คดีหมั่นโถว
กองปราบ
ประตูไม้บานใหญ่ที่เกวียนสินค้าของทางการจอดให้พวกนางลงด้านหน้ามีทหารยามยืนเฝ้าอยู่สองคนส่วนข้างฝั่งซ้ายประตูมีกลองขนาดใหญ่คงมีไว้สำหรับตีร้องเรียนของชาวบ้านกระมัง จากที่นางลงมาจากเกวียนชาวบ้านแถวนี้เริ่มให้ความสนใจมามุงดูกันมากขึ้นเสี่ยวถิงของนางรู้สึกหวาดกลัวเกาะแขนนางที่อุ้มหมั่นโถวอยู่แน่นแม้อาหู่ของนางจะโตกว่าน้องแต่ในความเป็นเด็กในแววตาก็มีความหวาดกลัวซ่อนอยู่มือปราบอี้หยินมาเชิญนางกับทุกคนเข้าด้านใน
“นั่นไงพวกเราหมาปีศาจที่เจ้าสามเหวินมันบอก”หนึ่งในจีนโบราณมุงเอ่ยขึ้น
“ไหนข้าขอดูหน่อย ตัวมันนิดเดียวเองร้ายกาจถึงเพียงนี้เชียวรึ”
“แล้วหากเป็นพ่อแม่มันละจะร้ายกาจเพียงไหน”
“เพ้ย!!เจ้ามนุษย์หน้าโง่ถึงจะตัวเล็กตัวใหญ่ข้าก็ไม่ได้เก่งกาจไปมากกว่านี้หรอก”เจ้าหมั่นโถวมันคิดพลางแยกเขี้ยวเล็กๆใส่
นางเดินตามมือปราบเข้ามาถึงโถงใหญ่ที่มีชายวัยกลางคนนั่งรออยู่ไม่เห็นเหมือนในหนังเปาบุ้นจิ้นที่อาแป๊ะร้านขายยาข้างหอพักชอบเปิดดูเลย ไม่มีโต๊ะพิจารณาคดี ไม่มีทหารถือไม้พลองร้องแวๆๆยามนางเดินเข้ามา ไม่มีเครื่องประหารหัวสุนัขอย่างที่นางอยากเห็น นี่อะไรนั่งจิบชารอที่โต๊ะน้ำชายังกับนั่งพักผ่อนหรือว่าเขานั่งพักผ่อนกัน
“กลับมาแล้วหรือมือปราบอี้ อะดื่มชาแก้กระหายเสียก่อน”ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะกลางห้องพลางรินน้ำชาส่งให้มือปราบอี้หยิน ก่อนที่จะให้บ่าวแถวนั้นยกเก้าอี้มาให้มารดานางนั่งนับว่าชายคนนี้มีน้ำใจงามไม่น้อย
“ขอบคุณขอรับ”อี้หยินรับน้ำชามาดื่มก่อนจะวางจอกชาลงบนโต๊ะ
“นี่หรือสุนัขปีศาจที่เจ้าสามเหวินมันพูดถึง”ชายกลางคนลุกขึ้นเดินสำรวจรอบๆตัวนางจ้องมองไปที่หมั่นโถวส่วนเจ้าหมั่นโถวเหมือนมันจะแกล้งหลับอยู่ในอ้อมแขนนาง
“ใช่ขอรับใต้เท้ามันเป็นหมาปีศาจ”เหวินคนพี่เอ่ยขึ้น
“เหตุใดเจ้าจึงว่ามันเป็นหมาปีศาจ”
“มันตัวแค่นี้ทำร้ายพวกเราเพียงเวลาไม่ถึงเค่อเลยขอรับ”เหวินคนน้องเอ่ยตอบบ้าง
“แล้วเหตุใดมันจึงทำร้ายพวกเจ้ากัน”ชายวัยกลางคนน่าจะเป็นหัวหน้าอี้หยินอีกทีเอ่ยถาม นางคิดว่าก็ยังดีที่พวกเขาไม่ด่วนตัดสินใจในทันทีเช่นนั้นมือปราบอี้หยินที่ไปเชิญตัวนางมาคงได้รับแบบอย่างที่ดีจากนายตนเองกระมัง
“เอ่อคือว่า...”
