Chapter 9 : ศึกชี้ชะตา I   1/    
已经是第一章了
Chapter 9 : ศึกชี้ชะตา I
ในที่สุดก็มาถึงเกมสุดท้าย... แสงไฟโฟโล่ไลท์ส่องตรงมายังสนามที่ๆผู้เข้าแข่งขันเกมสุดท้ายยืนรวมตัวกัน รอบๆสนามมืดมิดและมีแต่ความเงียบเท่านั้นที่อยู่เป็นกองเชียร์ -_-* มืดค่ำขนาดนี้คนอื่นๆก็คงจะแยกย้ายกันกลับบ้านหมดแล้วมั้ง ผู้เข้าแข่งขันได้รับเสื้อแจ็กเก็ตตามสีของทีมเรียบร้อยแล้ว ข้างหลังจะมีป้ายชื่อและชั้นปีของแต่ละคน เสื้อที่มีป้ายชื่อแบบนี้ทำให้ฉันนึกถึงเกมวาไรตี้ชื่อดังของประเทศเกาหลีใต้ขึ้นมาเลยล่ะ “ทำไมเกมสุดท้ายมันเงียบเหงาแบบนี้ล่ะ คนดูกลับกันหมดแล้วเหรอ”สายฟ้าที่ยืนอยู่ข้างๆฉันถามขึ้นอย่างอดสงสัยไม่ได้ “ฉันก็ไม่รู้” “เกมนี้ทำให้ฉันรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมายังไงไม่รู้สิ” “ฉันก็รู้สึกเหมือนกัน”ฉันว่าแล้วลูบป้ายชื่อที่ติดแน่นอยู่ข้างหลัง “เอาล่ะค่ะทุกคน ในที่สุดวันนี้เราก็ดำเนินมาถึงเกมสุดท้ายของเรากันแล้ว” พิธีกรสาวเริ่มทำหน้าที่ตัวเองอีกครั้ง ใบหน้าสวยจ้องมองไปที่กล้องซึ่งกำลังถ่ายพวกเราอยู่เหมือนทุกเกมที่ผ่านมาเพื่อที่จะถ่ายทอดสดไปตามห้องต่างๆที่เตรียมไว้ซึ่งฉันก็ไม่เข้าใจว่าพวกเขาจะถ่ายไปให้ใครดูก็ในเมื่อคนดูอันตรธานหายไปหมดแล้ว “ใช่แล้วล่ะครับคุณโมเม” “เกมวันนี้สนุกมากจริงๆนะคะคุณเติ้ลตอนนี้เรามาสรุปผลคะแนนกันดีกว่า ทีมสีฟ้ามี 6 แต้ม”พี่โมเมพูดเสียงตื่นเต้นเพื่อดึงบรรยากาศให้กลับมาครึกครื้น “เย้ วี๊ดวิ๊วววว~”เสียงเฮ เสียงเป่าปากและเสียงปรบมือจากทีมสีฟ้าดังขึ้นอย่างร่าเริง และอาจจะเพื่อข่มคู่แข่งอย่างทีมสีชมพูด้วยเช่นกัน “ทีมสีชมพูมี 5 แต้มมมม” ทีมสีชมพูก็ร้องเฮ และตบมือดังเกรียวกราวไม่แพ้กันเพื่อบ่งบอกว่าถึงแม้คะแนนเราจะตามแต่เราก็ไม่เคยคิดที่จะกลัว “ทีมสีฟ้ามีคะแนนนำทีมสีชมพูอยู่ 1 คะแนนนะครับ เอาเป็นว่าเราเริ่มเข้าเรื่องของเราเลยดีกว่านะ ในที่นี้มีใครรู้จักวาไรตี้ชื่อดังของประเทศเกาหลีใต้อย่างรายการรันนิ่งแมนบ้างมั้ยเอ่ยยยย”พี่เติ้ลถามเสียงร่าเริงชวนให้ตื่นเต้น เรียกเสียงฮือฮาจากทุกคนได้เป็นอย่างดี อย่าบอกนะว่า... “เกมสุดท้ายของวันนี้เราจะเลียนแบบรายการรันนิ่งแมนนั่นเองค่ะ แต่เราไม่มีตากล้องคอยวิ่งตามเหมือนดาราในรายการนะคะ สถานที่เล่นเกมของเราก็คือตึกคณะบริหารธุรกิจ เกือบทุกห้องและทุกมุมสำคัญๆเราได้ทำการติดตั้งกล้องไว้หมดแล้ว ภาพจากกล้อง CCTV จะถูกถ่ายทอดสดไปยังหอประชุมแบบ Real time ซึ่งตอนนี้คนดูคงจะนั่งลุ้นดูพวกคุณจนที่นั่งไม่เหลือแล้วก็ได้นะคะ” ฉันเดาถูกจริงๆ ฉันรู้สึกตงิดๆมาตั้งแต่เสื้อมีป้ายชื่อนี่แล้ว(-..-) รายการรันนิ่งแมนเป็นรายการโปรดฉันเลยล่ะ เรียกว่าดูทุกตอนก็ว่าได้ ส่วนคนดูก็ย้ายไปรอชมการแข่งขันเกมสุดท้ายที่หอประชุมกันหมดนี่เอง ถึงว่าสิ เกมสุดท้ายแบบนี้มันต้องมีอะไรพิเศษ คนดูไม่น่าพลาดแล้วอีกอย่างตอนนี้ก็ยังไม่ดึกนะ ในรายการรันนิ่งแมนน่ะ ฉันว่าเวลาซ่อนหากันตากล้องก็มีส่วนที่ทำให้ศัตรูหาเราเจอเวลาที่เราซ่อนนะ ฉันว่าไม่มีตากล้องแบบนี้สะดวกเวลาซ่อนตัวดี พูดแล้วก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้แฮะ( กลับมาฟังพี่เติ้ลอธิบายเกมกันต่อ... “ผมว่าไม่มีที่เหลือให้นั่งเลยล่ะมั้งครับคุณโมเม เรามาอธิบายกติกาของเกมกันต่อดีกว่านะครับ สำหรับทีมที่ได้คะแนนนำหรือก็คือทีมสีฟ้าจะได้รับสิทธิพิเศษให้เลือกเล่นเกมก่อนนะครับ ว่าพวกคุณจะเป็นฝ่ายไล่ล่าหรือฝ่ายทำภารกิจ เชิญปรึกษากันได้เลยครับ” สิ้นเสียงพี่เติ้ลเท่านั้นแหละ ทีมสีฟ้าก็จับกลุ่มประชุมกันใหญ่เลย ไม่นานพวกเขาก็ได้คำตอบที่เป็นเอกฉันท์ “พวกเราขอเป็นฝ่ายไล่ล่าครับ”ตัวแทนกลุ่มอย่างไบรอันตอบเสียงหนักแน่น “โอเคครับ แสดงว่าทีมสีชมพูเป็นฝ่ายทำภารกิจ ตอนนี้ขอเชิญให้ทีมไล่ล่าทุกคนผูกกระดิ่งติดกับรองเท้าคุณให้เรียบร้อยด้วยนะครับ” พี่สตาฟฟ์สามคนวิ่งเอากระดิ่งขนาดไม่ใหญ่และไม่เล็กจนเกินไปมาแจกให้ทีมสีฟ้า ทีมสีชมพูได้แต่แอบบ่นแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะคะแนนเราเป็นรอง ใครที่ดูรายการรันนิ่งแมนจะรู้ว่าส่วนใหญ่ทีมไล่ล่าจะได้เปรียบมาก เพราะไม่ต้องคอยหลบๆซ่อนและคอยหวาดกลัวตอนทำภารกิจ “คะแนนที่พวกคุณสะสมกันมาก็แค่มีไว้เพื่อให้คนชนะเลือกว่าจะเป็นผู้ไล่ล่าหรือว่าเป็นผู้ทำภารกิจ และผู้ที่ชนะในเกมนี้ก็คือผู้ชนะอย่างแท้จริงค่ะ” เสียงพูดคุยอย่างฮือฮาดังขึ้นทันทีที่พี่โมเมประกาศจบประโยค เหมือนมีแสงไฟแห่งความหวังของฉันจุดประกายขึ้นมาทันที งั้นแสดงว่าฉันมีสิทธิ์ที่จะชนะเกมนี้ได้อย่างนั้นสินะ... ฉันหันไปสบกับนัยน์ตาสีดำทรงพลังที่มองฉันอยู่ก่อนแล้วอย่างหยั่งเชิง ไบรอันเพียงแค่กระติกยิ้มมุมปากนิดๆ เป็นนัยๆว่าเกมนี้เขาจะไม่อ่อนข้อให้ฉันอย่างที่เขาเคยพูดไว้แน่ๆ และฉันก็ไม่หวังให้เขามาอ่อนข้อให้หรอก ฉันเหยียดยิ้มร้ายไปให้เขาเพื่อบอกว่าฉันก็จะไม่ยอมแพ้เขาง่ายๆเหมือนกัน “แน่นอนครับว่าทีมไล่ล่าสามารถขัดขวางไม่ให้ทีมคู่แข่งทำภารกิจสำเร็จได้โดยการดึงป้ายชื่อที่ติดอยู่ข้างหลังพวกเขาออกและคนที่ถูกดึงป้ายชื่อออกก็จะออกจากเกมทันที อ้อ แล้วอย่าลืมโชว์ป้ายชื่อที่ดึงออกให้กล้องนะครับเพื่อที่สตาฟฟ์ของเราจะได้ประกาศชื่อคนออก” กติกาของเกมที่พี่เติลอธิบายมานั้นมันเป็นเกมที่ค่อนข้างแสดงความได้เปรียบเสียเปรียบออกมาชัดเจนมาก แต่ทีมฉันก็ไม่มีสิทธิ์คัดค้านอะไรได้อยู่ดี “เกมนี้เราจะกำหนดเวลาไว้ที่ 1 ชั่วโมงนะคะ ทีมทำภารกิจต้องทำภารกิจให้สำเร็จภายในเวลาที่กำหนด เกมจะจบลงทันทีเมื่อทำภารกิจสำเร็จ หรือฝ่ายไล่ล่ากำจัดทีมภารกิจหมดทุกคน” “เราจะปล่อยตัวทีมทำภารกิจไปก่อน ที่นั่นจะมีคนมอบภารกิจให้พวกคุณอยู่ และ 10 นาทีต่อมาเราก็จะปล่อยทีมไล่ล่าออกไปกำจัดพวกคุณ” “เอาล่ะค่ะ ตอนนี้ เริ่มเกมได้!” ปรี๊ดดดดดดดดดดดด~ พอพี่โมเมพูดจบประโยคพี่เติ้ลก็เป่านกหวีดทันที เท่านั้นแหละฝูงลิงสีชมพูก็วิ่งอย่างเอาเป็นเอาตายมุ่งหน้าไปยังตึกคณะบริหารฯทันที ระยะทางจากที่นี่ไปที่นั่นค่อนข้างไกลพอสมควร วิ่งแบบนี้เล่นเอาเหนื่อยมากเหมือนกันนะ ถือเป็นการตัดกำลังกันทางอ้อมเลยนะเนี่ย “เกมนี้เราเสียเปรียบชัดๆเลย กำจัดพวกนั้นก็ไม่ได้ มีทางเดียวที่เราจะทำได้คือต้องทำภารกิจให้เร็วที่สุด” สายฟ้าที่วิ่งอยู่ข้างๆบ่นเป็นชุดเขาเป็นคนนิสัยดีคนหนึ่งเลยล่ะ ดูอย่างตอนนี้เขาก็มาคอยอยู่เป็นเพื่อนฉันทั้งๆที่เขาจะวิ่งนำหน้าฉันไปก็ยังได้ “ใช่แล้วล่ะ ไม่ว่ายังไงเกมนี้ฉันจะต้องชนะเขาให้ได้”ฉันบอกอย่างมุ่งมั่นสุดๆ “ใครเหรอ??” “ไม่มีอะไรหรอก ฉันก็พูดไปงั้นแหละ เราไปรับภารกิจกันเถอะ” คำถามของสายฟ้าทำให้ฉันรู้ว่าฉันหลุดในสิ่งที่ไม่สมควรพูดออกไปก่อนที่ฉันจะเบี่ยงไปประเด็นอื่นเมื่อเหลือบไปเห็นเพื่อนๆหลายคนไปยืนออรวมกันอยู่ที่คนให้ภารกิจจนเกือบครบแล้วและสายฟ้าก็ไม่ได้ถามอะไรฉันต่อ เมื่อทุกคนมารวมตัวกันครบแล้ว สภาพทุกคนในตอนนี้ไม่ต่างกันนัก คือยืนหอบจนลิ้นห้อยเพราะมันเหนื่อยเอามากๆ “ให้ทีมภารกิจหากล่องสีดำเล็กๆที่ถูกซ่อนอยู่ตามห้องต่างๆให้เจอ ภายในนั้นมีคำใบ้และมีสิ่งที่ทำให้พวกคุณสามารถกำจัดทีมไล่ล่าได้” เพื่อนที่ชื่ออะตอม