บทที่ 7 ข้าเกลียดเจ้า!
1/
บทที่ 7 ข้าเกลียดเจ้า!
เทพบุตรเงา
(
)
已经是第一章了
บทที่ 7 ข้าเกลียดเจ้า!
เจ้าชายไมเซรินุสชื่นชมพระบิดาที่ทรงรักษาพระวรกายได้ดี แผงกล้ามและหน้าท้องยังเรียบตึง พระเกษายังดกดำยาวสลวยไม่มีสีขาวแซมแม้สักนิด แววตาที่อ่อนโยนอยู่เสมอแม้จนบัดนี้ก็ยังเหมือนเดิม “ไมเซรินุส!” ฟาโรห์อเมโนฟิสคลี่ยิ้มกว้างเมื่อได้พบพระโอรสคนรองเป็นครั้งแรกในรอบแปดปี “ถวายบังคมเสด็จพ่อ” ไมเซรินุสย่อตัวลงคำนับพระบิดาซึ่งเอื้อมพระหัตถ์มาจับไหล่ของเขาให้ลุกขึ้นในทันที แล้วร่างสูงก็ถูกสวมกอดราวกับว่าเขายังเป็นเด็กตัวเล็กๆ “เจ้าชายน้อยของพ่อโตเป็นหนุ่มแล้ว” ทรงดันร่างของพระโอรสออกห่างแล้วกวาดสายตามองอย่างพินิจพิเคราะห์ “ดูเหมือนจะสูงและคล้ำกว่าพ่อกับโอซิริสนิดหน่อย ไม่ผิดเลยที่ท่านแม่ทัพบอกว่าลูกเป็นชายชาตรีที่น่าเกรงขามที่สุด อย่างนี้พ่อก็วางใจที่จะให้ลูกปกครองอียิปต์” “อะไรนะครับเสด็จพ่อ!?” ไมเซรินุสไม่แน่ใจว่าตัวเองหูฝาดหรือตีความหมายผิดไปหรือเปล่า เพราะสิ่งที่พระบิดาพูดนั้น เป็นเรื่องที่เขายังไม่เคยคิดถึงมันมาก่อนเลย “เข้าไปคุยกันข้างในดีกว่า พ่ออยากให้เจ้าเล่าเรื่องสนุกๆ ที่เทเบให้ฟังก่อนเริ่มงานเลี้ยงต้อนรับ” อเมโนฟิสเดินนำบุตรชายเข้าไปข้างในวิหาร เมื่อถึงห้องเสวย ทั้งทหารติดตามและเหล่านางกำนัลต่างก็ยืนรออยู่อย่างรู้หน้าที่ ไมเซรินุสนั่งเก้าอี้ประจำทางซ้ายมือของพระบิดาที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ ส่วนโอซิริสนั่งอยู่ทางขวามือ อาหารชั้นเลิศถูกจัดวางในสัดส่วนพอเหมาะพอเจาะ ยังไม่ทันจะเริ่มเสวย ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง เจ้าชายน้อยหันไปมองเพราะคิดว่าแม่ทัพฮูร์เร็มได้รับเชิญให้ร่วมโต๊ะด้วย ครั้นเมื่อเห็นคนที่ก้าวผ่านประตูเข้ามา ดวงตาก็แทบจะถลนออกมานอกเบ้า “อาเซน่า!!” เขาไม่ได้เรียกชื่อของเธอ หากแต่อุทานอยู่ในใจ และประหลาดใจเป็นอันมากที่แม้เวลาจะผ่านไป ชื่อของเธอก็เป็นดั่งเงาติดตามเขาไปทุกหนทุกแห่ง ยิ่งกว่าท่านหญิงคาเรห์ที่ทำให้เขาฝังใจเจ็บมาจนทุกวันนี้ เธอมิได้เปลี่ยนไปเลยยกเว้นรูปร่างที่ดูมีน้ำมีนวลขึ้น ไม่ได้ผอมกะหร่องเหมือนตอนเด็กๆ ผมดกดำหยักศกยาวถึงแค่ปลายคาง คาดด้วยผ้ารัดศีรษะสีดำดูทะมัดทะแมงราวกับเด็กผู้ชาย หากแต่ก็ขับให้เห็นแก้มป่องๆ กับดวงตากลมโตได้ชัดเจน แวบหนึ่งที่เขาเห็นดวงตาของเธอไหววูบเมื่อเผลอสบตากับเขา หากแล้วเธอก็เสมองไปทางโอซิริส และนั่นทำให้เขานึกได้ว่า เธอเป็นเพื่อนกับพี่ชายเขา ส่วนเขานั้นเป็นคนอื่น “ฝ่าบาททรงลืมพระโอสถเพคะ” เสียงที่ใสราวกับระฆังแก้วเอื้อนเอ่ยออกมา เจ้าชายไมเซรินุสเพิ่งจะมองเห็นถาดใบหนึ่งที่อยู่ในมือของเธอ มีเหยือกโอสถและแก้ววางอยู่บนถาดนั้นด้วย “เรามัวแต่ดีใจที่ได้พบไมเซรินุส แต่ก็รู้ว่าเจ้าไม่มีวันลืมเราแน่ๆ” เจ้าชายน้อยหันไปมองพระบิดาที่ดูจะทอดเสียงอ่อนโยนในประโยคท้ายเป็นพิเศษ แล้วเขาก็เห็นหญิงสาวเดินผ่านหลังเขาไป ก่อนจะวางถาดลงบนโต๊ะ และเทยาต้มจากเหยือกใส่ในแก้ว เสด็จพ่อเป็นอะไร? ทำไมต้องกินยาก่อนอาหาร? แล้วแม่นี่ ได้รับเกียรติให้ดูแลพระองค์ตั้งแต่เมื่อไหร่? “เจ้าก็กินเสียสิไมเซรินุส นี่เป็นของชอบของเจ้าทั้งนั้นเลย” เจ้าชายโอซิริสรีบดึงความสนใจจากน้องชาย ซึ่งกำลังหรี่ตามองอาเซน่าด้วยความหวาดระแวง สงสัย ใคร่รู้ “ข้าจะรอเสด็จพ่อก่อน” ไมเซรินุสไม่สนใจอาหาร หากแต่กำลังจ้องมองพระบิดาและอาเซน่าที่ดูจะสนิทสนมกันเป็นพิเศษ “ขอบใจมาก ว่าแต่เจ้ากินอะไรมาหรือยัง?” อเมโนฟิสไม่ได้หันไปมองบุตรชายแม้แต่แวบเดียว แต่กลับตรัสถามหญิงสาวอย่างเอาใจใส่ “เพคะ”อาเซน่าตอบสั้นๆ รู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ กับเหมือนโดนปลายดาบจี้อยู่บริเวณต้นคอ รับรู้ถึงสายตาทิ่มแทงของเจ้าชายไมเซรินุสที่อยู่ข้างหลัง “หม่อมฉันขออนุญาตไปห้องหนังสือก่อนนะเพคะ” “ไปเถอะ เราจะให้เจ้าพักหนึ่งวัน” “แต่...” “ไม่เป็นไร เราไม่ได้หักโหมเสียหน่อย” “เพคะ แต่ถึงอย่างไร หม่อมฉันก็จะไปดูเพื่อความแน่ใจนะเพคะ” อาเซน่าไม่ยอมแพ้ ถวายคำนับแล้วยกถาดยาออกไปโดยไม่เหลือบมองพระโอรสทั้งสองของพระองค์แม้แต่นิดเดียว “เสด็จพ่อไม่สบายหรือครับ?” ไมเซรินุสเปิดฉากถามทันทีเมื่อไม่มีบุคคลภายนอกอยู่ในห้อง “เปล่าหรอก นั่นเป็นยาบำรุงธรรมดา ข้าเองก็กินเป็นประจำเหมือนกัน” โอซิริสตอบแทนพระบิดา เพราะกลัวว่าอาหารมื้อนี้จะกร่อย แค่เห็นสายตาที่น้องชายมองอาเซน่า เขาก็รู้ได้ทันทีว่าชายหนุ่มไม่พอใจเท่าใดนัก “พ่อแข็งแรงดี เรากินไปด้วยคุยกันไปด้วยดีไหม เดี๋ยวอาหารจะเย็นเสียก่อน” แม้พระบิดาและโอซิริสจะทำเหมือนทุกอย่างเป็นกิจวัตรประจำวัน หากแต่ผู้ซึ่งถูกส่งไปอยู่ที่อื่นนานถึงแปดปี กลับรู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย หรือเป็นเพราะเขาอยู่ในสนามรบมากเกินไป และถูกฝึกให้เป็นคนช่างสังเกต จึงเกิดอาการระแวงได้มากกว่าคนอื่นๆ ครั้นเมื่อเห็นพระบิดาและพี่ชายฝาแฝดพูดคุยกันอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส เขาก็สลัดความกังวลใจออกไป แล้วหันไปวิเคราะห์ท่าทีของเสด็จพ่อกับเจ้าเด็กเหลือขอนั่นแทน ตั้งแต่วันที่เขาแต่งตั้งให้เธอเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่ง ชีวิตของเขาก็ห่างเหินจากเธอออกไป เธอเรียนอย่างคร่ำเคร่ง เขาเองก็ฝึกภาคสนามอย่างหนักเช่นกัน กว่าที่เขาจะได้กลับไปร่ำเรียนเขียนอ่าน โอซิริสกับเธอก็ข้ามขั้นไปเรียนวิชาแพทย์กันแล้ว “ข้าไม่ได้รักเจ้าชาย ข้า..