ตอนที่3
ตอนที่3
#หยิ่งนักลองมารักกันหน่อยไหม
อาการปวดเมื่อยตามร่างกายจากการซ้อมหนักกำลังทำให้คินแย่ มาเรียนวันนี้สภาพดูไม่จืดเลยเพราะเพียงเดินเข้ามาในห้องก็ถูกเพื่อนสนิทตัวน้อยทักว่าไปทำอะไรมาถึงได้ดูป่วยขนาดนี้ ไม่ใช่แค่ปวดตามแขนขาแต่เขายังมีไข้นิดหน่อยจนต้องกินยาแล้วมานั่งง่วงอยู่ภายในห้องเรียน จะหลับก็ไม่ได้ต้องฝืนเรียนเพราะเดี๋ยวไม่งั้นจะเรียนไม่ทันเพื่อนคนอื่นเขา เสียงอาจารย์ในคลาสพูดสอนไปตามตำราเรียน วันนี้คินไม่ได้มีส่วนร่วมในการตอบคำถามเลยเพราะแค่พูดปกติก็ยังไม่อยากจะพูด มีธารที่ค่อยช่วยยื่นน้ำเปล่าให้ดื่มแล้วถามว่าไหวไหมซึ่งเอาเข้าจริงมันไม่ได้ป่วยหนักขนาดนั้นแต่ก็แค่อ่อนเพลียแล้วไม่เต็มร้อยเหมือนในวันปกติ
“แล้วนี่ตอนเย็นต้องไปซ้อมว่ายน้ำอีกหรอคิน” เรียนจบภาคเช้าระหว่างนั่งกินข้าวเสียงถามจากธารดังมา
“อื้ม ก็คงต้องไปอะ”
“โหลาพวกพี่เขาไหม...คินจะซ้อมไหวหรอ”
“ไหวสิไม่ได้ป่วยหนักซะหน่อย” ตอบพลางตักข้าวเข้าปาก นั่งกินข้าวด้วยกันสองคนท่ามกลางสายตาจากคนเดินผ่านไปมาที่คอยจ้องมอง ชินแล้วนะกับการโดนหาว่าหยิ่งแล้วไม่มีใครคบเนี่ย คินไม่ได้เดือดร้อนอะไรเพราะการที่ยิ่งเรียนแพทย์อินเตอร์เลยทำให้สังคมเขาไม่จำเป็นต้องกว้างมาก ลำพังเวลาเรียนก็เต็มแทบทุกวันแล้ว ตกเย็นก็ไปซ้อมว่ายน้ำ ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องมีเพื่อนเยอะให้วุ่นวายเพื่อแค่จะหาเวลาไปเที่ยวด้วยกันเลย อย่างมากแค่ไปเดินตลาดนัดกับธารก็พอแล้ว ทานข้าวกลางวันเสร็จก็แค่กลับมานั่งเรียนต่อ การเรียนแต่ละวันผ่านไปโดยที่คินไม่รู้สึกเบื่อเลยซักนิด
“แล้วเจอกันวันอาทิตย์นะ อย่าลืมด้วยว่าต้องไปดูหนังด้วยกัน” เลิกเรียนธารย้ำอีกครั้ง
“รู้หน่า” ซึ่งคินขานรับพร้อมโบกมือลาเจ้าเพื่อนตัวเล็ก ก้มมองนาฬิกาพบว่าตอนนี้หกโมงเย็นแล้ว คาดว่าพวกพี่เขาคงซ้อมกันล่วงหน้าไปนานแล้วแน่เลย รีบลงจากตึกแล้วตรงไปที่รถเพื่อขับตรงไปยังชมรม ทันทีที่มาถึงแอบแปลกใจเพราะไม่มีรถของใครจอดอยู่เลยแม้แต่คันเดียว
“อ้าว ทำไมเงียบจัง” พึมพำขึ้นมากับตัวเองลองเดินเข้าไปด้านในสิ่งที่พบคือความว่างเปล่า
ไม่มีใครอยู่ซ้อมเลยซักคน
ทั้งที่โค๊ชบอกในไลน์กลุ่มว่าวันนี้ให้ซ้อมถึงสี่ทุ่ม
..หมับ!..
