CHAPTER 10 ขู่
บางขณะก็รู้สึกว่าเซธอ่อนโยน
ฉันยอมให้เขาดึงมือ แล้วโดยมีเซธพยุงอย่างนั้นเราสองคนเสก็ตข้างกันไป
แต่เมื่อกี้พูดอะไร ขู่แบบผู้ชายเหรอ คงแค่หงุดหงิดก็เลยขู่ไปเรื่อยเปื่อย
วืด...เสก็ตสองคู่ของเราเคลื่อนไป
เมื่อไถลเร็วขึ้นหากมีเซธข้างๆ ฉันมั่นใจว่าฉันไปไกลได้
ไปได้ไกลเท่าที่เซธยังอยู่ด้วยแบบนี้
“อย่าเร็ว เร็วไปแล้ว” ฉันเอะใจเมื่อสปีดเพิ่มขึ้น
“ไปเร็วง่ายกว่า”
“ไม่มีทาง” ฉันเริ่มเกร็ง เหมือนเซธพาฉันทะยานไปด้วยความเร็วราวสายลม “หยุด! บอกให้หยุดไง!”
ตึง!
แต่รู้ตัวอีกทีการหยุดที่ไม่พร้อมกันก็ทำให้เราชนกันเองและล้มลง ฉันล้มหงายและเซธคร่อมร่างฉันอยู่ หน้าเราอยู่ใกล้กันจนลมหายใจอุ่นร้อนของเซธรินรดผิวแก้มฉัน
ดวงตาเขาสีอ่อนลงเมื่อดูใกล้ๆ มันทำให้ฉันรู้สึกแปลกเหมือนได้รู้จักเซธอีกคนหนึ่ง คงเพราะใบหน้าเราใกล้กันมากไป ใกล้จนละไอร้อนจากร่างสูงแทรกเข้ามาในร่างฉัน
ไม่เคยรู้ว่าร่างกายผู้ชายคนหนึ่งร้อนขนาดนี้ แต่ก่อนก็เคยอยู่ใกล้ๆ กัน แต่ไม่สังเกต และใบหน้าของเซธคมคายมาก ดูดีจนฉันนึกหงุดหงิด
หายใจไม่ถนัดเวลามองใกล้ๆ แบบนี้ ไม่รู้ทำไม และเซธก็ยังจ้องฉันอยู่อย่างนั้นด้วย
ได้กลิ่นแบบผู้ชาย
ในที่สุดเซธผละออก
“นายเลิกสูบบุหรี่แล้ว?” ฉันถามห้วน เมื่อครู่ฉันไม่ได้กลิ่นบุหรี่เลย ทั้งที่เขาสูบวันละหลายมวน
“ก็มีคนบอกให้เลิก”
“เลยเลิกแล้ว?”
“ไม่ดีรึไง”
ฉันนิ่งอึ้ง เซธเลิกสูบบุหรี่แล้ว?
หลังจากซ้อมเสก็ตจนค่ำเรากลับบ้าน ขาเหมือนจะฉีกเป็นชิ้นๆ เมื่อยมาก เจ็บข้อเท้าที่ล้มด้วย
“ไปทำอะไรมาเดินแปลกๆ” เพื่อนๆ ที่บ้านทัก
“เดี๋ยวก็หาย” ฉันตอบอย่างไม่ใส่ใจ ตรงเข้าห้อง อาบน้ำ ใส่เสื้อยืดตัวโคร่งและยีนส์สั้นขาดๆ ซึ่งเป็นชุดนอนประจำตัว ก่อนทิ้งร่างลงบนเก้าอี้ยาวในห้องนอน
ปวดข้อเท้าจนแทบขยับตัวไม่ไหว
ประตูเปิดออก
“เซธ?” ฉันเงยมองคนตัวสูงที่เหมือนเพิ่งอาบน้ำเสร็จเหมือนกันก็เลยมาหา
“เจ็บข้อเท้า?”
“อือ”
ทำไมฉันต้องตอบเขาด้วยก็ไม่รู้เหมือนกัน ทั้งที่ไม่ค่อยชอบให้ใครเห็นว่าตัวเองเจ็บ ป่วย หรืออ่อนแอ
“จะพันผ้าให้” เขาบอก
ฉันเพิ่งเห็นผ้าในมือของเขา
“ไม่ต้อง” ฉันพูดดีๆ ถึงจะห้วน
แต่มือใหญ่จบไหล่ฉันและกดร่างฉันลงนอนหงาย
“กับฉันไม่ต้องหยิ่ง” เขาบอก “เพื่อนกันต้องบอกกันได้”
มือใหญ่เคลื่อนจับขาฉันและยกขึ้น มือที่ใหญ่กว่าข้อเท้าของฉัน “เจ็บก็บอกว่าเจ็บ”
“อื้อ” ฉันกัดปากครางเมื่อมือใหญ่บีบข้อเท้าฉันแม้เพียงแผ่วเบา
“เจ็บไหม?”
“...”
“เจ็บก็บอก”
“เจ็บ”
แต่มันเหมือนแสดงความอ่อนแอให้เพื่อนเห็นเมื่อบอกแบบนั้น
ทว่าเซธจ้องตาฉัน “กับฉันเธอแสดงความอ่อนแอได้”
ฉันนิ่งอึ้ง จ้องมองดวงตาที่มองฉันอยู่เช่นกัน
แล้วริมฝีปากเรียบนิ่งนั้นเอ่ยบอก “จะไม่บอกใคร”
เขาสัญญาแล้ว สัญญาว่าเมื่อฉันเจ็บหรืออ่อนแอต่อหน้าเขาเขาจะไม่บอกคนอื่น จะไม่ให้ใครอื่นเห็น และดวงตานั้นเหมือนบอกว่าฉันเชื่อใจเซธได้
เซธพันผ้าได้ดี เรียบร้อยและแน่นกระชับเหมือนไปคลินิก อาจเพราะชกต่อยมาเยอะเลยรู้วิธีพยาบาลตัวเอง
“เสร็จ” เซธวางขาฉันลงเมื่อพันข้อเท้าฉันเรียบร้อย
ก็แค่นั้น ก่อนที่ร่างสูงจะเดินออกจากห้อง
ถึงจะพยายามซ่อนแต่เซธก็เห็นความอ่อนแอของฉันจนได้
Seth’s Talk
อาทิตย์ต่อมา
“ยกดีๆ ระวัง” เพื่อนๆ บอกกันเมื่อยกของเข้าออกบ้าน
อาทิตย์นี้มีงานขนของอีกระลอกใหญ่ ย้ายเตียงและเฟอร์นิเจอร์ของคนเช่าคนเก่าเป็นตันในโรงเก็บของออกไป
“แมนชิบ” เสียงแซคพึมพำด้วยความทึ่งเมื่อเห็นพูม่าขนของอย่างคล่องแคล่ว และนั่นไม่ใช่คำพูดที่เกินเลยแต่อย่างใด เธอแกร่งและคล่องจริงๆ
กึก
“เป็นไรป่าว” ผมถามเมื่อขนของด้วยกันผ่านประตูแคบแล้วขาพูม่าไปชนเข้ากับขอบไม้
“ไม่”
ถึงจะแกร่งแต่ขาที่ชนตรงนั้นช้ำ ที่จริงก็ช้ำอีกสองสามที่ จากยีนส์สั้นขาดที่เปิดเรียวขาผมเห็นร่องรอยเหล่านั้นได้ ถึงจะเหมือนแข็งแกร่งแต่ที่จริงแล้วก็เป็นผู้หญิงอยู่ดี
วันต่อมามีการขนของอีกเล็กน้อย
“เฮ้อ เหนื่อยแทบสลบ แต่ก็สนุกดี”
เพื่อนๆ ไฮไฟว์กันก่อนแยกย้ายกันเข้าห้องไปพักผ่อนเมื่อเสร็จงาน ผมกลับเข้าห้องไป อาบน้ำและเปิดประตูห้องนอนออกมาใหม่ เมื่อครู่แว่วเสียงกริ่งประตูระหว่างที่ผมกำลังอาบน้ำ
เมื่อออกมาก็เห็นว่าพูม่ากำลังย้ายตู้หนังสือคนเดียวจากประตูเหล็กหน้าบ้านมาตามทางเดินระหว่างสวน อีกหลายสิบเมตรกว่าจะถึงตัวบ้าน เสียงกริ่งเมื่อกี้คงเป็นคนส่งของที่ไปแล้ว ร่างพูม่าก็ไม่ใหญ่เทียบกับผู้หญิงทั่วไป ต่างก็แต่หัวใจ
กึกๆ
ทันใดนั้นผมเป็นว่าเธอแรงไม่ถึงและตู้หนักกำลังจะทับเท้าเธอ ผมเข้าไปช่วยจับ