ตอนที่27 XXV
ก่อนสงครามกิลด์เริ่ม ณ ห้องประชุมของกิลด์อินทรีย์ถลาลม
บรรยากาศภายในห้องประชุมค่อนข้างตรึงเครียดพอสมควร มีผู้เล่นระดับสูงของกิลด์นับสิบคนต่างพากันช่วยกันระดมความคิดเห็น และเสนอแนะแนวทางที่ได้มาซึ่งชัยชนะของตัวเอง
“นี่มึงว่ายังไงนะ จะให้บุกไปตีธงของพวกมันเลยงั้นหรอ?!” เสียงของธีระดังขึ้นตะโกนใส่ผมที่เสนอไอเดียบ้าๆบางอย่างออกมาในที่ประชุม
“ก็ใช่น่ะสิ ทำไม ทำไม่ได้งั้นหรอ?” ผมพูดด้วยสีหน้าเย็นชาเเหมือนเดิมพลางสบประมาทเพื่อนตัวเองอยู่หน่อยๆอีกด้วย
“พวกกูไม่ได้เก่งขนาดนั้นนะ ถึงจะสามารถบุกเข้าไปถึงตำแหน่งที่ธรงได้ แต่แนวป้องกันธงคงแน่นหนามากแน่ๆ เพราะถ้าไม่ใช่ แคนซัส หัวหน้าของพวกมันแล้วก็คงจะเป็น 4 อัสนีที่คอยป้องกันเอาไว้” ธีระตอบตามความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นเพราะธงประจำกิลด์ถือเป็นหัวใจหลักที่สามารถพลิกเกมได้ อีกทั้งหากทำลายธงลงได้ก็จะเป็นการตัดจุดเกิดของศัตรูได้อีกซึ่งมันจะช่วยสร้างความได้เปรียบในสงครามขึ้นมา
“ถ้างั้นก็......เอากูเข้ากิลด์ด้วย เดี๋ยวจัดการที่เหลือให้เอง” ผมเสนอตัวเองเข้าช่วยทันที ก็คนมันอย่างหาอะไรสนุกๆทำนี่นา ยังไงซะมันก็เป็นแค่เกมเลยไม่อยากคิดอะไรให้มันปวดหัวมากนัก
“เอาจริงงั้นหรอ มึงทำแบบนี้ไม่กลัวตัวตนของมึงจะเปิดเผยรึไง แล้วอีกอย่างมึงอาจจะเจอผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุด จนทำให้มึงเอาจริงขึ้นมาจนความแตกก็ได้นะ แต่ก็เอาเถอะ ยังไงมึงก็ไม่ฟังอยู่แล้ว” ธีระพูดเหมือนจะคัดค้านผมเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยินยอมแต่โดยดี
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง พวกนั้นไม่มีคนคุ้มกันแน่นหนาหรอกนะ มีหรอที่กิลด์กำลังเป็นต่อขนาดนี้จะคอยกังวลเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้อย่างการถูกตีธงจนแตกน่ะ เราจะใช้ความประมาทของพวกมันให้เป็นประโยชน์!” ผมพูดขึ้นอย่างมั่นใจ แต่เหมือนคนในห้องประชุมจะไม่มีความมั่นใจเหมือนผมเลย แต่พวกเขาก็ยอมรับการตัดสินใจนั้นอยู่ดี
“ก็จริงของมึง ได้แต่หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้นนะ แล้วจะเอาอะไรอีกมั้ย?”
“ขอคนไปด้วยซักหน่อย นอกนั้นให้มึงจัดการเองเลย”
“เอางั้นก็ได้ มึงก็ไปเลือกเอาเองก็แล้วกัน.....” ธีระบอกกับผมไปแบบนั้นพร้อมกับเปิดหน้าต่างระบบกิลด์ขึ้นมาเพื่อเชิญผมเข้ากิลด์ และไม่ลืมที่จะให้ตำแหน่งระดับสูงในกิลด์เพื่อให้ง่ายต่อการสั่งการควบคุมคนที่ผมกำลังจะขอมา เมื่อจัดการเรื่องผมเสร็จแล้วธีระก็หันไปพูดกับคนในห้องประชุมต่อ พวกเราวางแผนเพิ่มเติมร่วมกันอีกซักพักใหญ่ๆ การประชุมอันยาวนานนี้จึงจบลง
.