“.....!!” แรงจับที่ไหล่ทำคินสะดุ้ง หันขวับไปมองเจ้าของมือก่อนพบว่าเป็นรุ่นพี่ร่วมชมรมที่เข้ามาทัก
“ฮะฮ่ากลัวผีหรอมึง ตกใจซะหน้าตลกเลย” โดนทักมาก่อนและคินยิ้มแห้งกลับไป
“คนอื่นไปไหนกันหมดหรอครับพี่แบงค์”
“ถ้ากูบอกไปมึงห้ามเอาไปบอกโค๊ชต่อนะ” อีกคนพูดมาแบบนี้คินพยักหน้ารับ
“อยู่ร้านเหล้า พาไอ้ภูไปแดกเหล้าย้อมใจ...เพิ่งโดนเมียทิ้ง” ได้ยินแบบนี้คินนึกไปถึงภาพที่เห็นเมื่อวันก่อนที่ภูเหมือนกำลังทะเลาะกับผู้หญิงคนหนึ่ง ถึงตรงนี้แอบคิดในใจว่าก็สมควรแล้วหละที่โดนทิ้ง นิสัยไม่ดีขนาดนั้นใครจะทนไหว ถ้าสมมุตเขาเป็นแฟนพี่ภูเขาก็คงจะไม่ทนเหมือนกัน คนอะไรนิสัยเสียมากแถมยังปากไม่ดีแล้วก็ชอบใช้กำลังในการแก้ปัญหา
“แล้ววันนี้คือเราไม่ซ้อมกันใช่ไหมครับ”
“ใช่...เนี่ยกูแค่กลับมาเอาของในล็อกเกอร์ เดี๋ยวก็จะไปหาพวกมันละ...มึงมาด้วยกันดิ”
“ไม่เป็นไรดีกว่าครับพี่...ผมกลับไปอ่านหนังสือดีกว่า” ปฏิเสธออกไป
..หมับ... แต่ไหล่โดนกอดอีกครั้งพร้อมการถูกดึงให้เดินตาม
“ได้ไงวะ ไม่ได้ดิ...วันนั้นมึงก็ไม่ไปกินกับพวกกู มาวันนี้จะปฏิเสธอีกไม่ได้นะเว้ย”
“แต่ว่าผม....”
“หน่ามาเหอะ” ในตอนนี้โดนลากออกมาจนถึงด้านหน้าชมรม แบงค์แยกไปที่รถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ด้านหลังของตัวเองส่วนคินยืนลังเลว่าจะไปด้วยดีไหม แต่คือพี่แบงค์ดีกับเขามาก แทบจะเป็นรุ่นพี่คนเดียวในทีมเลยที่เข้ามาชวนเขาคุยให้ไม่เหงาเพราะฉะนั้นคินเลยไม่กล้าจะต่อต้านเพราะกลัวอีกคนเสียน้ำใจ สุดท้ายก็ทำได้แค่เปิดประตูเข้าไปนั่งในรถแล้วขับตามบิ๊กไบค์คันใหญ่ที่นำหน้าอยู่ ขับมาไกลพอสมควรก็ถึงสถานบันเทิงเบื้องหน้าที่จอดเต็มไปด้วยทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์
“เคยมาปะเนี่ยมึงอะ” ลงจากรถมาได้เสียงถามจากแบงค์ดัง
“มีบ้างครับพี่แต่ไม่บ่อย”
“ก็แสดงว่ากินเหล้าได้?”
