บทที่ 4. การพบกันที่ทำให้ใจหวั่นไหว...   1/    
已经是第一章了
บทที่ 4. การพบกันที่ทำให้ใจหวั่นไหว...
“อุ้ย นี่คุณปล่อยฉันนะ เจ็บนะ ปล่อย...” บารนีร้องด้วยความเจ็บแปลบเหมือนข้อมือเล็กจะแตกร้าวอยู่ในอุ้งมือใหญ่ร้อนระอุเมื่ออัคนีลากเธอกลับบ้านพร้อมกับเขาโดยไม่สนใจสายตาของพนักงานที่ประจำอยู่ที่ลาดจอดรถของโรงแรมซึ่งมองตามเจ้านายหนุ่มลากร่างเล็กๆ ของหญิงสาวที่มาขอพบเขาเมื่อบ่ายไปยังรถคันหรูแล้วจับร่างบางอรชรเข้าไปในรถอย่างไม่เบานักแล้วก็ปิดประตูดังโครมใหญ่ก่อนจะขับออกไปอย่างรวดเร็ว “นี่คุณอัคนี ฉันไม่ไปกับคุณนะ จอดรถเดี๋ยวนี้ฉันจะกลับโรงแรมและจะไม่พักที่โรงแรมของคุณก็ได้หากคุณไม่พอใจ” บารนีพูดกับเขาอย่างไม่พอใจที่อัคนีไม่พูดไม่จาแต่ลากเธอมากับเขาแล้วนี่เขาจะพาเธอไปไหน.. “คุณ ฉันพูดไม่ได้ยินรึไง...” “หุบปากซะบารนีหากยังอยากจะหย่ากับฉัน” อัคนีเอ่ยขัดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ดวงตาคมตวัดมองเธอด้วยแววตากร้าวกราด ใบหน้าหล่อเหลาอย่างที่เธอไม่เคยลืมบึ้งจัดจนบารนีเริ่มใจเสีย สงบปากสงบคำแล้วเมินหน้าหนีเขาในใจก็คิดว่าเขาคงไม่ทำอันตรายเธอหรอกกระมัง.. หนุ่มสาวนิ่งเงียบมาตลอดทางจะรถคันงามแล่นเข้าสู่อาณาบริเวณบ้านหลังงามใหญ่โตโอ่อ่าที่ตั้งอยู่บนพื้นที่กว้างขวางแวดล้อมด้วยต้นไม้ร่มรื่น จนเมื่อเขาจอดรถแล้วก้าวลงไปเธอก็ลงตามเขาไป มองใบหน้าหล่อเหลาด้วยคำถามว่าพาเธอมาที่นี่ทำไม... “เธอควรพักที่นี่ เพราะอย่างน้อยๆ เธอยังขึ้นชื่อว่าเป็นเมียฉันอยู่” “แต่ฉัน...” บารนีจะขัดแต่เขากลับเดินเข้าบ้านไปโดยไม่พูดอะไรแต่ร้องเรียกโรเบิร์ตเสียงดังลั่น ไม่นานร่างผอมสูงของโรเบิร์ตก็มา “ครับคุณอัลล์” “จัดห้องให้คุณผู้หญิงเสร็จแล้วใช่มั้ย” “ครับ เรียบร้อยแล้ว” “แต่ฉันไม่พักที่นี่นะคะ ข้าวของฉันก็อยู่ที่โรงแรม...” หญิงสาวเดินเข้ามาปฏิเสธเสียงแข็ง “หากเธอไม่พักที่นี่ฉันจะไล่โรเบิร์ตออก ร็อบ... คุณรู้ดีใช่มั้ยว่าผมเอาจริงและควรทำอย่างไร เธอด้วยบารนี...” อัคนีกล่าวเสียงเย็นแล้วเดินขึ้นห้องของตัวเองไปโดยไม่สนใจคนที่ยืนอึ้งด้วยความคาดไม่ถึง... “โรเบิร์ต คือบี...” “ก็แล้วแต่คุณครับ ผมรอฟังคำตอบและหากคุณไม่พักที่นี่ผมจะได้ไปเก็บข้าวของ...” โรเบิร์ตกล่าวเสียงเศร้า “โธ่ โรเบิร์ต...” หญิงสาวกล่าวออกมาอย่างอ่อนใจ บารนีมองหนุ่มใหญ่ตรงหน้าด้วยความลำบากใจและปรายตามองไปยังทิศทางที่คนตัวโตเดินลับไปอย่างขัดเคือง.... “จัดให้บีพักห้องไหนคะ...” คำพูดของเธอทำให้โรเบิร์ตยิ้มกว้างด้วยความโล่งใจ... บารนียืนคว้างอยู่กลางห้องนอนกว้างกว่าห้องของเธอที่บ้านหลังงามในกรุงเทพฯ เสียอีก เตียงกว้างดูนุ่มน่านอนมีหมอนและผ้าปูเข้ากัน มุ้งกลมสีเดียวกับที่นอนนุ่มทอดตัวยาวมาจากเพดานงดงามจรดพื้น ตู้เสื้อผ้าฝังอยู่ในผนังซึ่งมีประตูเป็นกระจกฉลุลายงดงามอ่อนช้อยและกระจกเงาตรงส่วนที่เป็นห้องแต่งตัวซึ่งฉากกั้นเป็นภาพวาดหญิงสาวรูปร่างอรชรเปลือยกายอยู่ในน้ำใสแจ๋วโดยที่ช่วงเอวคอดนั้นพ้นน้ำขึ้นมา ทรวงสาวอวบอิ่มมียอดถันสีชมพูนั้นมีหยาดน้ำเกาะพราวดูเย้ายวนซึ่งมันทำให้คนมองถึงกับหน้าแดงจัด “คนบ้า ทำไมต้องให้เรามาพักห้องนี้ด้วยเนี่ย” หญิงสาวบ่นอุบแล้วลองเปิดสำรวจข้าวของในห้องดูแล้วก็ต้องขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นข้าวของของตนถูกจัดวางเรียบร้อย เครื่องสำอางและครีมบำรุงผิวที่เธอนำติดตัวมาด้วยเรียงเป็นระเบียบอยู่หน้าโต๊ะแต่งตัวกว้างขวางซึ่งมีกระจกยาวเต็มตัว นี่เขาทำแบบนี้เพื่ออะไร เธอไม่ได้จะอยู่ที่นี่นานขนาดนั้นหรอกนะ เพราะพรุ่งนี้หากจัดการเรื่องหย่าให้เรียบร้อยที่สถานทูตแล้วเธอจะกลับเมืองไทยทันที “เขาต้องการอะไรกันแน่ หรือว่าต้องการแกล้งกัน...” บารนีทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้กลมใกล้ๆ ตัว ตอนนี้เธอตื่นเต็มตาแล้วเพราะหลับไปนานและคงจะนอนไม่หลับอีกหลายชั่วโมงแน่ๆ แล้วเธอจะทำอย่างไรดี จะไปถามเขาตอนนี้เลยไหม แต่มันจะเที่ยงคืนแล้วนะ บารนีผุดลุกผุดนั่งเดินไปเดินมาอยู่ในห้องอย่างสับสน แล้วสุดท้ายก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเข้านอนพยายามหลับให้ลง… เช้าวันใหม่ในมิวนิคบารนีตื่นแต่เช้าเพราะไม่ชินกับสถานที่ใหม่ หรือจะว่าไปเธอนอนหลับๆ ตื่นๆ ตลอดทั้งคืน เช้านี้เธอจึงต้องรองพื้นหนากว่าทุกวันเล็กน้อยแต่ก็ดูเป็นธรรมชาติก่อนแต่งหน้าเข้มขึ้นด้วยลิปสติกสีชมพูบานเย็นส่งให้เช้าวันนี้เธอดูสวยโฉบเฉี่ยวกว่าทุกวันที่แต่งหน้ามาเลยทีเดียว หญิงสาวแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่พร้อมจะเดินทางและจัดของลงกระเป๋าใบย่อมของตนดังเดิม