.
.
หลังจากการประชุมแผนจบลงผมได้คัดเลือกผู้เล่นระดับสูงของกิลด์มา 4 คน ซึ่งประกอบด้วย นักดาบเวทย์ - ซาลอน, พรีซ - เหมย, นักเวทย์ - เบลบลีก้า, การ์เดียน - ศิลา
ผมเรียกทุกคนที่เลือกมานั่งรวมกันจากนั้นผมจึงเริ่มเล่าแผนการทั้งหมดให้ทั้ง 4 คนได้ทราบอย่างละเอียด เพราะอยากให้แผนการครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปโดยดี และไม่ลืมที่จะทำตัวใจป๋ามอบโพชั่นเสริมพลังนาๆชนิดที่มันจะสามารถช่วยให้พวกเราตีธงได้อย่างสบาย
ทันทีที่สงครามเริ่มขึ้น พวกเราทั้ง 5 คนที่เตรียมตัวเอาไว้อยู่แล้วจึงรีบออกเดินทางเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายให้เร็วที่สุด ด้วยวิธีการเดินทางไปตามขอบแมพพิเศษนี้ไปเรื่อยๆเพื่อหลีกเลี่ยงการต่อสู้ที่ไม่จำเป็นเพื่อย่นระยะเวลา และไปถึงแท่นธงก่อนที่ศัตรูจะรู้ตัว โดยไม่ลืมที่จะใช้โพชั่นเสริมพิเศษที่สามารถลบตัวตนออกได้ในระยะเวลาที่กำหนด หรือก็คือขวดยาล่องหนนั่นเอง
ทันทีที่มาถึงจุดหมายปลายทางพวกเรารีบเคลียร์พื้นที่รอบๆโดยมีผมเป็นตัวดาเมจหลัก ส่วนที่เหลือมีหน้าที่อย่างเดียวคือการสนับสนุนอยู่ตลอดเวลา และมันก็เป็นอย่างที่ผมคาดการณ์เอาไว้ว่ากองกำลังที่คุ้มกันแท่นธงนั้นไม่ได้หนาแน่นมากนัก มีเพียงพวกแนวหลังถึงกลางๆของกิลด์ทั้งนั้น นับว่าพวกมันประมาทกว่าที่ผมคิดไปมากเลย ผมรีบสังหารผู้เล่นเหล่านั้นให้กลายเป็นแสงหายไปโดยที่พวกมันยังไม่ทันได้รู้ตัวแม้แต่น้อย
“เริ่มกันเลย....!” ผมพูดพร้อมก้าวไปยืนหน้าแท่นธงของศัตรู ผู้เล่นอีก 4 คนที่เหลือต่างกระจายไปประจำตำแหน่งของตัวเองอยู่รอบตัวแท่นธงเช่นเดียวกัน และเริ่มทำหน้าที่ของตัวเองตามแผนการณ์ที่วางเอาไว้
เริ่มด้วยนักเวทย์สาวเบลบลีก้าเริ่มร่ายสกิลออกมา พายุลูกเห็บขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นทั่วทั้งลานรอบๆตัวแท่นธงบดบังการมองเห็นของศัตรูได้เป็นอย่างดี แต่มันใช้ไม่ได้ผลกับพวกเดียวกัน ‘Hail Storm’ เป็นเวทย์อาณาเขตถูกใช้เพื่อถ่วงเวลาของศัตรู คนในห้ามออกคนนอกห้ามเข้า อีกทั้งยังสุ่มติดค่าสถานะอีกด้วย แต่มีระยะเวลาคงอยู่เพียงแค่ 2 นาที
