ตอนที่31 XXIX   1/    
已经是第一章了
ตอนที่31 XXIX
ฟิ้ว...ฉึก..ฉึก..ฉึก..!! ณ ลานหอคอยผู้พิชิตชั้นที่ 1 เกิดเสียงการต่อสู้ดังขึ้นถี่ยิบพร้อมกับคิงคองไฟที่แสนจะบ้าคลั่งกำลังถูกลูกธนูเจาะเกราะยิงทะลุตัวไปอย่างง่ายดายตามประสามอนสเอตร์ตัวประกอบ ตัวแล้วตัวเล่าที่ล้มลง และกลายเป็นแสงหายไปด้วยความรุนแรงของลูกศรอันนี้ ในเวลานี้ทั้งห้องโถงชั้นที่หนึ่งเหลือคิงคองไฟจำนวนไม่มากแล้วจากจำนวนนับร้อยตัว พวกมันค่อนข้างจัดการง่ายกว่าที่คิด จริงอยู่ที่พวกมันมีพละกำลังที่มากกว่าระดับของตัวเอง อีกทั้งยังมีความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่มากเป็นพิเศษ แต่ทว่าสิ่งที่พวกมันมีก็ไม่น้อยกว่าผมอยู่ดี Gravity Distortion เกิดหลุมดำขนาดเท่าลูกบอลขึ้นตรงกลางห้องพร้อมกับแรงดึงดูดมหาศาลที่พร้อมจะดึงทุกอย่างเข้าไปข้างในหลุมดำนั้น คิงคองไฟถูกแรงดึงดูดจากทักษะให้ไหลมารวมกันอยู่ตรงกลางห้องโถงแม้ว่าพวกมันจะพยายามต่อสู้จัดขืน แต่ยังไงซะพวกมันไม่สามารถต่อต้านต่อแรงดึงดูดของทักษะนี้ได้ และท้ายที่สุดพวกมันก็ตัดสินใจยอมแพ้จนค่อยๆถูกกลืนหายไปในหลุมดำนั้นอย่างช้าๆจนหมดสิ้นไป ทันทีที่มอนสเตอร์หายไปนั้น ตรงผนังเพดานของห้องโถงปรากฏบันไดทอดยาวลงมาคาดว่าคงเป็นทางขึ้นไปสู่ชั้นที่ 2 แน่นอน ผมเห็นดังนั้นพลางตรวจสอบรอบๆให้แน่ใจว่าไม่ได้พลาดอะไรไปก่อนจะค่อยๆเดินขึ้นไปข้างบนอย่างระมัดระวัง เมื่อมาถึง ทางขึ้นก็ถูกปิดตายทันทีพร้อมกับเสียงระบบแจ้งเตือนที่ดังขึ้น กระทิงเขาเดียว ธาตุ ดิน คลาส 6 ระดับ 605 ปรากฏตัวค่ะ หอยคอยผู้พิชิตในชั้นที่ 2 ปรากฏกระทิงเขาเดียวขึ้นมา มันมีรูปร่างคล้ายกระทิงทั่วไปแต่ตัวของมันใหญ่กว่าปกติประมาณสองถึงสามเท่าได้ กล้ามเนื้อทั่วตัวเป็นมัดๆดูแข็งแรงบึกบึน พร้อมกับเขาของมันตรงกลางหน้าผากที่ดูแข็งแรง และแหลมคม ดูเป็นอาวุธที่อันตรายเป็นอย่างมาก ผมยืนมองพวกมันซักพักที่ตอนนี้กำลังค่อยๆปรากฏตัวขึ้นอยู่เต็มห้องโถงก่อนจะกระชับอาวุธในมือไว้แน่น และพุ่งเข้าใส่พวกมันอย่างไม่เกรงกลัวทันที จนลืมไปแล้วว่าผมเป็นอาชีพโจมตีระยะไกล Wind Arrow ศรสายลมถูกยิงออกไป มันหมุนเป็นเกลียวพุ่งเข้าใส่กระทิงเขาเดียวตัวหนึ่ง