บทที่16 แค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ   1/    
已经是第一章了
บทที่16 แค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ
บทที่16 แค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ ในช่วงที่ชุลมุน “ติ๊ง” เสียงลิฟท์ดังขึ้น หลังจากที่เดินออกมาจากลิฟท์ ลู่ซานพูดว่า “คุณหนูเฉียว ห้องทำงานของคุณชายจิ้นอยู่ด้านหน้าครับ ท่านให้คุณหนูไปพบท่านคนเดียว” ลุงหวางมีความกังวลเป็นอย่างมาก เขากำลังจะเอ่ยปากพูด แต่เฉียวอันอันห้ามเขาไว้ก่อน “หนูรู้ค่ะ รบกวนช่วยดูแลลุงหวางแทนฉันหน่อยนะ ขอบใจมาก” ลู่ซานก้มหน้าตอบรับคำสั่ง เฉียวอันอันบังคับรถเข็นด้วยตัวเองไปหาจิ้นเฉินคนเดียว เมื่อมาถึงประตูห้อง เธอกำลังจะเคาะประตู แต่กลับพบว่าประตูห้องปิดไม่สนิท มีเสียงพูดคุยดังออกมาจากในห้อง เขากำลังยุ่งอยู่เหรอ? เฉียวอันอันตัดสินใจรอก่อน รอให้เขาคุยธุระเสร็จเธอค่อยเข้าไป ขณะที่เธอกำลังจะบังคับรถเข็นออกจากหน้าประตู ทันใดนั้นเสียงในห้องก็ดังขึ้น “เฉิน ทำไมคุณไม่ไปร่วมงานศพของคุณพ่อฉัน แขกเหรื่อที่มาร่วมงานวันนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นแขกของคุณ แต่คุณกลับไม่โผล่หน้าไป ฉันกับคุณแม่ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว” นี่มัน……เสียงของเฉียวหยู่โม่นิ! เฉียวอันอันตกใจ เธอแอบมองเข้าไปในห้อง เธอมาตั้งแต่เมื่อไหร่? ภายในห้องทำงาน จิ้นเฉินนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน สายตาของจิ้นเฉินมองออกไปข้างนอกด้วยความเมินเฉย หลังจากนั้นหันกลับมายิ้มด้วยความเย็นชาแล้วพูดว่า “แล้วจะทำยังไงกับผมล่ะ” กิริยาท่าทางของชายหนุ่มไม่ได้ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย ทำให้เฉียวหยู่โม่ไม่พอใจขึ้นมาทันที “เฉิน(จิ้นเฉิน) ถึงแม้ว่าการหมั้นของคุณกับฉันเกิดขึ้นเพื่อทำให้เฉียวอันอันสะเทือนใจ….” เฉียวหยู่โม่ไม่พอใจเล็กน้อย เธอทนกัดฟันพูดต่อ “แต่เราสองคนก็หมั้นกันแล้วนะ คุณไม่นึกถึงใจของฉันบ้างเหรอ? ” “คุณเหมาะสมเหรอ?” จิ้นเฉินพูดด้วยความเย็นชา แววตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เฉียวหยู่โม่กำหมัดแน่น แล้วพูดออกมาทันทีว่า “คุณเอาฉันมาเป็นข้ออ้าง เพื่อที่จะปิดบังว่าที่จริงแล้วคุณยังรักเฉียวอันอัน คุณไม่กลัวว่าฉันจะทำให้เธออยู่ไม่เป็นสุขเหรอ? ” รอบตัวของจิ้นเฉินกระจัดกระจายไปด้วยความเยือกเย็น