ทางด้านของซาลอน อาชีพนักดาบเวทย์ประจำทีมก็เริ่มร่าทักษะสนับสนุนเช่นกัน เขาเดินเข้าไปใกล้กับแท่นธงของศัตรูพร้อมกับยกมือของตัวเองขึ้น และเริ่มร่ายดีบัพใส่มันทันที
ทลายเกราะ
ลดอัตราการหลับหลีกลง 10%
ลดอัตราการป้องกันลง 10%
ศิลปะแห่งคำสาป
เพิ่มเปอร์เซ็นการติดค่าสถานะขึ้น 20%
ได้รับความเสียหายเพิ่มขึ้น 10 %
ลดอัตราการบล๊อคการโจมตีลง 10%
เมื่อทำการร่ายสกิลเสร็จแล้ว ซาลอนก็รีบถีบตัวเองถอยออกมาเพื่อคอยคุ้มกันทีมจากศัตรูภายในที่กำลังจะลืมตาเกิดออกมาในไม่ช้านี้ และทางด้านของเหมยนักบวชสาวเริ่มร่ายสกิลเช่นกัน เธอกำลังทำการร่ายบัพใส่ทุกคนในทีม
ฟื้นฟูสมบูรณ์
ฟื้นฟู HP/MP 2% ต่อวินาที
ฟื้นฟูค่าความเหนื่อยล้า 2% ต่อวินาที
เพิ่มอัตราการต้านสถานะผิดปกติ 50%
Force Increase
เพิ่มพลังโจมตีทุกธาตุ 20%
เพิ่มอัตราโจมตีเข้าจุดอ่อน 20%
เพิ่มโอกาสโจมตีโดยไม่สนพลังป้องกัน 20%
ทางด้านของศิลาการ์เดียนประจำกลุ่มเองก็ได้ร่ายบัพเสริมที่สามารเพิ่มอัตราการหลบหลีกในอัตราที่สูงมากให้คนในปาร์ตี้เข้าเสริมอีกแรงหนึ่ง เขารับหน้าที่คุ้มกันทีมนี้ และคอยรับดาเมจจากผู้เล่นที่เกิดใหม่ออกมา รวมถึงผู้เล่นภายนอกที่กำลังจะเข้ามาแทรกแซงในไม่ช้า
เมื่อพวกเขาร่ายสกิลเตรียมพร้อมกันเสร็จ ผมส่งสัญญาณให้ทุกคนนำยาเสริมพลังที่ให้ไว้ก่อนหน้านี้มาดื่มทันที ยาที่ผมให้ไปเป็นโพชั่นเสริมพลังระดับสูงหลายชนิด มีทั้งแบบเพิ่มพลังโจมตี เพิ่มพลังป้องกัน เพิ่มค่าสเตตัสชั่วคราว เพิ่มอัตรากันสถานะผิดปกติ และอื่นๆอีกมากมายที่เอาไว้ใช้ตามสถานการณ์ต่างๆที่เปลี่ยนไป ก่อนจะร่ายบัพเสริมเพิ่มให้คนในปาร์ตี้อีกทักษะหนึ่ง และทำการแปลงร่างเพื่อโจมตีธงของศัตรูทันที
ทะลวงขีดความสามารถ
เพิ่มค่าสเตตัสทุกอย่าง 20% เป็นระยะเวลา 3 นาที
Battle Mode ON...............