ข้าไม่ชอบคนอ้วน ข้าจะแต่งงานกับคนที่เหมือนกับท่านอเมโนฟิสเท่านั้น” เจ้าชายไมเซรินุสหลับตา แล้วก็เบิกดวงตาวาวโรจน์ขึ้นมาทันใด เมื่อนึกถึงคืนสุดท้ายก่อนที่เขาจะออกเดินทางไกลไปเทเบ เพื่อล่ำลาเด็กหญิงคนเดียวที่เขาอยากจะเป็นเพื่อนด้วย หากแต่คำตอบที่ได้รับกลับเป็นคำที่สร้างความอัปยศอดสูให้กับเขายิ่งยวด “หรือว่า...เธอกับเสด็จพ่อ?” อาเซน่านั่งขลุกอยู่ในห้องหนังสือ เธอไม่มีสมาธิกับการอ่านเลยแม้แต่น้อย เพราะยังหวาดกลัวและตื่นเต้นไม่หายกับการกลับมาของเจ้าชาย แม้จะทราบข่าวจากฟาโรห์มาแล้วล่วงหน้า แต่เมื่อได้สบตากับพระองค์จังๆ ก็พาลแข้งขาอ่อนมือไม้สั่นไปหมด วินาทีที่เธอเดินผ่านไปและหันหลังให้พระองค์ เธอรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั่วร่างกับสายตาที่แสดงความเกลียดชังต่อเธออย่างเปิดเผย แม้พระพักตร์นั้นจะเหมือนกันกับเจ้าชายโอซิริสที่ได้พบเห็นทุกวัน แต่ทำไมเธอจึงกลัวสายตาคู่นั้นนักก็ไม่รู้ บางที...เจ้าชายไมเซรินุส อาจจะแค้นเคืองเธอแทนเสด็จพี่ของเขา ในเรื่องราวแต่หนหลังเมื่อครั้งที่เธอถูกเจ้าชายโอซิริสสารภาพรัก ก่อนวันที่ฟาโรห์จะส่งเจ้าชายไปเทเบเพียงแค่วันเดียว เพราะหลังจากวันที่หักอกเจ้าชายแฝดพี่แล้ว เช้าวันต่อมาขณะที่เธอนั่งปะปนอยู่กับประชาชนที่รอส่งพระองค์ไปเทเบ เจ้าชายก็ยังอุตส่าห์ชะโงกหน้าออกจากรถม้าพร้อมกับตะโกนดังลั่นจนทุกคนตกอกตกใจว่า “อาเซน่า! ข้าเกลียดเจ้า! ข้าเกลียดเจ้าที่สุด!!” เป็นที่รู้กันทั้งประเทศว่าเจ้าชายไมเซรินุส รักและเทิดทูนเสด็จพ่อกับเสด็จพี่ของพระองค์เพียงใด หากแต่เธอก็ไม่คิดว่าการปฏิเสธคำบอกรักของเจ้าชายโอซิริสในขณะที่เธอยังเป็นเด็ก จะเป็นเรื่องสาหัสสากรรจ์ที่ทำให้พระองค์ทรงผูกใจเจ็บต่อเธอแต่อย่างใด เพราะแม้แต่เจ้าชายโอซิริสที่โดนปฏิเสธแท้ๆ ก็ยังให้อภัยและปฏิบัติต่อเธอด้วยดีเสมอมา “นึกว่าเจ้ากลับไปแล้วซะอีก” “เจ้าชายโอซิริส” หญิงสาวรีบปิดสมุดภาพ แล้วจัดกองหนังสือที่วางอยู่เต็มโต๊ะให้เป็นระเบียบ เพิ่งรู้ว่าอยู่ในห้องหนังสือเพลินจนลืมว่าเวลาล่วงผ่านไปจนบ่ายแล้ว
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 7 ข้าเกลียดเจ้า!
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A