เขามองหน้าเฉียวหยู่โม่ด้วยสายตาที่น่ากลัว “หรือคุณอยากจะลองดีกับผม” เฉียวอันอันที่แอบฟังอยู่ด้านนอกห้อง เฉียวหยู่โม่พูดว่าจิ้นเฉินยังรักเธอ! เธอกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เธอกับจิ้นเฉินเลิกกันเมื่อสี่ปีก่อน เหตุผลเพราะว่าเธอไม่อยากเป็นภาระของเขา แต่ไม่ได้นึกถึงใจเขาเลยว่าเขาจะยอมรับได้ไหม เฉียวอันอันเอามือทั้งสองปิดหน้าไว้ ร้องไห้สะอึกสะอื้นเบาๆ เพราะรู้สึกเสียใจทีหลัง ภายในห้อง แววตาของจิ้นเฉินเปล่งประกาย สีหน้าเย็นชา “ผมจะเตือนคุณเป็นครั้งสุดท้าย ห้ามคุณแตะต้องเฉียวอันอันเด็ดขาด เอาเถอะ คุณออกไปได้แล้ว! ” เขาพูดเพื่อไล่ให้เฉียวหยู่โม่กลับไป เฉียวหยู่โม่ได้ยินคำที่เขาพูดก็รู้ทันทีว่าตัวเองโดนไล่ให้กลับ เธอรู้ดีว่าหากเธอยังคงดื้อรั้นอยู่ต่อ เธออาจจะไม่ได้ออกจากประตูนี้อีกเลยก็ได้ เธอยอมกลับไปโดยดี แต่เมื่อเปิดประตูออกไป เธอเจอหน้าคนที่เธอเกลียดที่สุด “เฉียว อัน อัน! เธอมาที่นี่ได้ยังไง?” ตอนนี้เฉียวหยู่โม่เหมือนตัวเม่นตัวหนึ่ง เมื่อเห็นหน้าเฉียวอันอันอารมณ์ความแค้นก็แผ่กระจายขึ้นทันใด เฉียวอันอันเงยหน้าขึ้นมองเธอโดยที่ไม่ได้สนใจคำพูดใดๆ ของเธอเลย เฉียวหยู่โม่เห็นเบ้าตาของเธอแดงก่ำ จากนั้นก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ทันที จึงถามด้วยสีหน้าอันดุร้าย และเสียงอันแหลมคมว่า “เธอมาตั้งแต่เมื่อไหร่? เรื่องที่ฉันพูดกับเฉิน เธอได้ยินอะไรบ้าง?” เฉียวอันอันตอบด้วยความนิ่งว่า “ฉันได้ยินหมดทุกอย่างแล้ว” “เธอดีใจล่ะซิ?” เฉียวหยู่โม่เบะปากด้วยความหมั่นไส้ “ก็ไม่ถึงกับดีใจ แต่แปลกใจมากกว่า” เฉียวอันอันมองหน้าเธอตอบอย่างไม่เกรงกลัว แววตาของเฉียวหยู่โม่เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา “อย่าอิ่มอกอิ่มใจให้มากเลย เธอคิดว่าเธอกับเฉินจะได้กลับมาครองรักกันอีกเหรอ? ” ถึงแม้ว่ามันจะเป็นไปได้ เธอก็จะทำให้มันเป็นไปไม่ได้! “เรื่องนี้เป็นเรื่องของฉันกับจิ้นเฉิน เธอไม่ต้องใส่ใจหรอก ฉันมีเรื่องจะคุยกับจิ้นเฉิน ขอทางด้วย” เฉียวอันอันพูดด้วยความเฉยชา จากนั้นเธอบังคับรถเข็นเข้าไปในห้องทำงานของจิ้นเฉิน “นี่เธอ!” เฉียวหยู่โม่โมโห อยากจะตามเฉียวอันอันเข้าไป แต่ก็กลัวจิ้นเฉินจะโกรธ เลยทำได้แค่ยืนด่าอยู่หน้าห้อง เมื่อเฉียวอันอันเข้าไปในห้องก็อดใจไม่ได้ที่จะสังเกตภายในห้อง ห้องใหญ่และเรียบง่าย! “เข้ามาในห้องทำงานคนอื่นแล้วสังเกตแบบนี้ ตระกูลเฉียวไม่ได้สอนมารยาทเธอเหรอ?” คำพูดด้วยน้ำเสียงถากถางของชายหนุ่มดังขึ้น เฉียวอันอันเงยหน้าขึ้น ก็เห็นจิ้นเฉินกำลังจ้องเธออยู่ “ฉันขอโทษ” เธอเข้ามาแล้วสังเกตมองดูภายในห้องคนอื่นแบบนี้ เป็นเรื่องที่ไม่สมควร “เหอะ!” จิ้นเฉินยิ้มด้วยความเย็นชา สายตามองไปยังเฉียวอันอัน ช่วงไม่กี่วันมานี้เธอผอมลงไปมาก ก่อนหน้านี้คางยังมีเนื้อบ้าง แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว เหมือนอะไรกลมๆ นั่งอยู่บนรถเข็น เห็นเฉียวอันอันเป็นแบบนี้แล้ว ทำให้จิ้นเฉินเป็นกังวลอย่างมาก แววเต็มไปด้วยความรักและทะนุถนอม แต่ผ่านไปเพียงครู่หนึ่ง กิริยาท่าทางของเขาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา ในแววตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “งานศพของคุณพ่อคุณก็เสร็จเรียบร้อยไปแล้ว ทำไมคุณยังไม่กลับไปพักที่โรงพยาบาล ถ้าให้ผมทาย คุณต้องการเงินใช่ไหม? ” คำพูดถากถางของจิ้นเฉินเปรียบเสมือนแซ่ฟาดลงกลางใจของเธอ ทำให้เธอเจ็บปวดภายใจจิตใจเป็นอย่างมาก เธอก้มหน้าลงกัดฟันและสงบสติอารมณ์ จากนั้นพูดขึ้นมาว่า “ที่ฉันมาหาคุณครั้งนี้ไม่ได้จะมาเพราะเงิน” เธอรู้สึกผิดต่อจิ้นเฉินสำหรับเรื่องราวเมื่อสี่ปีที่แล้ว หลังจากนี้เธอยอมจะชดใช้ให้ ไม่ว่าจิ้นเฉินต้องการให้เธอทำอะไรเธอพร้อมที่จะทำทุกอย่าง แต่ในตอนนี้เธอจะลืมจุดประสงค์ของการมาที่นี่ไม่ได้ “งั้นเหรอ?” จิ้นเฉินขมวดคิ้วขึ้น น้ำเสียงของเขามีความสงสัยเล็กน้อย เฉียวอันอันสูดลมหายใจลึกๆ จ้องหน้าเขาด้วยแววตาที่อยากจะเสาะหาความจริง “ที่ฉันมาครั้งนี้ก็เพื่อที่จะมาหาหลักฐานเพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่าง” “คุณมีอะไรก็ว่ามา” “น้องชายฉัน เฉียวอันซู่ได้หายตัวไปเมื่อสามวันที่แล้ว……” “คุณหมายความว่ายังไง!” จิ้นเฉินไม่เข้าใจ ผู้หญิงคนนี้จะใช้กลอุบายอะไรมาหลอกเขาอีก? เฉียวอันอันเก็บอารมณ์และความรู้สึกไว้ จากนั้นพูดต่อ ว่า “ฉันเช็คกล้องวงจรปิดมาแล้ว เขาถูกลักพาตัวไป ในเมืองเจียงเฉิงนี้คนที่กล้าลักพาตัวน้องชายฉันถึงบ้านมีเพียงคนเดียวเท่านั้น” จิ้นเฉินขมวดคิ้วขึ้น “ดังนั้นคุณคิดว่าผมเป็นคนทำอย่างนั้นเหรอ? ” เฉียวอันอันเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นพูดขึ้นว่า “ได้ยินมาว่าในคืนที่ฉันเข้าโรงพยาบาล น้องชายฉันได้ทำร้ายคุณ ถ้าหากเรื่องนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้คุณลักพาตัวเขาไปล่ะก็ ฉันขอโทษคุณแทนน้องชายฉันด้วย น้องชายฉันยังเด็ก ไม่รู้เรื่อง หวังว่าคุณจะปล่อยตัวเขา” คำพูดของเธอทำให้จิ้นเฉินเส้นขมับกระตุกขึ้นมาทันใด เขาถามกลับด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ในสายตาคุณ ผม จิ้นเฉินคนนี้เป็นคนแบบนั้นเหรอ? ” เฉียวอันอันเงียบ เธอมองจิ้นเฉินด้วยสายตาที่บอกว่า “มันเป็นเช่นนั้นไม่ใช่เหรอ” จิ้นเฉินยิ้มด้วยความโกรธ “เหอะ ใช่ ผมเอง” มือของเฉียวอันอันที่วางอยู่บนที่ราวจับเก้าอี้รถเข็นนั้นกำแน่นขึ้นทันที คาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเขาจริงๆ…… ถึงแม้ก่อนหน้านี้เธอจะสงสัยว่าจิ้นเฉินเป็นคนลักพาตัวน้องชายเธอไป แต่ในใจลึกๆ ของเธอก็ยังคงหวังว่าไม่ใช่ฝีมือเขา ดังนั้นเธอจึงมาถามหาความจริงเพื่อความชัดเจน แต่ตอนนี้ความหวังอันน้อยนิดที่เธอคิดกลับพังทลายลง เพราะจิ้นเฉินเป็นคนยอมรับด้วยตัวเองว่าเป็นฝีมือเขา “ทำไม……” เฉียวอันอันก้มหน้าลง แววตาหม่นหมอง เมื่อเห็นเธอแบบนี้แล้ว จิ้นเฉินก็ยิ่งโกรธ ผู้หญิงคนนี้ไม่มีสมองเหรอ? ฟังไม่ออกเหรอว่ามันคือการประชด? ดี ในเมื่อเธอปักใจเชื่อว่าเขาเป็นคนทำ ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะไม่ทำให้เธอผิดหวัง “คุณมาขอโทษแทนเฉียวอันซู่เหรอ?” จิ้นเฉินถามด้วยความเย็นชา แววตาเต็มไปด้วยความหม่นหมอง เฉียวอันอันรู้สึกไม่สบายใจ แต่ยังพยักหน้าตอบรับว่ามาขอโทษแทนน้องชายตัวเอง “น้องชายของฉันทำร้ายคุณ มันเป็นความผิดของน้องชายฉัน ฉันจึงมาขอโทษคุณ ฉันขอโทษ ถึงอย่างไรคุณก็ได้สั่งสอนเขาแล้ว ปล่อยเขาเถอะนะ……” เธอมองจิ้นเฉินด้วยแววตาขอร้องวิงวอน น้ำเสียงอ่อนนุ่มเล็กน้อย อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้กลับทำให้จิ้นเฉินยิ่งสะเทือนใจ เขานึกถึงในคืนที่ฝนตกเมื่อสี่ปีก่อน ท่าทีที่เขาขอร้องวิงวอนเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่มแบบนี้เพื่อไม่ให้เธอเลิกกับเขา แต่เธอกลับมองเขาเหมือนขยะ และบอกกับเขาว่าเขาไม่คู่ควรกับเธอ จิ้นเฉินรวบรวมความคิดทั้งหมด เขามองเฉียวอันอันที่กำลังกระวนกระวายใจและมีท่าทีที่น่าสงสารอยู่นั้น ในใจก็รู้สึกเป็นสุขที่ได้แก้แค้นเธอคืน ยังไม่พอหรอก แค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ! จิ้นเฉินหรี่ตามองแล้วเดินไปที่เฉียวอันอัน เขายื่นมือออกไปจับที่คางของเธอแล้วดึงมาอยู่ตรงหน้าของเขา
已经是最新一章了
加载中