ทักษะของผมถูกเรียกใช้ขึ้นพลันปรากฏเปลวเพลิงเกิดขึ้นรอบตัว มันค่อยๆรวมตัวกันเป็นเกราะโปร่งแสงสีแดงอ่อนๆ จากนั้นมันค่อยๆกลายเป็นเกราะส่วนต่างๆ มีผ้าคลุมเป็นเปลวเพลิงอยู่ด้านหลัง ทั่วทั้งตัวมีเพลิงสีแดงอ่อนๆลุกท่วมตลอดเวลา คันธนูพลันขยายใหญ่ขึ้นเล็กน้อย ร่างกายเองก็เริ่มรู้สึกถึงพลังที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม
ทันทีที่ผมแปลงร่างเสร็จจึงไม่รอช้ารีบระดมการโจมตีแท่นธงแบบไม่ยั้งมือเนื่องจากเวลาที่มีนั้นมีอยู่อย่างจำกัด ต้องรีบทำลายแท่นธงก่อนระยะของ Battle Mode จะหมดลง หรือพวกผู้เล่นระดับสูงของศัตรูจะรู้ตัวกัน และมาถึงที่นี่ก่อนที่ธงจะพังลง
ศิลา กับซาลอน กำลังช่วยกันรับมือพวกที่กำลังเกิดใหม่ขึ้นมา ชายทั้งสองเข้าปะทะกับศัตรูโดยไม่ให้พวกมันได้ทันตั้งตัวได้เลย พวกมันเสียเปรียบอย่างหนักทั้งโดนดีบัพต่างๆจากเวทย์อาณาเขตของเบลบลีก้า ทั้งโดนผมยิงสกิลใส่เป็นระยะๆสลับกับการโจมตีแท่นธง เรียกได้ว่าเกิดปุ๊บ ตายปั๊ม โดยไม่ทันเห็นว่าอะไรเป็นอะไร
พลังชีวิตของแท่นธงลดลงไปเกือบถึงครึ่งในเวลาเพียงแค่หนึ่งนาทีเท่านั้น สถานการณ์ในตอนนี้ถือว่าไปได้สวยเลยทีเดียว แต่ตอนนี้ศัตรูก็เริ่มรู้ตัวกันแล้ว และเริ่มส่งผู้เล่นกลับมาป้องกันธงมากขึ้น แต่โชคดีที่ผู้เล่นระดับสูงยังเดินทางมาไม่ถึงแท่นธงเลยซักคน
หมอกมายา
ซาลอนร่ายสกิลอาณาเขตขึ้นมาเพราะเห็นว่าศัตรูเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆจนยากที่จะรับมือไหวแล้ว สายหมอกสีเทาเข้าคุ่อยๆขยายการปกคลุมไปทั่วพื้นที่ มันคอยสร้างภาพมายาต่างๆให้ศัตรูได้สับสน เขารีบอาศัยจังหวะนี้ประชิดวงใน และปิดชีพศัตรูที่ติดพลันอยู่กับภาพหลอนนี้จนตายกลายเป็นแสงไปทีละคน
ในตอนนี้แท่นธงจวนใกล้จะแตกแล้ว แต่กว่า Battle Mode ของผมก็ใกล้จะหมดเวลาแล้วเช่นกัน หากผมสามารถทำสำเร็จก่อนที่พวกระดับสูงจะมาถึง ชัยชนะของพวกเราก็จะมีมากกว่าครึ่งอย่างแน่นอน เพราะการสูญเสียจุดเกิดไปจะทำให้ระยะเวลาการรอเกิดนานมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า มันจะช่วยสร้างความได้เปรียบอย่างมาก เพราะช่วงที่พวกศัตรูรอเกิดกันอยู่นั้น เวลานั้นเองพวกเราก็จะไล่เก็บแต้มกับพวกหุ่นการ์เดียนไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็จะเป็นฝ่ายที่ชนะสงครามไปในที่สุดนั่นเอง
*เมื่อสุญเสียจุดเกิดหลักไปแล้วนั้น ทางระบบจะกำหนดให้ไปเกิดยังหุ่นการ์เดียนของฝ่ายตัวเองที่ทำการยึดเอาไว้ได้*
ตู้มมม..!!!
เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นเมื่อแท่นธงของกิลด์อัสนีบาตถูกตีจนแตกลงได้ ในตอนนี้ธงของพวกมันถูกแทนที่ด้วยธงของกิลด์อินทรีย์ถลาลมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เสียงของระบบดังขึ้นแจ้งเตือนในหัวของผู้เล่นทั้งสองกิลด์ ฝ่ายหนึ่งดีใจที่ยึดแท่นธงมาเป็นของตัวเองได้ อีกฝ่ายกลับต้องเสียใจที่เสียแท่นธงไป รวมถึงจุดเกิดของพวกเขาเอง กำลังใจของผู้เล่นกิลด์อัสนีบาตดิ่งลงเหวทันที เป็นเพราะความประมาทของพวกเขาเองที่ติดว่าตัวเองเหนือกว่าจนลืมสิ่งสำคัญบางอย่างไป
แคนซัสหัวหน้ากิลด์อัสนีบาตเมื่อทราบข่าวว่าธงของตัวเองถูกทำลายลงแล้ว ก็รีบวิ่งสุดกำลังเพื่อกลับไปยังจุดที่ธงของฝั่งตัวเองอยู่ทันที แต่กว่าเขาจะมาถึงอะไรๆมันสายไปเสียแล้ว
เพราะทันทีที่เขามาถึงด้วยท่าทางหอบแรง แท่นธงกลับสลายหายไปต่อหน้าต่อหน้า และถูกแทนที่ด้วยกิลด์ของศัตรูที่เขาคิดว่าจะสามารถชนะได้ง่ายๆ แต่ตอนนี้กลับไม่เป็นแบบนั้น แคนซัสกำมัดของตัวเองไว้แน่นพร้อมกับเส้นเลือดที่ขึ้นปูดเต็มใบหน้า สายตาพลันมองไปรอบๆเพื่อหาตัวการที่ทำให้ธงของเขาเป็นแบบนี้ และในที่สุดเขาก็พบแล้ว
ตัวผมที่พึ่งออกจาก Battle Mode ได้เรียกร่วมสมาชิกทีมให้มารวมตัวกันอยู่หน้าแท่นธงที่พึ่งตียึดมาได้เพื่อเตรียมพร้อมคุ้มกันแท่นธงไม่ให้ถูกยึดคืนกลับไป แต่คงเป็นเรื่องที่ยากเอาการเพราะตอนนี้พวกเรากำลังถูกล้อมด้วยผู้เล่นระดับแนวหน้าของศัตรูจำนวนไม่น้อย
แต่ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะหากผมสามารถล่อให้พวกระดับสูงกลับมายึดธงคืนได้แล้วล่ะก็ พวกมันก็จะเหลือผู้เล่นไม่มากที่กลับไปยึดหุ่นการ์เดียนเพื่อเอาคะแนน จึงเป็นโอกาสให้พวกของธีระได้จัดการอะไรต่างๆง่ายขึ้น
“เป็นแกสินะ ผู้เล่นลึกลับที่ว่านั่น ใช้ได้นี่ที่ทำฉันหัวปั่นได้ถึงขนาดนี้ แต่คงมาได้เท่านี้แหละ เพราะพวกแกจะต้องถูกขยี้ตรงนี้ แล้วพ่ายแพ้ไปซะ!” แคนซัสก้าวออกมาข้างหน้าอย่างไม่เกรงกลัวแล้วชี้นิ้วมาที่ผมพร้อมท่าทีที่ไม่ค่อยสบอารมณ์มากนัก จิตสังหารถูกปล่อยออกมาจากผู้เล่นคลาส 8 ผู้ซึ่งมีศักดิ์เป็นถึงหัวหน้ากิลด์ขนาดกลาง แคนซัสปล่อยจิตสังหารขั้นรุนแรงจนผู้เล่นรอบๆที่มีระดับต่ำกว่าเขาได้รับผลกระทบอย่างหนัก แต่มีหรือที่ผมจะยอมโดนอยู่ฝ่ายเดียว ผมจัดการปล่อยจิตสังหารที่มีระดับทัดเทียม หรือมากกว่าหน่อยๆเข้าปะทะเพื่อหักล้างมันออกไป และมันก็ดูเหมือนว่าจะได้ผล
“แกคิดว่าทำได้งั้นหรอ? ถึงขั้นยกขโยงกันมามากขนาดนี้เพื่อมายึดธงคืนเนี่ย กลัวแพ้ล่ะซี๊.....” ผมยิ้มพร้อมกับพูดจาเยาะเย้ยแคนซัสไปทีหนึ่ง แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะโกรธสุดๆไปเลยล่ะ
“ว่าไงนะ! ไอ่พวกสวะ พวกแกต้องไม่ตายดีแน่! จงตายกลายเป็นแสงหายไป และแพ้ไปซะ!” ตอนนี้แคนซัสเดือดจนถึงขีดสุดแล้ว และเขาพร้อมที่จะปลดปล่อยพลังของตัวเองเพื่อทำลายศัตรูตรงหน้าให้กลายเป็นเถ้าถ่านเช่นเดียวกัน
Battle Mode ON.....
“เวรละ โดนเปิดสวนเฉย....!”