“ครับ” ขานรับไป ถือเป็นเรื่องปกติของวัยรุ่นที่มีเที่ยวกลางคืนบ้างแต่สำหรับคินแล้วก็คือไม่ได้บ่อยเรี่ยราด จะมาก็แค่ในช่วงวันหยุดหรือปิดเทอมเท่านั้น ถ้าเป็นช่วงที่ยังไม่ปิดเทอมในวันเสาร์อาทิตย์เขามักจะทุ่มเวลาทั้งหมดให้การอ่านหนังสือ ถ้าเอาเข้าจริงไม่ได้ดื่มเหล้าเลยมาก็เกือบจะสามเดือนได้แล้ว
“คนเยอะจัง” พึมพำขึ้นมาเมื่อเดินเข้าไปด้านในสิ่งแรกที่พบเลยก็คือคนจำนวนมากที่กำลังยืนเต้นเบียดเสียดกัน เดินตามแบงค์เข้าไปยังมุมหนึ่งที่มีกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มใหญ่กำลังนั่งล้อมกันอยู่ มองไปถึงได้รู้ว่าคือบรรดาคนในชมรมว่ายน้ำ
พาเด็กหนีซ้อมมาดื่มเหล้า
ช่างเป็นกัปตันที่ดีจริงๆเลยนะ คินหละยอมเขาเลย
“เห้ยไม่หมดแก้วกูไม่คุยด้วยน่ะ ไอ้พวกอ่อนเนี่ย” เดินมาถึงโต๊ะเป็นเสียงของภูที่ดังกว่าใคร คินเดินลงไปนั่งยังเก้าอี้ที่ว่างอยู่ แก้วเหล้าถูกยื่นส่งมาทักทายและแบงค์คว้าแก้วของภูที่เพิ่งชงยื่นให้คิน เด็กหนุ่มเลิกคิ้วมอง
“อะไรหรอครับ?”
“เอาดิ ระหว่างรอเขาเอาแก้วมาให้ก็กินแก้วนี้เปิดงานก่อน” ได้ยินแบบนี้คินนิ่ง ก่อนจะส่ายหน้า
“ก็ไหนว่ามึงกินได้” แบงค์ถามต่อส่วนภูกำลังมองไอ้เด็กเรื่องมาก
“กินได้ครับแต่รอแก้วใหม่ดีกว่า...กินแก้วเดียวกันมันไม่ค่อยดี” คำตอบจากคินที่ทำเอาเจ้าของแก้วอย่างภูถึงขั้นคิ้วกระตุก
“ใครเอาไอ้เวรนี้มาวะเสียบรรยากาศชิบหาย...อนามัยนักก็กลับไปแดกนมนอนเหอะมึงอะ” ต่อว่าคนที่นั่งตรงข้ามออกมาพร้อมมือที่คว้าแก้วของตัวเองกลับมายกดื่ม คินเงียบไม่ได้โต้ตอบแต่มีความไม่พอใจที่เก็บแฝงเอาไว้ เพียงแค่เจอหน้ากันไม่ถึงสิบนาทีอีกคนก็พูดไม่ดีกับเขาแล้ว เมื่อแก้วใหม่ที่พนักงานนำมาให้มาถึงคินเพียงแค่เทเหล้าและโซฟาลงในแก้วแล้วนั่งจิบเงียบๆโดยที่ไม่ได้พูดอะไร เพราะทั้งโต๊ะมีแต่เสียงของภูที่คอยตอบคำถามคนอื่น
“กูเอะใจตั้งนานแล้วว่าแนทแม่งต้องแอบคุยกับคนอื่น”
“แล้วใครวะเด็กใหม่เมียเก่ามึง”
“ไม่รู้ รู้แค่ว่ามันเรียนแพทย์อินเตอร์” ประโยคนี้ภูตอบเพื่อนคนอื่นแต่สายตากลับจ้องนิ่งที่คิน
