ตอนที่ 8
หลังออกจากรอยัล ไพรด์ อัยย์ญาดาก็รีบกลับมาหาหัวใจดวงน้อยที่ธอฝากไว้กับป้าเฟื่องฟ้าที่บ้านไม้สองชั้นซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของเธอไปเพียงไม่กี่หลังและเมื่อไปถึงก็พบเจ้าของบ้านซึ่งเป็นหญิงวัยกลางคนเปิดประตูรั้วออกมาพอดี พอเห็นหน้าหญิงสาวป้าเฟื่องฟ้าก็เอ่ยขึ้นว่า
“อ้าว...หนูอัยย์ ทำไมกลับเร็วจัง ไหนบอกป้าว่าอาจจะกลับมาเย็น ๆ นี่มันยังไม่ทันจะบ่ายสามเลยนะ”
“ค่ะ...หนูเสร็จธุระแล้วก็เลยรีบกลับ”
“เหรอจ๊ะ...แล้วเป็นไงบ้าง ตกลงว่าหนูได้ทำงานที่ใหม่แล้วใช่ไหม โอ๊ย...โรงแรมนั่นหรูหราจะตาย แล้วเห็นว่าได้เป็นเลขาเจ้านายใหญ่ด้วยนี่ไม่ใช่เหรอ”
อัยย์ญาดาแค่นยิ้มเพราะไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร ตลอดทางที่กลับมาก็คิดอยู่ตลอดเวลาว่าเธอกำลังพบปัญหาหนักอึ้ง เธอได้งานใหม่และต้องเผชิญปัญหาใหญ่อย่างที่ตัวเองก็คาดไม่ถึง ทว่ายังไม่ทันได้ตอบอะไรกลับไปก็ได้ยินเสียงแหลมเล็กของอรินลดาที่วิ่งปรี่ออกมาเกาะขามารดาไว้แน่น
“แม่จ๋า...แม่จ๋ากลับมาแล้ว”
เด็กหญิงกระโดดโลดเต้นจนหญิงสาวต้องช้อนร่างนั้นขึ้นอุ้มและหอมแก้มยุ้ยหนึ่งฟอดพร้อมทั้งบอกว่า
“ค่ะ...แม่จ๋ากลับมาแล้ว เรากลับบ้านกันนะคะ”
“แม่จ๋าๆ น้องเอ๋ยอยากกินไข่ดาว”
“ป้าทำให้น้องเอ๋ยกินไปรอบหนึ่งละ นี่หิวอีกแล้วเหรอลูก”
ป้าเฟื่องฟ้าพูดอย่างเอ็นดู หญิงวัยกลางคนหน้าตาใจดีเป็นผู้เอื้ออารีอัยย์ญาดาและครอบครัวตั้งแต่เธอย้ายมาอยู่ที่นี่ ซอยเล็ก ๆ ในหมู่บ้านที่หญิงสาวรู้จักและคุ้นเคยเพียงไม่กี่คน เวลามีธุระอย่างเช่นตอนนี้ที่เธอต้องไปเฝ้ามารดาที่โรงพยาบาลก็ต้องฝากลูกสาวไว้กับคุณป้าใจดีที่เอื้ออาทรในทุกเรื่อง อัยย์ญาดาวางลูกสาวลงและยกมือไหว้ป้าเฟื่องฟ้า
“ขอบคุณมากนะคะ หนูรบกวนป้าอยู่บ่อย ๆ เกรงใจเหลือเกิน”
“ไม่เป็นไรหรอก เราคนบ้านใกล้เรือนเคียง แล้วนี่วันนี้จะแวะไปโรงพยาบาลหรือเปล่า”
“คิดว่าคงไม่ค่ะ คงต้องเป็นพรุ่งนี้เพราะอัยย์ไม่อยากรบกวนคุณป้าต้องคอยดูแลน้องเอ๋ยนาน ๆ “
“แล้วพรุ่งนี้ต้องเริ่มทำงานนี่ไม่ใช่เหรอ”
“แม่จ๋าจาไปทำงานที่หนาย?”
อรินลดาถามขณะเขย่ามือมารดาเบา ๆ อัยย์ญาดาหันมายิ้มอ่อนและบอกว่า
“ก็...ที่โรงแรมที่แม่จ๋าพาน้องเอ๋ยไปตอนเย็นเมื่อวานไงจ๊ะ”
เด็กหญิงทำท่าคิดก่อนจะทำหน้าเหมือนนึกขึ้นได้
“อ๋อ...ที่นั่น...แม่จ๋า...ที่ป๋าโอมอยู่ใช่ไหม”
“อะไรนะคะน้องเอ๋ย...ป๋าโอมไหน”
“ก็ป๋าโอม...ผู้ชายที่...ชื่อเหมือนป๊ะป๋าของน้องเอ๋ยไงคะแม่จ๋า”
อรินลดาตอบอย่างไร้เดียงสาหากทว่าอัยย์ญาดากลับตระหนกต่อคำพูดแสนซื่อนั้น เธอนิ่งนึกแต่พยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าลูกสาวได้เจอกับ คนคนนั้น ตอนไหน แต่ตอนนี้สำคัญเหนืออื่นใดคือเธอเริ่มเกิดความหวั่นกลัวแต่รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติและหันไปพูดกับป้าเฟื่องฟ้าว่า
“ถ้าอย่างนั้นหนูขอลากลับก่อนนะคะ”
“จ้ะ...แล้วถ้าเกิดว่ามีธุระปะปังจะไปไหนก็เอาน้องเอ๋ยมาฝากไว้กับป้าก่อนก็ได้นะจ๊ะ”
หญิงสาวยกมือไหว้อีกครั้งก่อนจูงมือลูกสาวตัวน้อยแล้วเดินลิ่วกลับบ้านด้วยความเร่งรีบจนเด็กหญิงต้องยกมือเกาหัวแล้วถามว่า
“แม่จ๋า...แม่จ๋าเดินช้าๆ...น้องเอ๋ยเดินไม่ทัน”
“ถ้าอย่างนั้นแม่จ๋าอุ้มน้องเอ๋ยก็แล้วกันนะ”
อัยย์ญาดาช้อนร่างน้อยขึ้นอุ้มแล้วเดินกลับบ้านด้วยอาการลุกลี้ลุกลนแต่อรินลดาอ่อนเดียงสาเกินกว่าจะเข้าใจความรู้สึกของแม่ว่าตอนนี้หัวใจดวงนั้นทั้งหวาดหวั่นแต่ตื่นตกใจมากแค่ไหน ทุกอย่างเหมือนวงกลม วุ่นวนและทำให้เธอสับสนจนแทบควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ถ้าเป็น เขา จริง ๆ แล้วเขาจะนึกเอะใจหรือไม่ ถ้าไม่รู้ก็แล้วไปแต่ถ้าเกิดเขารู้ขึ้นมาจะเกิดอะไรต่อไปในเมื่อเธอไม่อาจหยั่งเห็นความคิดของใครคนนั้นซึ่งบัดนี้แตกต่างไปจากคนคนเก่าที่เธอเคยรู้จักลิบลับยิ่งกว่าฟ้ากับเหว หญิงสาวน้ำตาคลอหน่วยขณะเดินเข้าบ้านซึ่งเป็นทาวเฮาส์ชั้นเดียวที่ครอบครัวย้ายมาอยู่ได้เกือบสามปี เมื่อปิดประตูลงกลอน มันทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาได้เล็กน้อยโดยไม่รู้เลยว่ากำลังกลัวอะไรอยู่กันแน่