“ขออภัยข้าขอพูดบ้างได้มั้ยเจ้าคะ”เยี่ยเซียงเอ่ยขออย่างมีมารยาทนางไม่รู้ถ้าพูดแทรกระหว่างที่เขาสอบสวนกันอยู่มันจะมีความผิดหรือไม่ มันเป็นยุคโบราณความเท่าเทียมยังมาไม่ถึง
“ได้สิเอ่ยมา”มือปราบอี้หยินเอ่ยตอบแทนหลังจากที่หัวหน้าพยักหน้าให้กับนาง
“ข้าน้อยมีนามว่าซ่งเยี่ยเซียงเดิมทีข้าน้อยเป็นจากทางใต้แต่งงานกับสามีที่เป็นคนทางเหนือข้าน้อยย้ายไปอยู่ทางเหนือกับสามีแต่เมื่อไม่นานมานี้สามีข้าน้อยเพิ่งสิ้นที่ทางเหนือเราไม่มีญาติิพี่อีกอย่างภัยแล้งมันยาวนานข้าเลยพาแม่สามีกับลูกๆเดินทางกลับบ้านที่ทางใต้โชคระหว่างเดินทางข้าเจอญาติิฝั่งบิดาที่มีบ้านอยู่ที่เมืองนี้หากข้ายังขืนเดินทางต่อมีหวังคงคลอดระหว่างทางแน่นอน พอดีกับที่ญาติิข้าน้อยต้องเดินทางบ่อยจึงได้ให้ข้าน้อยไปพักที่บ้านของเขาก่อนจนกว่าจะคลอดและแข็งแรงพอจะกลับบ้านเกิดที่ทางใต้ แต่พวกข้าก็หลงทางไปหมูบ้านญาติไม่ถูกประจวบกับท่านแม่โดนหมูป่าทำร้ายเอาจึงต้องพักอยู่ที่เชิงเขา ข้าเห็นเขา”นางชี้ไปยังหนึ่งในสามเหวินนั้นทันที
“ข้าเห็นเขาเดินหาของป่าอยู่แถวนั้นจึงไว่วานให้เขาช่วยหารถม้าให้ทีท่านแม่ข้าบาดเจ็บเดินทางไม่สะดวกโดยให้ค่าจ้างเป็นเงินหนึ่งเหรียญทองเจ้าคะ”นางเอ่ยบอกบ้าง
“จริงหรือพวกเจ้า”
“ขอ..ขอรับ แต่..แต่หมานางเป็นหมาปีศาจนะขอรับ”
ปัง!!
“พวกเจ้าเอาเงินเขาไปยังมากล่าวหาว่าสุนัขนางเป็นปีศาจอีกหรือ”
“ใต้เท้าเหตุใดไม่พิสูจน์ว่าสุนัขนางเป็นปีศาจหรือไม่”อี้เหยินสงสัยได้เอ่ยถามทั้งยังสงสัยตั้งแต่ที่ไม่ให้พาพวกนางไปยังห้องพิจารณาคดีแล้ว
“อี้หยิน สุนัขตัวนี้ไม่ใช่ปีศาจหรอกมันเป็นสุนัขของชาวดินแดนทางเหนือที่มีอากาศหนาวแทบตลอดทั้งปีครั้งเมื่อข้ายังเป็นบัณฑิตได้เคยเดินทางไปยังดินแดนทางเหนือเคยเจอพวกมันมาบ้างตัวโตเต็มที่มันจะตัวใหญ่ราวๆ8-10ฉื่อเชียวละ นี่มันแค่ลูกสุนัขอีกอย่างหากมันเป็นปีศาจจริงเจ้าว่ามันจะเดินผ่านรูปปั้นพยัคฆ์ตรงหน้ากองปราบเข้ามาได้รึไม่ใช่มันจะกลายเป็นเพียงธุลีดินหรอกหรือ”
“หมายความว่า”
“ใช่แต่ข้าไม่รู้ว่ามันคืออันใดที่อยู่ในรูปปั้นนั่น”ก่อนที่จะหันไปหาทั้งสามเหวิน
“ว่างัยพวกเจ้าสาม”
“แต่พวกนางเป็นคนเร่ร่อนนะขอรับ”เหวินคนพี่ยังไม่หยุดกล่าวหานางหากเขารับผิดเขาย่อมต้องคืนเงินหนึ่งเหรียญทองให้พวกนางแถมดีไม่ดีอาจต้องโทษอีกยังงัยเสียเขาจะต้องเอาเรื่องพวกนางให้ได้