“ไอ้พวกนี้ทำไมชอบคิดว่ารวยแล้วจะทำอะไรก็ได้วะ” พูดต่อออกมาอีกและคินเริ่มไม่พอใจ
“ก็ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะครับที่จะนิสัยไม่ดีน่ะ”
“ไม่ใช่ทุกคนหรอ?แต่ทำไมขนาดมึงก็ยังชอบเหยียดคนที่จนกว่าเลย” โดนภูสวนมาแบบนี้คินเงียบ เวลาปกติยังชอบหาเรื่องนี่ยิ่งเมาด้วยเขายิ่งไม่อยากยุ่ง เลือกที่จะนั่งเงียบต่อไปดีกว่าเพราะถ้าเกิดภูอารมณ์ร้อนขึ้นมามันจะเดือดร้อนคนอื่นที่เขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย แถมตอนนี้ดึกมากขึ้นคนก็ยิ่งเยอะ มองไปทางไหนก็มีแต่คนนัวเนียกันและคินชักจะไม่โอเค
“ผมกลับก่อนได้ไหมครับ”
“จะรีบไปไหนพรุ่งนี้ก็วันหยุด” แต่ก็โดนบรรดาคนอื่นในโต๊ะห้ามไว้ เลยทำได้แค่ถอนหายใจ บอกตัวเองว่านั่งทนต่อไปหน่อยแล้วกัน แต่ในตอนนี้คนนั่งร่วมโต๊ะเพิ่มมากขึ้น ไม่ใช่เพื่อนที่รู้จักแต่เป็นคนแปลกหน้าที่เดินเข้ามาขอนั่งด้วย บรรดาสาวสวยกำลังนั่งซุกซบอยู่กับรุ่นพี่ในชมรมและบรรดาเพื่อนรุ่นเดียวกันกับคินด้วย
“ไปต่อกันไหมคะสุดหล่อ” มีหนึ่งคนทีเดินเข้ามาถามและทำท่าจะนั่งบนตักของคินแต่เด็กหนุ่มรีบปฏิเสธ ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีอะไรกับใครเพราะการมีแฟนแล้วจะนอนด้วยกันมันคือเรื่องปกติ แต่คินรู้สึกว่า การมีอะไรกับคนที่เคยเจอแค่ครั้งเดียวมันไม่ปกติ มองไปที่คนอื่นพบว่ากำลังสนุกอยู่กับการพูดคุยกับหญิงสาวแปลกหน้าและคินคิดว่าตอนนี้แหละที่เขาน่าจะขอตัวกลับได้
แล้วก็ตามคาด เพราะเหมือนทุกคนจะมีสิ่งอื่นที่สนใจแล้ว
“เฮ้อ” เดินออกมาได้ถึงขั้นถอนหายใจ รีบตรงไปที่รถแล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งด้านใน
“เป็นกัปตันที่พาเด็กในทีมหนีซ้อมแล้วแถม...” พูดไม่ทันจบประโยคสายตาเหลือบไปเห็นบางคนที่กำลังยืนอยู่มุมด้านหลังของสถานบันเทิงเบื้องหน้า ชายหญิงหนึ่งคู่ที่กำลังยืนนัวเนีย ตอนแรกไม่รู้ว่าใครจนที่คนสองคนเดินตามพากันไปที่รถที่จอดอยู่ ไอ้กัปตันทีมว่ายน้ำของเขา....
