ตอนที่ 5
“อืม...วงเครื่องสาย พวกเชลโล่ ไวโอลิน ฉันให้คุณนุสบาผู้จัดการห้องอาหารกับบาร์ของที่นี่ติดต่อให้มาเล่นเพราะแขกยุโรปรีเควสต์ (ร้องขอ) อยากฟังแบบแสดงสด ก็เอา...จัดให้แขกไป”
นัยน์ตาสีฟ้ามรกตเข้มขึ้นทันที่ที่ปรีชาพูดจบ เขาไม่ได้คิดถึงอะไรนอกจากผู้หญิงเห็นแก่ได้คนนั้นที่ล่อลวงเขาเป็นสะพานทอดไปหาเงินตรา
“ฉันไม่ชอบฟัง! นายจะฟังนายก็ฟังไปคนเดียวเถอะ ปิเอโร่!”
“เฮ้! ริค... นายเป็นอะไร อย่าปฏิเสธกันแบบนี้สิ ดนตรีพวกนี้ก็อยู่ในสายเลือดของอิตาเลียนอย่างนายไม่ใช่เหรอ ทำไมนึกไม่อยากฟังขึ้นมา ฉันจำได้ว่าตอนอยู่มหาลัยนายชอบไปดูการแสดงออเคสตร้าอยู่เป็นประจำ ชอบพูดกับฉันว่าฟังเพลงคลาสสิคเพราะคิดถึงบ้าน”
“เวลาเปลี่ยน คนเราก็ไม่มีวันเหมือนเดิม เมื่อก่อนฉันชอบ แต่ตอนนี้ฉันเกลียดมันเข้ากระดูกดำ ของที่เกลียดไปแล้วจะให้มานึกชอบใหม่ไม่ใช่ลอวเรนซ์คนนี้แน่!”
“เป็นอะไรของนายวะ!” ปรีชาลุกขึ้นเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงสแล็กขณะมองผิวสีแทนทองบนร่างสูงใหญ่กำยำที่ใบหน้าคมคายนั้นเครียดตึงทันทีเมื่อเพื่อนสนิทพูดเรื่องที่ไม่คิดว่าคนฟังจะโกรธ หนุ่มไทยส่ายหน้าก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ก็ยังชัดเจน
“นึกเสียว่าฉันขอร้องก็แล้วกันคืนนี้ ฉันอุตส่าห์บอกคุณนุสบาผู้จัดการกับนักดนตรีที่เขาจะมาเล่นที่ห้องอาหารว่าหุ้นส่วนใหญ่ของโรงแรมชอบฟังเพลงคลาสสิคมาก นายจะฟังเพลงเดียวแล้วกลับฉันก็ไม่ว่า แต่อยากให้สตาฟได้เห็นหน้าเป็นกำลังใจก็พอ”
คนพูดเดินออกจากห้องไปแล้วโดยไม่ทันเห็นคนที่นั่งอยู่ขบกรามเข้าหากันแน่นจนนูนเป็นสันด้วยความเคียดแค้นในใจ เขาเลิกฟังเพลงที่เคยชอบจนถึงขั้นเรียกว่ารักพวกนี้ไปนานแล้วตั้งแต่ความฝันของตัวเองพังทลายไปจนหมดด้วยน้ำมือของผู้หญิงที่ตีค่าตัวเองเป็นเงินแค่สิบล้านบาทก่อนเขี่ยเขาทิ้งอย่างไม่ใยดี
มัสมิน เธียรธรากุล
เขายังท่องชื่อนี้ได้ขึ้นใจที่เธอสลัดเขาทิ้งไปหลังเรียกเงินจากบิดาเป็นค่าเสียเวลาแสดงความรักกับคนอย่างเขาด้วยตัวเลขสูงลิ่ว ลอวเรนซ์เคยรักผู้หญิงคนนั้นมากจนถึงขนาดอยากตกร่องปล่องชิ้นอยากอยู่กับเธอไปจนชั่วชีวิต ทว่าสิ่งที่ได้ตอบแทนคือคำโกหกปลิ้นปล้อนทำให้เขาหัวปั่นจนแทบบ้าและเมื่อถูกหักหลังจากคนหิวเงินแล้งไร้ความจริงใจความโกรธเกลียดชิงชังเท่านั้นที่มันกัดกร่อนหัวใจจนชาด้าน ไม่ว่าที่ไหนหรือเมื่อไหร่หากเขาได้พบมัสมินอีกครั้ง การเอาคืนให้พินาศกันไปข้างคือสิ่งตอบแทนไม่มีคำว่าปราณี
********************