“นางก็บอกแล้วว่ามาจากทางเหนือแล้วเจ้าละมีหลักฐานอันใดแสดงยืนยันตัวตนหรือไม่”ชายวัยกลางคนหัวหน้ามือปราบเอ่ยถึงแม้ไม่มีหลักฐานแต่สุนัขตัวนี้ก็เป็นเครื่องยืนยันได้คนทางพื้นราบแทบจะไม่มีใครรู้จักสุนัขพันธ์นี้ด้วยซ้ำแต่อีกนัยหนึ่งคนต่างแคว้นหนีภัยแล้งกับสงครามภายในแคว้นมาอยู่ที่แคว้นนี้ก็มากหากใครไม่มีหนังสืออนุญาติเข้าเมืองหรือไม่มีญาติิอยู่ในแคว้นรับรองทางการก็จะจับส่งกลับแคว้นหรือไม่บางคนยอมขายตนเองเป็นทาสเพื่อที่จะได้มีที่นอนมีอาหารกินถึงแม้เพียงสองมื้อก็ยังดี ยิ่งที่เมืองนี้มีการค้ากับชาวต่างถิ่นต่างแคว้นคนนอกยิ่งง่ายต่อการเข้ามาอยู่อาศัย พวกขอทานโจรวิ่งราวมีให้เห็นกันอยู่ทุกวัน
“ใต้เท้าใครก็กล่าวอ้างได้ทั้งนั้นว่ามาจากที่ใดจะไปที่ใด ข้าเห็นพวกนางพักอยู่ที่ชายเขามาตั้งหลายวันแล้วขอรับ”เหวินคนกลางเอ่ยบอก
“หากจะหาหลักฐาน สิ่งนี้พอจะเป็นหลักฐานได้หรือไม่”นางกล่าวพลางล้วงเข้าไปในแขนเสื่อหวังหยิบแผ่นป้ายที่อาจารย์ให้มาออกมาให้ดูแต่บังเอิญหรืออันใดมิทราบป้ายหยกที่คุณชายเจ้าหยวนเฟิงให้นางไว้ดันหล่นออกมา
“แม่นางป้ายหยกนั่นท่านได้มาได้อย่างไร”หัวหน้ามือปราบลุกขึ้นถามอย่างร้อนรน
“ป้ายหยก”นางหันมองรอบๆตัวเองก่อนเจอป้ายหยกสีดำร่วงหล่นอยู่กับพื้นด้านหน้านาง
“มาได้ยังงัยข้าเอาใส่ไว้ด้านในแล้วมันร่วงออกมาได้อย่างไร”นางบ่นพึมพำกับตนเองก่อนก้มลงหยิบหยกขึ้นมา
“อ๋อคุณชายเจ้าหยวนเฟิงเป็นคนให้ข้ามาเจ้าคะ”
“จะเชื่อได้อย่างไรเจ้าอาจขโมยมาก็ได้”ทั้งสามยังไม่ยอมแพ้ยิ่งมีหยกของตระกูลเจ้าด้วยแล้วยิ่งยากจะเชื่อ ตระกูลเจ้าตระกูลเก่าแก่นั่นเหรอจะมารับรองครอบครัวของนางไม่มีทางคุณชายเจ้าผู้หยิ่งยโสผู้นั้นหรือจะช่วยเหลือใครตระกูลปราบมารผู้ไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้ใดที่เหลือทายาทเพียงคนเดียวแม้จะเป็นเพียงหนุ่มน้อยแต่ความสามารถนั้นมิอาจดูเบาได้มันยากที่พวกมันจะเชื่อได้
“เจ้าคิดว่าการขโมยของๆข้ามันง่ายเช่นนั้นรึ”
“คุณชายเจ้า”หัวหน้ามือปราบรีบลุกขึ้นจากโต๊ะน้ำชาขึ้นคารวะทันที ก่อนที่จะเชิญนั่งด้วยกัน
“ใต้เท้าฟ่านอย่าได้เกรงใจเลย ข้าเพียงได้ยินเขาลือกันว่าท่านจับสุนัขปีศาจได้ ข้าเลยแวะเข้ามาดูยังมีปีศาจตนใดผิดพันธสัญญาหลบหนีเข้ามาอีก ไม่นึกเลยจะเป็นสุนัขตัวนี้\"ว่าพลางเดินสำรวจรอบตัวนางก่อนหันไปมองชายทั้งสามคนโดยไม่สนใจคำเชิญของใต้เท้าฟ่านเลยสักนิด
“สามคนนี้เหรอว่าสุนัขตัวนี้เป็นปีศาจ”ว่าพลางส่งสายตาอำมหิตไปให้พวกเจ้าบังอาจว่าให้ร้ายว่าที่แม่ยายตนได้อย่างไรแม้นางจะเป็นมนุษย์แต่ในครรภ์นางคือภรรยาของเขายังงัยเสียเขาก็ต้องให้เกียรตินางหลายส่วน เจ้าพวกนี้บังอาจเกินไปแล้ว ถ้าเจ้าหมาหน้าโง่นี่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นปีศาจว่าที่แม่ยายเขาไม่ถูกกล่าวหาว่าเลี้ยงดูปีศาจหรือไม่ก็เป็นปีศาจเองหรอกหรือ
“ขอรับคุณชายเจ้า สามคนนี้เป็นคนมาร้องเรียนกล่าวหานางกับครอบครัว”อี้หยินเอ่ยบ้าง
“ใต้เท้าฟ่าน ที่ข้ามาวันนี้เพียงจะชี้แนะท่านสักอย่าง ปีศาจที่จะออกมาเพ่นพ่านแถบนี้ไม่มีหรอก(จะมีได้อย่างไรปีศาจตนใดจะกล้ามาแพ่นผ่านใกล้ๆกับท่านเล่าเทพสงครามเฟิงหลงภายในรัศมีสิบลี้นี่มีปีศาจตนใดกล้าปรากฎกายบ้าง)ไว้ท่านเตรียมตัวใกล้เทศกาลหยวนเซียวเถิดวันนั่นหละที่ท่านต้องรับมือจริงๆอีกอย่างข้ายังต้องอยู่เมืองนี้อีกนานยังไม่ได้กลับสำนักช่วงนี้ไม่มีปีศาจตนใดกล้าเข้ามาหรอกหากมาจริงท่านกับชาวบ้านไม่ได้มายืนคุยกันตรงนี้หรอก”
ปีศาจที่เทียบเท่าฝีมือกับตนก็มีเพียงจอมมารโม่เหวินเซินเท่านั้นแต่เขาก็กำจัดไปเมื่อพันปีก่อนตอนสงครามนองเลือดของสามภพอันที่จริงเขามิได้สังหารโดยตรงกลับเป็นเจ้าราชาปีศาจนั่นปลิดชีพตนเองสังเวยความรักต่างหากช่างโง่งมนักแต่กลับเป็นเขาเองที่โง่งมกว่าโดยเจ้าเซียนเฒ่าหลอกใช้รู้ความจริงก็เมื่อสายไม่อาจแก้ไขใดๆได้อีกแล้วเกือบพันปีที่เขาต้องเฝ้าดูสตรีที่รักต้องทุกทรมานเกือบพันปีที่เขาไม่เคยได้รับรอยยิ้มจากนางเกือบพันปีที่เขาเองก็ซ้ำเติมทำร้ายจิตใจนาง จนนางยอมทิ้งทุกอย่างหนีเขามาเกิดบนโลกมนุษย์นี่
“หากท่านมีอันใดให้ช่วยก็ไปแจ้งได้ที่ศาลเจ้าจินหลงแล้วกัน”
“ขอบคุณ คุณชายเจ้ามากรบกวนท่านแล้ว”
“ส่วนพวกนางหากไม่มีอันใดข้าขอรับพวกเขากลับเลยได้หรือไม่”
“เห็นทีจะมิได้คุณชายชาวบ้านให้ความสนใจมากเกินไป อย่างไรเสียเราก็ต้องพิสูจน์ให้ชาวบ้านเห็นมิเช่นนั้นพวกนางเองนั่นละจะใช้ชีวิตลำบาก”
“เช่นไร?ข้าไม่เข้าใจในเมื่อสุนัขของนางไม่ใช่ปีศาจนางคือผู้บริสุทธิ์นางก็ควรจะกลับได้แล้ว”