PCXคันสีขาวที่เคยเห็นจอดอยู่ชมรมว่ายน้ำถูกขี่ออกไป
แล้วคงไม่ต้องให้เดานะ ว่าสองคนนั้นจะพากันไปทำอะไรต่อ
“แหวะ” ถึงขั้นส่งเสียงนี้ออกมา นึกสภาพผู้หญิงคนนั้นคงไม่รู้หละสิว่าเห็นภูหน้าตาดีหล่อสูงขาวเหมือนพวกนายแบบ แต่คือนิสัยนี่ยังกับพวกเด็กเกเรที่ดีแต่แกล้งคนอื่น ถ้าไม่ติดว่าเห็นใจพวกเพื่อนและรุ่นพี่ในทีมนะ เขาคงจะเอาเรื่องนี้ไปบอกโค๊ชแล้วหละเพื่อที่ภูจะได้โดนดุแล้วไม่กล้าทำแบบนี้อีก ไม่ดีเลยซักนิดที่พานักกีฬาในทีมหนีซ้อมมาเที่ยวกลางคืน แล้วเขาน่ะเห็นอีกคนสูบบุหรี่ด้วย มันเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเพราะบุหรี่ทำให้สมรรถภาพในการว่ายน้ำลดน้อยลง
...ครืดดด.. แต่เสียงสั่นจากโทรศัพท์ดังขึ้น กดเข้าไปพบว่าเป็นแจ้งเตือนจากไลน์กลุ่ม
//คิน ทักส่วนตัวมาหาโค๊ชหน่อย// ตอนแรกคิดว่ามีเรื่องอะไรแต่พอทักไปหาโค๊ทถึงได้คำตอบนี้มา
//พรุ่งนี้โค๊ชจะให้มาซ้อมกันตอนเก้าโมงเพราะเป็นวันหยุด แต่บอกในกลุ่มไปแล้วแหละ...แต่คราวนี้จะให้แวะไปเอาข้าวกล่องที่ร้านหน้ามอไง พอดีติดต่อภูไม่ได้เลยทักมาหาเราเนี่ยหละ ว่างไปแวะเอาให้โค๊ชไหม//
แล้วแน่นอนว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร เขาก็แค่ตอบรับไปเพราะแค่แวะเอาข้าวกล่องมาให้ทีมไม่ใช่เรื่องใหญ่อยู่แล้ว
.....................................
แต่พอถึงเช้านี้ที่ต้องมาซ้อม เมื่อเดินเข้ามาในชมรมภาพที่เห็นแปลกตาไปตรงที่ทุกคนดูเงียบมากว่าปกติแถมยังก้มหน้ามองพื้นโดยที่ไม่มีใครกล้าสบตาโค๊ชเลย คินยืนนิ่ง เหมือนจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแต่ตอนนี้มีหนึ่งสายตาที่มองจ้องมาและแน่นอนว่าเป็นภู คินยังคงไม่เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้แต่ก็เดินไปนั่งรวมกับคนอื่นที่พื้นริมขอบสระ
“หลายคนสูบบุหรี่ทั้งที่ก็รู้ว่ามันส่งผลเสียเยอะมากต่อการว่ายน้ำ...แล้วที่แย่กว่านั้นคือแค่ไม่กี่เดือนจะถึงวันแข่งแล้ว แต่ทุกคนยังหนีซ้อมไปเที่ยวกันอยู่เลย...โตแล้วนะไม่ใช่เด็ก ที่จะต้องให้นั่งคุมทุกวัน” แล้วตอนนี้คินว่ารู้แล้วหละว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น ทุกคนเงียบหมดและแน่นอนว่าคนที่โดนต่อว่าหนักที่สุดก็ต้องเป็นภูที่เป็นถึงกัปตันทีมแต่กลับเป็นคนที่ชวนเด็กในทีมโดดซ้อม
“ยังมีหลายคนนะที่เขาอยากเข้ามาอยู่ทีมเรา แต่ทำไมพวกเราที่มีโอกาสได้เข้ามาแล้วถึงได้ทำเหมือนมันไม่มีความสำคัญอะไรเลย...อยากซ้อมก็ซ้อม อยากจะหนีซ้อมก็หนีอย่างงั้นหรอ?”
“โค๊ชรู้ได้ยังไงครับว่าพวกผม...” ภูถามขึ้น
“มันไม่สำคัญหรอกภูว่าใครบอก มันสำคัญที่พวกเธอพากันหนีซ้อมไปเที่ยวกันจริงๆ” เจอประโยคนี้ถึงขั้นต้องเงียบ นานพอสมควรกว่าที่โค๊ชจะสงบลงได้และการซ้อมวันนี้เต็มไปด้วยความกดดัน คินรับรู้ถึงสายตาหลายคู่ที่กำลังจ้องมาอย่างไม่พอใจ ถ้าแค่จากภูคนเดียวยังพอเข้าใจ แต่นี่คนอื่น....