แต่แล้วเธอก็ต้องหัวเสียเมื่อหาพาสสปอร์ตกับโทรศัพท์มือถือของตนไม่เจอ สงสัยเมื่อคืนเธอมัวแต่กังวลเรื่องอัคนีจะเอาอย่างไรกับเธอจนลืมสังเกตและเตรียมของสำคัญเหล่านี้ไว้ “เอ... หรือว่าเราลืมไว้ที่โรงแรม ถ้าอย่างนั้นเราขอให้โรเบิร์ตพาไปเอาโทรศัพท์กับเอกสารไปที่โรงแรมดีกว่า” หญิงสาวพูดกับตัวเองแล้วถือกระเป๋าเดินทางใบเก่งออกมาด้วยแล้วก็เจอกับอัคนีในชุดลำลองสีเทาที่เปิดประตูห้องออกมาพอดี บารนีมองร่างสูงใหญ่ของเขาที่ดูน่าเกรงขามแม้อยู่ในชุดแสนสบายแต่แววตาของเขาที่มองมายังเธอนัยวาววับด้วยโทสะที่เธอรู้สึกได้ อัคนีมองใบหน้าสวยหวานที่เขาเห็นใบหน้าเธอชัดกว่าเมื่อคืนด้วยความรู้สึกโกรธขึ้นมาเป็นริ้วๆ เมื่อเห็นกระเป๋าเดินทางของบารนี นี่เธออยากจะหย่ากับเขามากและพร้อมที่จะกลับเมืองไทยขนาดนี้เลยหรือ ไม่ธรรมดาจริงๆ นั่นแสดงว่ามีอะไรที่ดีๆ ที่เมืองไทยสินะ... ชายหนุ่มเหยียดหญิงสาวในใจเมื่อคิดว่าเธออาจจะมีใครรออยู่ “คุณอัคนีคะ เราพร้อมจะไปรึยังคะ” บารนีเอ่ยถามทันทีเมื่อชายหนุ่มเดินผ่านหน้าเธอไปโดยไม่พูดอะไรสักคำเกี่ยวกับธุระสำคัญของเธอ “ฉันหิวขอกินอะไรก่อนก็แล้วกัน” “แต่ว่าฉัน...” “ฉันหิว...” เขาย้ำอีกครั้งโดยไม่ได้หันมามองเหมือนว่าเธอไม่ได้อยู่ตรงนี้และเขาไม่ได้ตั้งใจจะพูดกับเธอกระนั้น บารนีจำต้องเดินตามเขาไปแม้ไม่พอใจที่เขาทำแบบนี้กับตนแต่อย่างว่า ตอนนี้เธออยู่ในถิ่นของเขา จะเอาอะไรมากมายล่ะ หญิงสาวคิดอย่างพยายามข่มใจ บารนีนั่งลงตรงข้ามกับเขาอย่างพอจะรู้ว่าที่ของตนควรอยู่ตรงไหน... ผ่านเวลาอาหารเช้าไปร่วมสองชั่วโมงอัคนีก็เก็บตัวเงียบอยู่ในห้องนอนกว้างของตนเพื่อตัดสินใจบางอย่างปล่อยให้บารนีนั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่นด้วยความกระวนกระวายใจเมื่อเขาไม่ลงมาเสียที วันนี้เป็นวันหยุดสำหรับอัคนีและเขาก็คิดว่าจะหยุดอีกหลายวันและอาจจะเป็นสัปดาห์... “คุณวิกกี้ ผมจะไม่เข้าไปหนึ่งอาทิตย์นะ คุณช่วยจัดการงานที่เหลือแทนผมด้วย อันไหนที่สำคัญที่จะต้องผ่านผมก็เอางานมาส่งผมที่บ้าน แล้วผมจะให้เจมส์เข้าไปช่วย” อัคนีโทรศัพท์หาเลขาสาวซึ่งรุ่นราวคราวเดียวกันแล้วก็โทรศัพท์หาคนสนิทของเขาอีกคนที่เขาไว้ใจให้จัดการอะไรแทนได้ เจมส์ คาเตอร์ ชายหนุ่มรูปงามวัยยี่สิบเจ็ดปี ซึ่งเป็นเหมือนน้องของเขาอีกคน