต้องเลือกที่จะทำเพื่อตัวเองบ้าง...” “นี่เธอมาเสี้ยมสอนอะไรน้องสาวฉันอีกล่ะ พอกลับมาก็เอาแต่เรื่องไม่ดีใส่หัวคนอื่นเลยนะ” เสียงนุ่มทุ้มน่าฟังของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงสง่าดูมีเสน่ห์ของ อัครวัฒน์ เดินมายืนอยู่ตรงหน้าของทั้งสองสาว ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อเหลาออกทางค่อนข้างหวานด้วยดวงตายาวใหญ่ที่มีแววอ่อนเชื่อมหรือที่เรียกว่า ตาหวาน นั้นรับกับคิ้วดกดำเรียวยาวเป็นระเบียบ จมูกโด่งสวยเหมือนจมูกของหญิงสาวมากกว่าจมูกของชายหนุ่มและริมฝีปากบางเฉียบสีแดงเรื่อจนผู้หญิงต้องอาย คุณโดมแห่งดีแลนด์อินเตอร์เนชั่นแนลแอร์ไลน์ เป็นชายหนุ่มที่ทั้งหนุ่มทั้งสาวต่างหลงใหลคลั่งไคล้กว่าดาราดังบางคนเลยทีเดียวและเขาก็มักมีข่าวกับสาวๆ เสมอ จะว่าไปสามหนุ่มแห่งบ้านดีแลนด์คงจะมีเพียงอัคราเท่านั้นกระมังที่ไม่เคยมีข่าวคาวๆ กับผู้หญิงเพราะชอบหมกตัวอยู่แต่กับไร่และโรงทอผ้าเท่านั้น... “นี่คุณโดม มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลยนะ คนเขากำลังคุยกันเรื่องของสาวๆ หนุ่มไม่แท้ไม่เกี่ยว” “อ้าวพูดแบบนี้มาพิสูจน์กันมั้ยจ๊ะหนูเล็กแต่... ไม่เล็ก...” อัครวัฒน์ยังยียวนต่อปากต่อคำกับชลิตา และคำพูดเป็นนัยของเขาก็ทำให้ ชลิตาหน้าแดงจัดด้วยความโกรธและกำลังจะอ้าปากโต้เถียงกันหากบารนีไม่หยุดไว้เสียก่อน “เอาล่ะค่ะ อย่าทะเลาะกันเป็นเด็กๆ สิคะ พี่โดมล่ะก็ชอบยั่วประสาทหนูเล็กจริงเชียว” “พี่แวะมาบอกข่าวดีจ้ะ คุณลุงวิลสันก็ตกลงที่จะใช้ผ้าของเราในการเดินแบบซีซั่นหน้าและจะใช้ลายที่บีออกแบบด้วย ดีใจด้วยนะจ๊ะ” “จริงหรือคะพี่โดม ไชโยๆ ดีใจด้วยนะบีที่คุณลุงเลือกผลงานของบี” ชลิตาร้องอย่างยินดีแล้วลุกขึ้นกระโดดเหมือนเด็กๆ ด้วยความดีใจราวกับว่าตัวเองเป็นเจ้าของผลงานและเผลอเรียกอัครวัฒน์ด้วยสรรพนามเหมือนกันกับบารนีเรียกเขาว่า พี่โดม “แหม.. ทำอย่างกับตัวเองเป็นเจ้าของผลงาน” “ทำไมล่ะ ผลงานเพื่อนของหนูเล็กก็เหมือนผลงานของหนูเล็กนั่นล่ะ เนอะบีเนอะ” “จ้า ขอบใจมากนะหนูเล็ก” “เอาละ ดึกแล้วเรากลับกันเถอะ คุณพ่อคุณแม่แล้วก็พี่เด่นรออยู่” อัครวัฒน์บอกแล้วเดินออกไปก่อนบารนีจึงหันมาลาเพื่อนรัก ชลิตาเดินมาส่งบารนีที่รถด้วยใบหน้ายิ้มแย้มโดยมีคุณวิลสันและภรรยายืนส่งแขกอยู่หน้าบ้านหลังงาม บารนีเดินเข้าห้องนอนของตนด้วยความดีใจและภาคภูมิใจที่ผลงานการออกแบบลายผ้าและออกแบบชุดผ้าไหมได้รับการยอมรับจากนักธุรกิจสิ่งทอหลายๆ คน ทั้งที่เธอเป็นนักออกแบบหน้าใหม่ ในตอนแรกบารนีคิดว่าที่พวกเขาซื้อเพราะเธอเป็นดีแลนด์และเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของดีแลนด์ซิลด์ แต่เมื่อผลงานของเธอออกสู่ตลาดและได้รับความสนใจ แบบเสื้อผ้าของเธอก็ยังเป็นที่นิยมทำให้บารนีมั่นใจในตัวเองมากขึ้นว่าเธอเองก็มีดีพอที่จะกล้าทำอะไรบางอย่าง... หญิงสาวเปิดประตูห้องนอนที่เชื่อมติดกันมายังห้องของน้องบูมซึ่งกำลังฝึกนอนคนเดียวแต่ไม่ค่อยจะสำเร็จเพราะเด็กชายมักจะตื่นกลางดึกและเข้ามานอนกับเธอเสมอ บารนีเดินมาหยุดที่เตียงกว้างมองใบหน้าที่หลับพริ้มของน้องบูมด้วยความรักก่อนจะหอมแก้มยุ้ยนั้นเบาๆ “แม่รักลูกนะครับ และอีกไม่นานเราก็จะมีกันและกัน มีแค่เราสองคน...” มือบางลูบเรือนผมดกหยักศกของลูกรักก่อนจะเดินกลับห้องและแง้มประตูไว้เพื่อให้น้องบูมเดินกลับมาหาตนที่ห้อง “ฉันจะต้องเลือกแล้วสินะ พี่บูรณ์ พี่อย่าโกรธบีนะคะ บีไม่อยากทรมานอยู่แบบนี้อีกต่อไปแล้ว” หญิงสาวพูดกับตัวเองแล้วนึกถึงพี่ชายซึ่งตอนนี้อยู่ที่เชียงใหม่ ดูแลกิจการรีสอร์ตและไร่ชากับภัทราอย่างมีความสุข แล้วเธอล่ะ... คุณดารามองหน้าสวยหวานแต่แสนเศร้าของสะใภ้ที่รักอย่างพยายามเก็บกักความเจ็บปวดไว้ในอกไม่แพ้กัน คงถึงเวลาแล้วสินะที่นางจะต้องปล่อยให้บารนีเป็นอิสระ แม้จะรักและเอ็นดูบารนีตั้งแต่แรกเห็น สาวน้อยที่เอาแต่ร้องไห้จนตาบวมและไม่พูดไม่จากับใครในคืนอันเลวร้ายที่บุตรชายของนางเป็นผู้สร้างมลทินให้กับชีวิตอันบริสุทธิ์ของเธอ ตั้งแต่แรกพบหน้าบารนี นางก็รู้สึกถูกชะตาและคิดหมายมั่นว่าสักวันอัคนีคงมองเห็นสิ่งที่นางเห็น ความน่ารักอ่อนโยนและเจียมเนื้อเจียมตัวของบารนีทำให้นางยิ่งรักสะใภ้ในนามคนนี้ และความสามารถและฉลาดเฉลียวในหน้าที่การงานก็ยิ่งทำให้นางไม่อยากให้บารนีพ้นไปจากบ้านดีแลนด์ แต่เมื่อถึงตอนนี้ นางควรเลิกเห็นแก่ตัวใช่ไหม... “บีคิดว่ามันถึงเวลาแล้วค่ะ เพราะคงไม่มีประโยชน์อะไรที่บีจะต้องทนอยู่ในฐานะภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายที่กอดทะเบียนสมรสอยู่อย่างนี้ อีกอย่างน้องบูมก็โตขึ้นทุกวัน ทุกครั้งที่น้องบูมถามว่าเมื่อไหร่คุณพ่อจะกลับมาอยู่กับเรา บีก็เจ็บปวดทุกครั้ง บีก็ไม่อยากจะโกหกลูกอีกแล้วค่ะ” “แม่เข้าใจจ้ะ เอาเป็นว่าแม่จะติดต่อตาเดียวอีกทีว่าให้มาจัดการเรื่องหย่าให้เรียบร้อย” “ขอบพระคุณนะคะ คุณแม่มีเมตตากับบีและลูกเสมอ จนบีละอายใจ” “ไม่เอาน่าน้องบีอย่าร้องไห้สิจ๊ะ น้องบีก็รู้ว่าแม่รักหนูเหมือนลูกแท้ๆ และรักน้องบูมมากกว่าใคร ไม่ต้องห่วงนะเรื่องหย่าแม่จะจัดการให้” คุณดาราลูบศีรษะของบารนีอย่างอาทรมือเหี่ยวย่นเช็ดน้ำตาบนแก้มนวลให้อย่างอ่อนโยน ยิ่งทำให้บารนีน้ำตาไหลเป็นทางด้วยความตื้นตันใจ...
已经是最新一章了
加载中