จนที่เลิกซ้อมเรียบร้อยและเข้ามาอยู่ในห้องแต่งตัว
“นั่งแดกด้วยกันอยู่แท้ๆยังกล้าหักหลังพวกกู” เสียงจากภูดังขึ้น คินที่กำลังใส่เสื้อหันมอง
“อยากเป็นเด็กดีเลียแข้งเลียขาโค๊ชงั้นหรอ”
“พี่หมายถึงอะไร”
“มึงเอาเรื่องเมื่อคืนไปบอกโค๊ชหรอ” ชัดเจนแล้วตอนนี้ว่าอีกคนกำลังไม่พอใจเขาเรื่องอะไรอีก
“ผมไม่ได้บอก”
“ถ้างั้นโค๊ชจะให้มึงทักส่วนตัวไปทำไม”
“พี่อย่าดีแต่หาเรื่องผมได้ไหม...ผมให้ดูข้อความเลยก็ได้” พูดถึงตรงนี้คินยื่นโทรศัพท์ของตัวเองให้ภูดู อีกคนยืนอ่านไลน์ที่เขาคุยกับโค๊ชเมื่อคืนแต่แล้วสุดท้ายภูก็โยนโทรศัพท์คืนให้แล้วพูดประโยคนี้
“ก็แค่กดลบข้อความทิ้งมันไม่ได้ยากปะวะ”
“พี่ก็คิดได้แค่นี้แหละเนอะ”
“ก็เออแล้วทำไม งั้นมันจะใครที่คาบข่าวไปบอก”
..ผลั้ก!.. ไม่พูดเปล่าแต่มือออกแรงผลักคินจนอีกคนกระแทกเข้ากับล็อคเกอร์ เด็กหนุ่มสะบัดแขนออก ไม่ได้โต้เถียงอะไรต่อแต่เพียงเดินหนีไปด้วยสีหน้าไม่พอใจ ภูมองตาม ชักสีหน้าหงุดหงิดอย่างไม่พอใจ ระหว่างนี้ยืนอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยอารมณ์หงุดหงิด นับวันไอ้เด็กนั่นชักจะยิ่งเหิมเกริมกับเขามากขึ้น
แต่อาบน้ำเสร็จเดินกลับออกมายังล็อคเกอร์เก็บของ
“พี่เจ้าของร้านหรอวะที่บอก”
“เออดิ ก็เนี่ยกูได้ยินโค๊ชโทรไปขอบคุณเขา...ลืมไปเลยว่าโค๊ชกับพี่เขาเป็นเพื่อนกัน”
“เชี่ยแม่งโคตรหักหลัง พวกเราหมดกับร้านเขาไปตั้งหลายพัน”
“นั่นดิ อย่างแสบเลยว่ะรอบหน้าต้องไปร้านอื่นแล้ว” ประโยคที่เพื่อนร่วมทีมกำลังคุยกันทำภูชะงัก
“พวกมึงคุยอะไรกัน” ตัดสินใจถามออกไปและเป็นแบงค์ที่มองมา
“มึงไปขอโทษน้องมันเลยนะไอ้ภู กูก็บอกแล้วว่าอย่าเพิ่งใจร้อนตัดสินว่าใครทำ”
“...........”
“ถ้ามึงไม่ตามไปขอโทษน้องมันนี่ก็ถือว่าโคตรแย่เลยนะเว้ย” เสียงจากแบงค์ดังมาและคนอื่นในทีมก็ดูเหมือนจะเห็นด้วยในสิ่งที่แบงค์พูด กลายเป็นภูที่งานเข้า เพราะเหมือนในรอบนี้ทุกคนจะไม่ได้เข้าข้างเขาอีกแล้ว
แล้วนี่เขาจะต้องตามไปขอโทษไอ้เด็กนั่นมันจริงหรอวะ
เสียเชิงชะมัด
# # # # # # # # #