มารดาของเจมส์เป็นเพื่อนรักกับมารดาของเขาและคบหากันมานานจนแทบจะเป็นครอบครัวเดียวกันและเจมส์เองก็เป็นคนที่ซื่อสัตย์ไว้ใจได้ซึ่งครอบครัวของเจมส์ก็ทำงานกับครอบครัวดีแลนด์มาสองรุ่นแล้ว ตอนนี้หุ้นส่วนหนึ่งของดีแลนด์แกรนด์โอเทล เจมส์ คาเตอร์ก็เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นคนสำคัญ ตอนนี้เจมส์ก็กำลังบุกเบิกกิจการโรงแรมสาขาใหม่ที่ฝรั่งเศส “ว่าไงครับเจ้านายสุดหล่อมีอะไรให้เจมส์รับใช้ครับ” เสียงยียวนดังตอบมาเมื่อปลายทางกดรับสายของเขา “หึ วาจายียวนกวน.. ไม่เปลี่ยนแปลง เออ ฉันมีอะไรให้นายช่วยหน่อยพอดีมีธุระสำคัญ” “จะพาเมียไปหย่าเหรอพี่ชาย” ปลายสายกล่าวอย่างรู้ทันและมีเสียงหัวเราะกวนๆ ดังมาแว่วๆ ทำให้อัคนีกัดฟันกรอด นี่คงรู้ข่าวมาจากอัครวัฒน์น้องชายตัวแสบของเขาล่ะสิ คนในครอบครัวรู้ดีว่าสองคนนี้ซี้ปึ้กกันแค่ไหนเพราะพวกเขาเรียนมาด้วยวัยก็ใกล้เคียงกันทำให้ทั้งสองหนุ่มสนิทกันมาก “แสนรู้นักนะเจมส์” “โธ่พี่ชายผมไม่ใช่หมานะครับ” เจมส์โอดครวญมาไม่จริงจังนัก “ก็ใกล้เคียงกันนั่นล่ะ เอาล่ะฟังนะ...” อัคนีสั่งงานเจมส์และหนุ่มรุ่นน้องก็รับคำหนักแน่นแต่ไม่วายจะเอ่ยแขวะเลขาของเขาอย่างคนไม่กินเส้นกัน ระหว่างเจมส์กับวิกกี้นั้นเมื่อเจอกันทีไรเป็นได้ปะทะคารมกันทุกครั้งจนบางทีเขาก็อยากจับทั้งสองคนขังไว้ในถ้ำด้วยกันแล้วปิดปากถ้ำเสียด้วยอยากรู้นักว่าสองคนนี้จะทำอย่างไร อัคนีคิดขันๆ เมื่อนึกถึงคนทั้งสองแล้วก็ต้องหยุดคิดถึงเจมส์กับวิกกี้เมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น “มีอะไร” เขาเดินมาเปิดประตูและมองหน้าคนเคาะอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นหน้าที่แสดงอารมณ์ว่า เอาเรื่อง ชัดเจน บารนีดูเปลี่ยนไปมาก เธอไม่ใช่สาวน้อยขี้กลัวอีกต่อไปแต่กลายร่างเป็นแม่เสือที่พร้อมจะตะปบหน้าเขาเลยทีเดียว... “คุณอัคนีคะ หากคุณจะกรุณาไปสถานทูตกับดิฉันก็รีบไปเถอะค่ะ พอดีฉันจองเที่ยวบินกลับเย็นนี้...” “ดูเธอรีบจังนะ หรือว่ามีผู้ชายหน้าโง่คนไหนมันรอเธออยู่ที่บ้านล่ะ” อัคนีอดไม่ไหวสาดคำพูดแรงๆ เข้าใส่ ภาพซาตานใจร้ายในคืนก่อนจากเมื่อสี่ปีก่อนก็วิ่งเข้ามาในหัวทันที บารนีมองเขาอย่างชิงชัง อัคนีคือคนที่ทำให้เธอเหมือนตกนรกทั้งเป็น เธอทุกข์ทรมานใจมาสี่ปีแล้ว ถึงเวลาแล้วที่เธอจะได้เป็นอิสระจากพันธะที่ตนไม่ต้องการเสียที... “ใช่ค่ะ มีผู้ชายรอดิฉันอยู่ที่นั่น แต่เขาไม่ใช่ผู้ที่โง่หรอกนะ เขาเป็นคนน่ารักและเขาก็รักดิฉันมากด้วย ดิฉันเองก็รักเขามากเช่นกัน มากพอที่จะตายทนเขาได้เลยด้วย” บารนีตอบโต้เขาด้วยคำพูดที่จริงทุกคำ ก็มันจริงนี่นา เพราะมีน้องบูมที่รักเธอและเธอก็รักน้องบูมโดยไม่มีเงื่อนไข หญิงสาวเชิดหน้ามองเขาด้วยประกายตาเจิดจ้าด้วยความฉุนเฉียว เธอไม่ใช่น้องบีสาวน้อยผู้อ่อนแออีกแล้ว ตอนนี้เธอคือ น้องบีคนใหม่ที่จะไม่ยอมให้ใครมาบงการชีวิต โดยไม่รู้เลยว่าตนได้ราดน้ำมันลงบนกองไฟโทสะร้ายของอัคนี “เธอมันแพศยามีผัวอยู่ทั้งคนยังเที่ยวเร่หาผู้ชายอย่างนั้นเหรอ” อัคนีกัดกรามกรอดเมื่อได้ฟังคำพูดที่ฟังดูกร้านโลกของบารนีไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงได้รู้สึกโกรธมากอย่างนี้ โกรธเธอโกรธผู้ชายคนนั้นที่เจ้าหล่อนพูดถึงด้วย “เมื่อรู้แบบนี้แล้วคุณจะหย่าให้ดิฉันได้รึยังล่ะคะ” “ตอนแรกฉันก็คิดว่าจะหย่าให้เธอนะบารนี แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าฉันควรสิทธิ์ของความเป็นผัวเธอก่อนดีกว่า สี่ปีที่ผ่านมาฉันปล่อยให้เธอวิ่งร่านไปหาผู้ชายคนอื่น แต่ตอนนี้เธอไม่ต้องวิ่งไปไหนแล้วฉันจะสนองความอยากของเธอเอง...” อัคนีพูดเสียงเย็นสาดคำพูดร้ายกาจรุนแรงใส่ด้วยโทสะก่อนจะกระชากร่างงามของคนที่ตะลึงมองเขาอย่างตกตะลึงเข้าหาตัวอย่างรุนแรง... “อุ๊ย คุณ ปล่อยฉันนะ กรี๊ดดด จะทำอะไร” หญิงสาวหวีดร้องอย่างตระหนกเมื่อเขากระชากร่างบางของเธอเข้าไปในห้องอย่างไม่ปราณีและไม่สนใจว่าเธอจะเจ็บเพราะแรงบีบจากอุ้งมือหนาของเขา แล้วปิดประตูดังสนั่นจนโรเบิร์ตที่อยู่ชั้นล่างต้องเงยหน้าขึ้นมองด้วยความหวาดหวั่นแทนบารนี แต่เรื่องสามีภรรยาเขาจะเข้าไปสอดก็ใช่ที่ และเขาคิดว่าเจ้านายหนุ่มคงไม่ทำร้ายภรรยาของตนจนเลือดตกยากออกแน่นอน ในขณะเดียวกันนั้นร่างสูงใหญ่ย่างสามขุมเข้าหาร่างบอบบางที่สั่นเทาอยู่บนเตียงกว้างเมื่ออัคนีโยนร่างบอบบางลงบนเตียงราวเธอเป็นวัตถุไร้น้ำหนัก... “คุณจะทำอะไร.. ก็ไหนคุณบอกว่าจะหย่าให้ฉันหากฉันมาหาคุณ... คิดจะผิดคำพูดหรืออย่างไร” บารนีพยายามกระถดหนีเขาอย่างหวาดหวั่น ความมั่นใจและความกล้าหาญของเธอสลายไปเมื่อสบกับดวงตาสีน้ำเงินเข้มขุ่นที่เกือบจะกลายเป็นสีดำ ซึ่งเธอรู้ดีว่านั่นหมายถึงเขากำลังโกรธมาก... “ก็จะทำหน้าที่สามีให้ดีอย่างไรล่ะ... เธอคิดว่าฉันจะทำอะไรล่ะ หึหึ” “ไม่นะ กรี๊ดดด ปล่อยฉัน...” บารนีหน้าซีดตัวสั่นเมื่อเห็นแววตาที่แสดงออกถึงอารมณ์ของเขาแล้วต้องกรีดร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อร่างสูงโผนเข้ามาหา มือหนากระชากร่างบางให้ตกอยู่ใต้ร่างแกร่งที่ ตื่น ตั้งแต่เจอเธอนอนหลับพริ้มอยู่บนโซฟาในห้องทำงานของเขาแล้ว... “ปล่อยเหรอ ก็คงต้องหลังจากที่ฉันทำหน้าที่สามีเสร็จก่อนก็แล้วกัน และจนกว่าฉันจะพอใจ...” “อื้อออ...” บารนีพยายามจะต่อว่าเขาแต่เสียงหวานก็หายไปในลำคอมีเพียงเสียงประท้วงอึกอักเมื่อริมฝีปากหยักสวยของเขาทาบลงมาอย่างไม่เบานักมันเต็มไปด้วยอารมณ์กราดเกรี้ยว จุมพิตจากอัคนีจึงเป็นเหมือนบทลงโทษที่เธอหวาดกลัวเหมือนครั้งแรกที่เธอถูกพร่าพรหมจรรย์ ไม่นะ มันจะไม่เกิดขึ้นอีก... หญิงสาวพยายามดิ้นรนออกจากร่างหนาหนักของเขา แต่ยิ่งดิ้นเท่าไหร่ ก็เหมือนร่างของเขาหนักอึ้งแทบจะทับเธอให้แบนติดกับที่นอนนุ่ม และยิ่งพยายามเบี่ยงหน้าหนีจุมพิตป่าเถื่อนของเขาเท่าไหร่อัคนีก็ยิ่งเน้นน้ำหนักบดขยี้ริมฝีปากนุ่มของเธอมากขึ้นเท่านั้น “อย่า...” เสียงหวานครางประท้วงแผ่วหวิว ความหวาดกลัววิ่งเข้าสิงสู่หัวใจสาวเมื่อได้ยินเสียงเนื้อผ้าที่ถูกกระชากจนขาววิ่นติดมือ ผิวเนื้อบางขาวสะอาดก็แดงเป็นปื้นเมื่อถูกคมผ้าบาดผิว แต่คนตัวโตก็ไม่สนใจฉีกทึ้งเสื้อผ้าของเธอออกด้วยโทสะในขณะที่บารนีพยายามบิดกายหนีดวงตาคมที่เริ่มร้อนระอุด้วยอารมณ์บางอย่างที่ทำเธอหวั่นใจ ว่ามันจะซ้ำรอยเดิม... “เธอจะต้องทำหน้าที่เมียให้สมบูรณ์ก่อนที่จะหย่าจากฉันบารนี” คำพูดร้ายกาจของเขายังดังก้องอยู่ในหู บารนีพยายามที่จะพลิกกายหนีเขาอย่างไม่ยอมแพ้ อัคนีมองเรือนกายขาวกระจ่างท้าแสดงสว่างยามสายของวัน อากาศเย็นสบายไม่ได้ทำให้ความร้อนระอุของอารมณ์หนุ่มดับลง แต่มันกลับเพิ่มอุณหภูมิมากขึ้น แต่ไม่ใช่อารมณ์กราดเกรี้ยวเหมือนในคราแรกอีกต่อไป ชายหนุ่มกระชากเสื้อผ้าของตนออกอย่างรวดเร็วความกระสันอยากแนบกายแกร่งกับเรือนร่างอรชรนั้นมีมากเกินกว่าจะทนมองเธออย่างนี้... “ไม่นะ ได้โปรดอย่าทำร้ายน้องบีเลยนะคะ” หญิงสาวพยายามวอนขอทั้งน้ำตาเมื่อร่างสูงที่แนบลงมาทาบทับกายบางนั้นเปลือยเปล่าไม่แพ้กัน “สายไปแล้วคนสวย...” อัคนีครางตอบงึมงำเมื่อเขากำลังขบผิวเนื้อเนียนที่ลำคอระหงก่อนจะวกมาบดเคล้าจุมพิตร้อนแรงฉกชิมความหวานจากรวงปากสาวอย่างหลงใหล ความร้อนแรงด้วยโทสะเหือดหายไปเมื่อได้ชิมรสหวานปานน้ำผึ้งรวงจากปากสาวและได้สัมผัสกายอรชรที่ตามหลอกหลอนเขามานาน ความกราดเกรี้ยวพังครืนส่วนบารนีก็ได้แต่มึนงงกับสัมผัสที่แปรเปลี่ยนไปของเขา ลิ้นเล็กที่คอยถอยร่นหลบหลีกลิ้นร้อนของเขาก็ค่อยๆ เกี่ยวกระหวัดตอบสนองอย่างกล้าๆ กลัว ท่าทีตอบสนองเงอะงะไม่มั่นใจและลังเลของเธอทำให้อัคนีพอใจมาก ความอ่อนหวานไร้เดียงสาที่เขาเคยเชยชิดมาแสนนานยังคงตราตรึงไม่เคยลืมเลือนแม้เขาจะพยายามหลอกตัวเองมาตลอดก็ตาม อัคนีจูบเธอเท่าที่อยากจะจูบ ลูบไล้เคล้นคลึงทรวงสาวอวบอิ่มเต็มตึงซึ่งเขารู้สึกว่ามันใหญ่ล้นมือกว่าสี่ปีก่อนนัก และเขาก็ชอบมัน... ชายหนุ่มลากริมฝีปากและลิ้นร้อนผ่าวมาตามแก้มนวลเมื่อจำใจละจุมพิตแสนหวานจากริมฝีปากระเรื่อเพราะเขาอยากจะเชยชมสัดส่วนที่ยั่วใจมากกว่านั้น นั่นก็คือทรวงอวบใหญ่ที่เขาฟอนเฟ้นมันอยู่ยอดทรวงสีหวานไหวระริกตามแรงหอบหายใจกระเส่าของเธอราวยั่วเย้าปลายลิ้นให้ลิ้มลองความหอมหวานและเขาก็ไม่รอช้า ริมฝีปากร้ายร้อนผ่าวครอบครองยอดอกสาวด้วยความหิวกระหายอารมณ์หนุ่มเตลิดลิ่ว รู้สึกปวดหนึบไปทั้งกายแกร่งและเหมือนกับว่ามันจะแตกระเบิดเพราะความต้องการร่างอรชรตรงหน้าเสียให้ได้ “อื้ม อา... อย่า คุณเดียว อ๊ะ...” บารนีพยายามเหนี่ยวรั้งสติของตัวเองให้ปฏิเสธความหวามไหวที่เขาก่อขึ้นในร่างกายของเธอ แต่ดูเหมือนมันจะไม่สำเร็จเพราะร่างกายเธอไร้เรี่ยวแรงต่อต้านความเสียวซ่านซึ่งวิ่งพล่านไปทั้งกาย ความร้อนที่เธอไม่อาจจะอธิบายได้แผ่กระจายอยู่ในเส้นเลือดสาว มือบางดูจะมีกำลังมากที่สุดในตอนนี้พยายามผลักศีรษะที่ปกคลุมด้วยเรือนผมนุ่มดกหนาของคนตัวโตที่ดื่มกินยอดอกของเธออย่างเอร็ดอร่อยแต่ยิ่งออกแรงผลักมากเท่าไหร่ก็เหมือนเขาจะดูดยอดอกเธอแรงๆ เป็นการประกาศว่าเขาไม่มีวันยอมละจากทรวงสาวอวบอัดแน่นอน มือบางบารนีก็ตกลงข้างตัวจิกทึ้งที่นอนนุ่มอย่างซ่านรัญจวนแทน... “หวานเหลือเกินบารนี อา... เธอสวยมาก สวยกว่าที่ฉันคิดไว้...” อัคนีครางชิดอกอวบที่เขาดื่มกินฟอนเฟ้นด้วยความหลงใหล ร่างสูงเผยอตัวขึ้นเหนือร่างบางที่แดงก่ำไปทั้งตัวด้วยความพอใจ ริมฝีปากสาวบวมเจ่อห่อครวญครางหวานพลิ้วน่าปรารถนา... บารนีพยายามตั้งสติเพื่อไม่ให้หลงไปกับเขา หญิงสาวปรือตามองคนตัวโตที่กำลังมองเธอด้วยแววตาที่เป็นประกาย ความปรารถนาฉายชัดในดวงตาคู่คมและเมื่อเขาเลื่อนตัวต่ำลงเธอก็ต้องหุบเรียวขาเสลาทันทีแต่ก็ช้ากว่ามือหนาร้อนผ่าวที่จับมั่นที่ข้อเท้าบอบบางแล้วแยกเรียวขาเธอออกจากกันแล้วแทรกกายใหญ่โตเข้ามาคลอเคล้า บารนีหลบตาคมใบหน้าแดงปลั่งมือเรียวยกขึ้นปิดบังอกอวบของตนที่กระเพื่อมไหวยามหายใจหนักๆ ผ่อนระบายความเสียวซ่านนั้นช่างน่ารักนักในสายตาของอัคนี นิ้วแกร่งไล้เบาๆ ตั้งแต่ข้อเท้าเรื่อยมายังเข่ามนและต้นขาด้านในก่อนจะมาหยุดนิ่งที่ใจกลางร่างสาวอันอ่อนไหวของเธอ “อย่า... คุณเดียว ไม่นะ...อย่า...” หญิงสาวประท้วงแผ่วหวานและพยายามหุบขาเพื่อป้องกันตัวเองจากการรุกรานของเขาทั้งอับอายที่ต้องเผยส่วนสงวนต่อสายตาร้อนแรงของอัคนี “อย่าหรือ คงไม่ทันแล้วล่ะบารนี เธอเป็นของฉัน...” อัคนีบอกอย่างมั่นใจความรู้สึกหวงแหนเป็นเจ้าข้าวเจ้าของวิ่งชนหัวใจแกร่งแล้วเขาก็ประกาศความเป็นเจ้าของเธอด้วยการแนบริมฝีปากลงไปแทนที่นิ้วแกร่งที่ลากไล้สำรวจความสดฉ่ำหวานของดอกไม้สาวหอมยั่วใจ ลิ้นร้อนระอุราวเปลวเพลิงแตะแต้มลงบนเกสรบอบบางดูดดื่มความหวานล้ำจากกายสาวอย่างมัวเมาหลงมึนเมาไปกับรสชาติหวานล้ำลึกบาดใจพร้อมทั้งมือหนาก็เลื่อนขึ้นไปเคล้นคลึงอกอวบโจมตีเธอด้วยปาก มือและร้อนร้ายกาจอันช่ำชองของเขาจนบารนีเองก็หลงเพริดไปกับบทรักที่เร่าร้อนขึ้นทุกขณะหลงลืมความตั้งใจเดิมไปเสียสิ้นได้แต่สั่นสะท้านอยู่ใต้ร่างแกร่งของเขาแทน... “อื้อ อืม... โอว... คุณเดียว พี่เดียว...” เสียงครางหวานกระเส่าดังออกจากลำคอระหงอย่างไร้จริตร้องเรียกเขาอย่างสนิทสนมลืมตัวแต่ทำให้คนฟังรู้สึกอิ่มเอมใจจนต้องตวัดลิ้นไล้เลียดูดกลืนความหวานฉ่ำของร่างสาวหนักขึ้น มือบางจิกบ่าแกร่งทั้งทึ้งเรือนผมดกหนาของเขาอย่างซ่านรัญจวนอารมณ์พุ่งทะยานเสียดฟ้าในจังหวะสุดท้ายที่ลิ้นร้ายสอดลึกในกายสาว บารนีครางพลิ้วสะโพกมนร่อนค้างอยู่กลางอากาศร่างสาวเกร็งสะท้านสุขสมแกมโล่งใจที่ความทรมานเสียดเสียวนั้นบางเบาลงไป แต่แล้วดวงตากลมโตที่หลับพริ้มเป็นสุขนั้นก็ต้องเบิกกว้างเมื่อเขาจับเรียวขาของเธอพาดบนบ่าแกร่งแล้วโน้มกายมาข้างหน้าจนใบหน้าหล่อเหลาของเขาลอยเด่นอยู่ตรงหน้าเธอ...
已经是最新一章了
加载中