ความรุนแรงของมันส่งผลให้เจ้าตัวนั้นต้องกระเด็นถอยหลังออกไปจนไปชนเข้ากับพวกของมันอีกทีแล้วก็พากันล้มระเนระนาดไป ผมใช้หัวของกระทิงเขาเดียวตัวหนึ่งเป็นที่เหยียบเพื่อส่งตัวเองให้ลอยขึ้นไปอยู่เหนือหัวของพวกมัน แล้วจัดการระดมการโจมตีใส่ทันที ฉึก ฉึก ฉึก เหล่ากระทิงเขาเดียวข้างล่างโดนผมยิงนับสิบครั้งด้วยสกิลเดิมจนพวกมันต้องร้องอย่างโอดโอย ค่าความเสียหายเด้งขึ้นอย่างต่อเนื่องพร้อมกับพวกมอนสเตอร์ที่ค่อยๆทยอยกลายเป็นแสงหายไปทีละตัว ใช้เวลาเพียงไม่นานทั้งห้องโถงก็กลับมาโล่งอีกครั้งเมื่อเหล่ากระทิงเขาเดียวถูกจัดการไปจนหมดสิ้น หนทางขึ้นไปสู่ชั้นที่สามเปิดออกอีกครั้งพร้อมกับบันไดยาวถูกทอดลงมาให้ผมก้าวเดินขึ้นไป เมื่อมาถึงชั้นที่สามเหล่ามอนสเตอร์ก็ปรากฏขึ้นมาดังเดิม ผมจัดการพวกมันอย่างไม่ยากเย็นนักเช่นเดิม ชั้นที่สามผ่านไป ชั้นที่สี่ ชั้นที่ห้า ค่อยๆผ่านไป ผมจัดการพวกมัน และผ่านแต่ละชั้นขึ้นมาเรื่อยๆ จนในที่สุดผมก็มาถึงยังหอคอยชั้นที่สิบ ซึ่งเป็นชั้นของบอส และเป็นจุดเซฟแรกของหอคอยนี้ บอส อัศวินรัตติกาล ธาตุ มืด คลาส 6 ระดับ 649 ปรากฏตัวค่ะ ตรงหน้าของผมในตอนนี้ปรากฏอัศวินรูปร่างสูงใหญ่สมกับชายชาตรี เขาสวมเกราะที่ดูแข็งแรง และทรงพลังดูน่าเกรงขามยิ่ง ดาบสองคมในมือยาวกว่าเมตรครึ่ง มันพร้อมที่จะสบั้นศัตรูตรงหน้าไม่ให้เหลือชิ้นดี อัศวินรัตติกาลพุ่งเข้าหาเป้าหมายของมันด้วยความรวดเร็วพร้อมกับดาบในมือที่ถูกร่ายรำอย่างพริ้วไหว ดุดัน อันตราย มันฟันดาบใส่ศัตรูของมันแบบไม่มีหยุดพัก และต่อเนื่องเป็นเวลานาน แต่กระนั้นมันก็ตกประหลาดใจเมื่อผมสามารถหลบคมดาบที่พุ่งเข้าหาด้วยความเร็วที่เหนือกว่าได้ เพลงดาบของมันไม่สามารถทำอันตรายแก่ผมได้เลย แม้แต่รอยขีดข่วนก็ไม่มีให้เห็น ผมใช้ Sonic หลบหลีกคมดาบเหล่านั้นไปโผล่ที่ด้านหลังของมันแทน จากนั้นคันธนูถูกยกขึ้นมาเล็งใส่แผ่นหลังอันทรงสง่าของมันจนหน้าทิ่มไปทีหนึ่งฉึก! ฉึก! ศรเจาะเกราะพุ่งทะลุผ่านลำตัวของมันไป คาดว่าคงโดนดาเมจไปไม่น้อยเลย แต่มันกลับไร้ซึ่งเสียงร้องของความเจ็บปวดดังออกมาจากปากของมัน อัศวินรัตติกาลที่ตั้งตัวได้แล้วมันรีบหันหลังวาดดาบสวนกลับไปยังศัตรูของมัน แต่ผมที่ยกคันธนูป้องกันไว้รออยู่แล้วจึงไม่วิตกกังวลแต่อย่างใด เกร๊ง!! ดาบ และคันธนูกระทบกันเกิดเป็นสะเก็ดไฟกระจายออกมา อัศวินรัตติกาลตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าเนื่องจากโดนแรงปะทะที่เหนือกว่าตน อีกทั้งยังโดนจิตสังหารที่ผมปล่อยออกมาข่มขวัญของมันอีก อัศวินรัตติกาลคุกเข่าลงกับพื้นทันที ถึงแม้ว่ามันจะเป็นถึงอัศวินที่หาญกล้า ผู้ไม่เคยหวั่นเกรงศัตรูไม่ว่าจะหน้าไหนๆ แต่ตอนนี้มันต้องยอมจำนนแต่โดยดี เพราะเพียงแค่จิตสังหารของศัตรูตรงหน้าก็ทำให้มันหวาดกลัวจนถึงขีดสุดแล้ว ในตอนนี้มันไม่มีหนทางเอาชนะผมได้อีกแล้ว ผมเห็นดังนั้นจึงไม่รอช้ายกคันธนูขึ้นจ่อไปที่ศีรษะของอัศวินรัตติกาลทันที แผละ! ศรเจาะเกราะพุ่งผ่านระเบิดหัวของมันแหลกเป็นจุน อัศวินรัตติกาลสิ้นใจตาย และกลายเป็นแสงหายไปทันที เสียงของระบบดังขึ้นในหัวของผมเพื่อแจ้งเตือนถึงการตายของบอส อีกทั้งยังมีปุ่มเด้งขึ้นมาถามว่าต้องการที่จะเซฟจุดเกิดหรือไม่ ผมตอบกดตกลงเซฟจุดเกิดไปแบบไม่คิดอะไรมากก่อนที่จะเปิดหน้าต่างของระบบขึ้นมาดูความเคลื่อนไหวของตัวเอง เมื่อเปิดหน้าต่างของระบบขึ้นมาเพื่อดูระดับของตัวเอง และพบว่ามันเพิ่มขึ้นมาเพียงแค่ 1 ถึง 2 ระดับเพียงเท่านั้น ถึงแม้จะมีโพชั่นบูท EXP เข้ามาช่วยเสริมก็ตามที แต่ดูเหมือนจะช่วยได้ไม่มากเท่าที่ควร หรือก็คงเป็นเพราะพวกมอนสเตอร์ชั้นล่างๆระดับมันคงจะต่ำเกินไป “ระดับมันขึ้นยากจริงๆงั้นสินะ ถึงว่าทำไมไม่มีใครทะยานขึ้นไปสู่คลาส 10 ได้เลยซักคน” ผมพลันครุ่นคิดบางอย่างเพราะนี่ก็ผ่านไปเกือบสองชั่วโมงแล้วตั้งแต่เข้ามาที่นี่ ผมรู้สึกว่าทำอะไรได้ช้าเหลือเกิน และกลัวจะเสียเวลากับที่นี่มากจนเกินไป ผมจึงเริ่มทำการเปลี่ยนชุดเซตทันที เกราะอ่อนสีแดงเพลิง ระดับ SSS ที่มีลวดลายสวยงามและน่าเกรงขามถูกเรียกออกมาใช้ อาวุธในมือพลันเปลี่ยนเป็นคันธนูระดับ L มันเป็นสีแดงลวดลายสวยงาม เส้นผ่านศูนย์กลางเกือบ 2 เมตร และมีเปลวเพลิงสีแดงอ่อนๆลุกขึ้นท่วมคันธนูอยู่ตลอด ฉายาแห่งราชันย์ถูกเรียกใช้อีกครั้งหนึ่ง พลันเกิดออร่าที่ให้ความรู้สึกถึงความแข็งแกร่งแผ่ออกมารอบตัวพร้อมกับตัวผมเองที่เดินขึ้นไปสู่ชั้นต่อไปด้วยความรู้สึกที่ไร้ความหวาดกลัวดังเดิม “คงต้องเร่งเครื่องกันซักหน่อยแล้วสิ......” . . . . ณ ห้องประชุมของกิลด์แห่งหนึ่งในเมืองหลวงอาณาจักรสายฟ้า บรรยากาศภายในห้องประชุมทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่ตกแต่งอย่างหรูหรา แต่ตอนนี้มันกลับเต็มไปด้วยความตรึงเครียด ภายในห้องแห่งนี้มากไปด้วยผู้เล่นระดับสูง คลาส 8 คลาส 9 นับสิบคน ตรงหัวโต๊ะมีชายรูปร่างสูงใหญ่หน้าคมดูดีคล้ายกับชาวตะวันตก เขาอยู่ในชุดสบายๆสีขาว สวมเสื้อยืดอยู่ภายในมีเสื้อเชิ้ตใส่ทับไปอีกชั้นหนึ่ง แน่นอนว่าเขาเป็นชายที่ใครๆต่างก็เกรงกลัว และเคารพนับถือเป็นเวลาเดียวกัน คือชายที่อยู่บนจุดสูงสุดของอาณาจักรสายฟ้าแห่งนี้ ซึ่งเขาก็คือ แวนกัส 1 ใน 9 ราชันย์ (สายฟ้า) นั่นเอง “ตามที่ทุกคนทราบกันดีว่าเร็วๆนี้จะเกิดสงครามชิงตำแหน่งราชันย์แห่งน้ำแข็ง และนี่ก็เป็นสิ่งที่เราต้องคิดในวันนี้ว่าจะเข้าพวกกับฝั่งไหน หรือจะอยู่เงียบๆอย่างเป็นกลางดังเดิม แต่ทางของฝั่งราชันย์น้ำแข็งไม่ได้ขอความช่วยเหลือใดๆมาทางเราเลย กลับกันทางฝั่งของผู้ท้าชิงได้ให้ข้อเสนอที่น่าสนใจเป็นอย่างมากหากเราร่วมมือกับฝั่งนี้ ขอให้ทุกท่านพิจารณาด้วย” ผู้เล่นท่าทางมีอายุคนหนึ่งกล่าวขึ้นมา ทั่วทั้งห้องพลันครุ่นคิดกันซักพักก่อนจะมีผู้เล่นคนหนึ่งพูดต่อ “ราชันย์น้ำแข็ง ลีออน ซึ่งเป็นราชันย์รุ่นแรก ผมว่าเขาก็อยู่มานานมากพอแล้ว คงจะถึงเวลาต้องผลัดเปลี่ยนคนรุ่นใหม่เข้ามาเสียที แล้วเราก็ไม่ได้มีผลประโยชน์ได้เสียอะไรกับเขามาตั้งนานแล้วด้วย ดังนั้นผมว่าการเข้าร่วมกับทางฝั่งผู้ท้าชิงจะทำให้เราได้อะไรกลับมามากกว่าครับ...” ทันทีที่เขาพูดจบ ผู้เล่นสาวคนหนึ่งก็ลุกขึ้นพูดต่อเช่นกัน “แต่ดิฉันว่า ราชันย์น้ำแข็งเป็นผู้ทรงอิทธิพลมากกว่านะคะ หากเราเป็นฝ่ายเสนอความช่วยเหลือให้เขา ดิฉันมั่นใจว่าผลตอบแทนที่ได้กลับมาย่อมคุ้มค่าแน่นอน ผิดกลับฝั่งผู้ท้าชิงที่เป็นเพียงกลุ่มผู้เล่นประเภทซ่อนฝีมือ ทำให้เราไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับพวกเขามากนัก และแม้จะมีหนึ่งในราชันย์คอยสนับสนุนอยู่ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงมากที่จะเป็นฝ่ายแพ้สงครามค่ะ!” ห้องประชุมตอนนี้แบ่งเป็นสองฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด แต่ละฝ่ายเริ่มถกเถียงกัน และยกประเด็นต่างๆขึ้นมาเพื่อโน้มน้าวให้อีกฝั่งคล้อยตาม ความรุนแรงของการประชุมเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจนเกิดปากเสียงกันเป็นครั้งคราว แต่ผิดกับ แวนกัส ที่ทำหน้าตาไม่สนโลกแม้คนในห้องประชุมจะปะทะคารมกันเสียงดังแค่ไหนก็ตามที เดิมทีเขาเป็นคนไม่สนเรื่องผลประโยชน์อะไรอยู่แล้ว เขาเป็นเพียงผู้เล่นคนหนึ่งที่ชื่นชอบการเล่นเกม และการต่อสู้ในโลกเสมือนแห่งนี้เท่านั้นเอง ที่ได้ตำแหน่งราชันย์มาก็เพราะด้วยเหตุผลบางอย่างก็เท่านั้น จู่ๆแวนกัสก็ลุกจากที่นั่งของตัวเอง พร้อมกับเดินผ่านคนในห้องประชุมออกไปอย่างไม่สนใจใคร จนผู้เล่นคนหนึ่งสังเกตเห็นจึงทักถามเขา “เอ่อ คือ หัวหน้าจะไปไหนครับ? เรายังหาข้อสรุปไม่ได้เลย การประชุมยังไม่จบเลยนะครับ...” \"ใช่ครับ ถ้าหัวหน้าทิ้งการประชุมไปแบบนี้ แล้วใครจะเป็นคนตัดสินใจเรื่องพวกนี้ล่ะครับ!?\" “พวกนายไม่จบ แต่ฉันจบแล้ว เถียงกันให้พอ แล้วเอาข้อสรุปมาบอกฉันด้วย! ฉันจะเป็นคนตัดสินใจอีกที..!” แวนกัสไม่สนใจอะไรอีก เขาเดินออกห้องประชุมของกิดล์ไปพร้อมกับท่าทีที่เบื่อหน่าย และมุ่งหน้าไปยังที่ใดซักที่หนึ่งตามสัญชาตญาณของตัวเอง วันนี้ทั้งวันไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุผลใดที่ทำให้แวนกัสกระวนกระวายแปลกๆ เขามีความรู้สึกว่าวันนี้กำลังจะมีเรื่องเข้ามาหาเขา และแน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆจนสามารถสั่นคลอนตำแหน่งราชันย์ของเขาได้ บางอย่างที่จะมาเติมเต็มจิตวิญญาณแห่งนักสู้ในตัวเขาที่ว่างเปล่ามาเป็นเวลานานแสนนาน เดิมทีเขานึกว่าจะเกี่ยวกับการประชุมครั้งนี้ในเรื่องของศึกชิงตำแหน่งราชันย์ที่ใกล้จะมาถึง แต่แล้วมันกลับไม่ใช่เลย เมื่อเห็นว่าการประชุมนี้มันคือเรื่องไร้สาระก็เท่านั้น แวนกัสก็เลือกที่จะไม่สนใจมันอีกต่อไป แต่ราวกับมีอะไรบางอย่างฉุดลากให้เขาต้องออกไปข้างนอกให้ได้เพื่อที่จะได้เจอกับบางอย่างที่เขาไม่คาดฝัน และเขาก็ทำตามสัญชาตญาณของตัวเองคือการทิ้งการประชุม และออกไปข้างนอกกิลด์เพื่อเดินไปตามตรอกซอกซอยไปเรื่อยโดยหวังว่าเขาจะคิดถูกที่เลือกทำตัวแบบนี้ “หวังว่าสัญชาตญาณคงจะถูกนะ....”
已经是最新一章了
加载中