จากคณะวิทยาศาสตร์ (ดูจากป้ายชื่อข้างหลังเขาน่ะ) เดินไปเอาภารกิจจากพี่สตาฟฟ์คนหนึ่งที่เป็นคนให้ภารกิจมาอ่านดังๆให้เพื่อนๆได้ฟัง ทุกคนหันมองหน้ากันเลิกลั่กพร้อมกับคำถามหลายร้อยคำถามที่ถามกันไม่หยุด แต่แล้ว... กรุ้งกริ่งๆๆๆ~ เสียงกระดิ่งที่ดังมาแต่ไกลเป็นเครื่องบอกว่าสัญญาณชีวิตพวกเราเหลือน้อยเต็มที ไม่รอช้าทุกคนก็แยกย้ายกันไปหากล่องเล็กๆสีดำทันที ฉันเลือกที่จะวิ่งขึ้นมาชั้น 2เพื่อนๆในทีมสิบกว่าคนกระจายไปตามห้องต่างๆทั้งหกชั้นของตึก ฉันกับสายฟ้าแยกกันไปหา เขาวิ่งขึ้นไปชั้น 3 แล้ว ชักช้าไม่ได้การ ฉันต้องเข้าไปหาสักห้อง... คิดได้อย่างนั้นฉันก็พุ่งเข้าไปในห้องๆหนึ่งที่อยู่ใกล้ที่สุด ภายในห้องมีเพียงโต๊ะเรียนกับเก้าอี้ที่จัดอย่างเป็นระเบียบ ฉันเดินเข้าไปหาที่โพเดียมหน้าห้องเรียนแต่ก็ไม่เจอกล่องสีดำอย่างที่ตามหา ฉันเปลี่ยนเป้าหมายมาก้มหาตามใต้เก้าอี้แทน และฉันก็ได้แต่ความผิดหวัง ปกติฉันเป็นคนหาของไม่ค่อยเก่งอยู่แล้ว แต่หวังว่าวันนี้โชคจะเข้าข้างฉันบ้าง... และฉันก็ไม่ได้โชคร้ายเสมอไป ในจังหวะที่ฉันจะเดินออกจากห้องนี้ก็หันไปเห็นกล่องสีดำเล็กๆวางอยู่บนตู้หนังสือใกล้กับประตู ฉันวิ่งไปยังที่หมายทันทีแต่เหมือนฉันจะเตี้ยเกินไปจึงเอื้อมไม่ถึง(_ _); ฉันยกเก้าอี้ตัวที่อยู่ใกล้ที่สุดมาอย่างเบามือก่อนที่ฉันจะขึ้นไปยืนบนนั้นแล้วเอื้อมมือไปหยิบกล่องสีดำใบนั้นมาเปิดดูสิ่งที่อยู่ข้างในอย่างไม่รีรอ ปรากฏว่า...สิ่งที่อยู่ข้างในคือความว่างเปล่า “อะไรกันเนี่ย”ฉันโพล่งขึ้นอย่างหงุดหงิด ลองเป็นแบบนี้แสดงว่ากล่องแบบนี้มันก็ต้องมีเยอะมากแน่เลย ให้ตายสิ! แล้วเมื่อไหร่จะทำภารกิจสำเร็จกันนะ กรุ้งกริ้งๆๆ~ “...!!!” ฉันตกใจแทบสิ้นสติเมื่อเสียงกระดิ่งมรณะดังลอดบานประตูมาเข้าหู ขืนฉันยืนหัวโด่แบบนี้ได้ออกจากเกมคนแรกแน่!! ฉันรีบเก็บเก้าอี้ไว้ตามเดิมพยายามไม่ให้เกิดเสียงมากที่สุด หันซ้ายหันขวาพยายามหาที่ซ่อนเพราะถ้าขืนวิ่งทะเล่อทะล่าออกจากห้องไปตอนนี้มีหวังโดนดึงป้ายชื่ออย่างไม่ต้องสงสัย สุดท้ายฉันจึงอาศัยข้อดีของการเกิดมาตัวเล็กมุดเข้าไปชั้นใต้สุดของตู้หนังสือที่พอมีที่ว่างให้ฉันเข้าไปได้ ทุกคนที่เห็นอาจจะตกใจที่ฉันสามารถยัดตัวเองเข้าไปในนี้ได้ยังไง แต่ถ้ามาอยู่ในสถานการณ์คับขันแบบฉัน ฉันว่าหลายๆคนก็คงจะทำแบบฉันได้แน่ เมื่อเข้าไปอยู่ในตู้เรียบร้อยฉันก็ไม่ลืมที่จะปิดประตูและเอากล่องสีดำติดมือมาด้วยเพราะถ้าเอาไว้ข้างนอกทีมไล่ล่าก็จะเห็นและรู้ว่าทีมภารกิจกำลังตามหาอะไรอยู่ และนั่นอาจจะเป็นจุดจบของทีมฉันก็ได้ แอ๊ดดด~ ฉันถึงกับกลั้นหายใจทันทีที่ใครบางคนเปิดประตูเข้ามาในห้อง เสียงกระดิ่งดังก้องทั่วห้องตามจังหวะการก้าวท้าว เมื่อคนๆนั้นเดินใกล้เข้ามาที่ๆฉันซ่อนอยู่เสียงหัวใจฉันตอนนี้มันดังกว่าคนตีกลองซะอีก จนฉันกลัวว่ามันจะเด้งออกมาเต้นให้คนที่อยู่ข้างนอกนั่นได้ยิน แม่จ๋า!! ช่วยเมลล์ด้วยยยย T[ ]T ___________________________________________ ภายในหอประชุม... ภายในหอประชุมใหญ่แห่งนี้ ทุกที่นั่งเต็มไปด้วยเหล่านิสิตและเหล่าอาจารย์บางท่านที่สนใจชมการแข่งขันเกมสุดท้ายของงาน Family Games ครั้งที่ 8 หน้าเวทีมีจอมอนิเตอร์ขนาดยักษ์ 3 จอวางเรียงกันอยู่ ในจอนั้นเป็นภาพบรรยากาศที่ตึกคณะบริหารฯตามที่ได้มีการติดตั้งกล้องไว้ ภาพจากกล้องทุกตัวคมชัดทั้งภาพและเสียง บรรยากาศในหอประชุมตอนนี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ทุกคนคอยลุ้นกับทีมที่ตัวเองเชียร์อย่างสุดใจ เหมือนกับน้ำว้าที่นั่งเชียร์เมลล์อย่างใจจดใจจ่อในตอนนี้ “นี่เธอจะอินเกินไปรึเปล่า ตื่นเต้นอย่างกับไปลงแข่งเอง”คอปเตอร์ แฟนหนุ่มน้ำว้าอดไม่ได้ที่จะหันไปแขวะร่างบางข้างกายอย่างขำๆ “ก็คนมันตื่นเต้นนี่”น้ำว้าตอบทั้งๆที่ดวงตากลมโตไม่ยอมละไปจากจอภาพจากกล้องตัวหนึ่งที่กำลังฉายภาพในห้องที่เมลล์เข้าไปซ่อนตัวอยู่ หลายๆคนที่เห็นภาพจากล้องตัวที่น้ำว้ากำลังดูอย่างไม่ละสายตาไปไหนนั้นต่างก็ประหลาดใจที่เมลล์สามารถเข้าไปหลบอยู่ในตู้ใส่หนังสือเล็กๆได้ นี่แหละมั้งข้อดีของคนตัวเล็ก “ไม่นะ...” น้ำว้าครวญครางเบาๆ เมื่อเธอเห็นผู้หญิงคนหนึ่งของทีมสีฟ้าเปิดประตูเข้าไปในห้องที่เมลล์ซ่อนตัวอยู่หลังจากที่คนตัวเล็กเพิ่งจะปิดประตูตู้ได้แค่ 3 วินาทีเท่านั้น ป้ายชื่อที่ติดอยู่ข้างหลังผู้บุกรุกโชว์หราว่าเธอชื่อมายด์ จากคณะพยาบาล มายด์เดินช้าๆไปทั่วห้องโดยหารู้ไม่ว่าเมลล์ซ่อนตัวอยู่ในตู้ที่เธอเดินไปหยุดอยู่ตรงนั้น เธอมองไปรอบห้องอีกครั้งเพื่อหาที่ๆคนสามารถซ่อนได้ และมันก็มีที่เดียวก็คือในตู้ที่เธอยืนอยู่ใกล้ๆนั่นเองทั้งๆที่แอบคิดในใจว่าถ้าไม่ตัวเล็กจริงๆก็เข้าไปไม่ได้เด็ดขาด มือเรียวสวยเอื้อมไปเพื่อจะเปิดตู้นั้น ทว่า...
已经是最新一章了
加载中