“คุณชายหากเราไม่พิสูจน์ให้ชาวบ้านเห็นนางจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไรในเมื่อทุกคนคิดว่าพวกนางเลี้ยงปีศาจไว้ใช้งานแต่อันที่จริงข้ารู้ว่ามันไม่ใช่ปีศาจตั้งแต่ที่มันเดินผ่านรูปปั้นพยัคฆ์หน้าประตูกองปราบแล้ว”นางกับครอบครัวหากไม่พิสูจน์ให้ชาวบ้านเห็นเป็นตัวนางเองที่จะลำบากตามความเชื่อของชาวบ้านแม้มันไม่ใช่เรื่องจริงหากไม่ทำให้ชัดเจนนางจะลำบากไหนจะลูกๆของนางแล้วครรภ์นี้ผู้ใดเล่าจะกล้าทำคลอดให้กันอีกอย่างป้ายไม้ที่นางยื่นให้เขานั่นอีกหากคนผู้นั้นมาแล้วถามความเขาจะตอบว่าอย่างไรก่อนที่เขาจะมาเป็นมือปราบเขาเคยอาศัยหมู่บ้านจูมาก่อนคนในหมู่บ้านรู้ดีเจ้าของป้ายไม้นี่คือผู้ใด อย่างไรเสียจบเรื่องคราวนี้เห็นทีเขาต้องฝากฝังให้น้องสาวช่วยดูพวกนางหน่อยแล้ว
“ใต้เท้าข้าน้อยยินดีพิสูจน์เจ้าคะ เพื่อความบริสุทธิ์ใจ”หากนางยังโอ้เอ้อยู่นางกว่านางจะถึงหมู่บ้านคงมืดคำทำอันใดไม่ได้อีกแถมออกไปจากนี่จะมีใครกล้าไปส่งพวกนางเล่า โรงเตี๊ยมในเมืองจะกล้ารับพวกนางเข้าพักเหรอ
“งั้นเชิญที่ลานด้านหน้ากองปราบกันเชิญ”ฟ่านหยูฟ่านหัวหน้ามือปราบลุกขึ้นนำพลางผายมือเชิญเจ้าหยวนเฟิ่งออกไปด้วยกัน ตามด้วนนางและครอบครัวมือปราบอี้หยินและพี่น้องสามเหวิน
ลานด้านหน้ากองปราบ
บนแท่นตัดสินคดีมีสตรีตั้งครรภ์อุ้มลูกสุนัขตัวเท่าลูกหมูยืนเด่นอยู่ด้านบนข้างๆนางมีมือปราบอี้หยินส่วนที่ยืนด้านหน้านางคือหัวหน้ามือปราบฟ่านกับคุณชายเจ้าหยวนเฟิงส่วนมารดากับเด็กๆนางขอร้องไห้พวกเขาอยู่ด้านในไม่อยากให้เด็กๆมาเห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็น
“พ่อแม่พี่น้องทุกท่าน เป็นที่ทราบดีกันว่ามีคนกล่าวหา ครอบครัวนี้ว่าเลี้ยงสุนัขปีศาจหากข้าจะบอกว่าไม่ใช่ทุกท่านก็คงไม่เชื่อ “สิ้นเสียงประกาศของฟ่านหยูฟ่านเสียงอื้ออึงของชาวบ้านก็เริ่มขึ้นบางคนเห็นด้วยบางคนก็ไม่เห็นด้วยเสียงแตกแยกออกเป็นสองฝั่ง ไม่มีใครสนใจจะฟังมือปราบฟ่านกล่าวอีกเลย
“เงียบ!!แล้งจงฟัง!”เสียงดังปานสายฟ้าฟาดของเจ้าหยวนเฟิงที่ไม่รู้เอาพลังมาจากที่ใดเป็นผลให้ชาวบ้านเงียบในทันที
“เชิญใต้เท้าฟ่านต่อ”
“เอาละทุกคนคงอยากรู้แล้วสินะว่าสุนัขของนางเป็นปีศาจจริงหรือไม่”ฟ่านหยงฟ่านกล่าวก่อนที่มือปราบอีกคนจะถือกล่องไม้ขนาดใหญ่กว่าผลผิงกั่ว(แอปเปิล)นิดเดียวส่งให้ ฟ่านหยงฟ่านเปิดออกภายในเป็นลูกแก้วใสแวววาวส่องแสงสะท้อนแสงแดดยามเว่ยได้เป็นอย่างดี
“นี่คือผลึกลูกแก้วสวรรค์ที่บรรพบุรุษตระกูลเจ้ามอบให้กองปราบเป็นผู้ดูแล”
“ใต้เท้าแล้วมันจะพิสูจน์ได้จริงหรือ”หนึ่งในชาวบ้านเอ่ยถาม
“ใช้เลือดของข้าพิสูจน์”